การทำข้าวเกรียบกุ้งสงขลา

เมืองไทยในอดีตนั้น  ร่ำรวยด้วยทรัพยากรธรรมชาติ  อย่างล้นเหลือสมกับที่ศิลาจารึก  ของพ่อขุนรามคำแหงได้กล่าวไว้ว่าในน้ำมีปลาในนามีข้าว  ซึ่งตรงกับภาษาฝรั่ง  ที่บรรดาไกด์นำเที่ยวอธิบายให้พวกฝรั่งที่ไปเที่ยวสุโขทัยฟังว่า In the water there are fish, in thefields there is rice คนในสมัยกรุงสุโขทัย  อยุธยา กรุงเทพฯ ยุคนั้นจึงได้กิน แต่ กุ้ง หอย ปู ปลา สดๆ ชนิดที่พอขึ้นจากน้ำก็ทำกินกันเลย  เพราะที่ไหนมี คู คลอง หนองบึง  ที่นั่นก็จะมีสารพัดสัตว์น้ำให้เลือกจับตามชอบใจ

ก็ไม่ต้องดูอื่นดูไกลหรอก  เอาแค่สมัยเมื่อ 40 กว่าปีนี้เองเจ้าของร้านค้าแถว ๆ ท่าช้างวังหลวง  ได้เล่าให้ฟังว่าตอนที่ยังเป็นเด็ก ๆ อายุสัก 10 ขวบ  เวลาลงไปเล่นน้ำเจ้าพระยาที่ท่าช้างวังหลวง  พอขึ้นจากน้ำจะต้องได้กุ้งนางติดมือขึ้นมาไม่ต่ำกว่า 3-4 ตัวทุกทีไป  เพราะแม่น้ำเจ้าพระยาในสมัยนั้นมี กุ้ง หอย ปู ปลา ชุกชุม จริง ๆ

แต่เมืองไทยในสมัยปัจจุบัน  ก็ยังมีอะไร ๆ เหมือนกับเมืองไทย  ในสมัยสุโขทัยเหมือนกัน  แต่ต่างกันนิดผิดกันหน่อย ก็ตรงที่ในน้ำที่ปลา (เป็นโรค)  ในนามีข้าว (เป็นโรค) หรือถ้าจะพูดให้สมกับสมัยกรุงเทพฯยุค 200 ปี ก็ต้องพูดว่า  ปลาเป็นโรคอยู่ในน้ำ ข้าวเป็นโรคอยู่ในนา

บรรดาสัตว์น้ำทั้งหลายก็เลยร่อยหรอสูญพันธุ์ไปเสียมากต่อมาก  ยิ่งกุ้งก้ามกรามด้วยแล้วสูญพันธุ์ไปเป็นแม่น้ำเลย  ฉะนั้นเมื่อนั่งรถยนต์ รถไฟ ผ่านอยุธยา อดีตเมืองกุ้งก้ามกราม  จะเห็นเด็กสาวรุ่นดรุณี วัยเอ๊าะ ๆ หอบถุงข้าวเกรียบกุ้งเที่ยวเร่ขาย  ตาม

สถานีรถไฟ ท่ารถ บ.ข.ส. กันให้ขวักไขว่  ผู้ใหญ่ใจดีสงสารเอ็นดู เอ๊าะ ๆ ซื้อติดไม้ติดมือ กลับไปรับรองว่าได้กินแต่แป้งใส่สีย้อมผ้า  แต่ถ้าอยากจะกินข้าวเกรียบกุ้งกันจริง ๆ ก็เป็นต้องหัดทำกินเอง  ดีหรือไม่ดี อร่อยหรือไม่อร่อย อย่าเพิ่งไปพูดถึงทำเสร็จแล้วรับรองว่าได้กินข้าวเกรียบกุ้งจริง ๆ ก็แล้วกัน  แต่ขอบอกกล่าวไว้ก่อนว่าวิธีทำนั้นไม่ยาก แต่จะทำให้ได้ผลดีเหมือนข้าวเกรียบกุ้งสงขลานั้น ค่อนข้างยาก แต่ถ้าหัดทำบ่อย ๆ พอจับเคล็ดจับหลักได้ก็ไม่ยาก  หรือถ้าเผลอ ๆ เกิดมีพรสวรรค์ทางด้านนี้ดีไม่ดี ทำขายจนรวยไม่รู้เรื่องทีเดียวเจียว  ติดตา พะยี่ห้อแล้วประชาสัมพันธ์เสียหน่อยว่า  ข้าวเกรียบกุ้งแท้ของแม่อู๊ด  บางขุนนนท์ ข้าวเกรียบกุ้งเสวยร้านแม่อัน  อ่างทอง  ดีไม่ดีแม่ช้อยนางรำกับพ่อเชลล์ชวนชิม  วิ่งหน้าตั้งแข่งแซงกันมาชิม จนแม่อู๊ด แม่อันแก  ต๊กใจนี่ซีแย่หน่อย

วิธีทำข้าวเกรียบกุ้งสงขลา


ส่วนผสม

1.  แป้งสาคู  ½  กก.

2.  แป้งสิงคโปร์  ½  กก. (แป้งมันสำปะหลัง)

3.  กระเทียม  ½  ขีด

4.  น้ำปลาดี  ¼  ถ้วยตวง

5.  เกลือ 2  ช้อนชา

6.  ผงชูรสอายิโน๊ะโม๊ะโต๊ะ  2  ช้อนชา

7.  พริกไทยเม็ด  2  ช้อนชา

8.  กุ้งชีแฮ้สด  ½  กก.

9.  สีผสมอาหารขององค์การเภสัช (สีแสด)

วิธีทำ

ปอกกุ้งกระเทียม ตำผสมให้เข้ากัน  เติมพริกไทยเม็ดที่ตำละเอียดแล้วลงไปด้วย  เสร็จแล้วแยกไว้ต่างหาก เอาแป้งสาคู ½ กก. ใส่แร่งผสมกับ แป้งสิงคโปร์ (แป้งมันสำปะหลัง) ½ กก. ให้เข้ากัน  เติมผงชูรส เกลือ สีผสมอาหารลงไป  แล้วใส่แร่งร่อน  ผสมให้เข้ากัน เติมน้ำร้อนลงไปพอประมาณ นำกุ้ง กระเทียมที่แยกไว้ ผสมลงไปด้วยเติมน้ำปลา  คลุกเคล้าให้เข้ากันดีแล้วนวดแป้งจนได้ที่  การนวดแป้งต้องใช้เวลานานหน่อย  หลังจากนั้นแป้งที่นวดแล้วหั่นเป็นท่อนยาว ๆ นำท่อนแป้งเข้า ซึ้ง (ที่นึ่ง) หรือลังถึง  นึ่งนานประมาณ 15 นาที พอนึ่งเสร็จแล้วหั่นเป็นแผ่น ๆ หนาประมาณ 2 มิลลิเมตร นำไปตากแดด 1 วัน ทันที พอแห้งก็นำไปทอดรับประทานได้ทันที  หรือถ้าจะเก็บไว้ก็เก็บได้หลายวัน