กล้วย:สรรพคุณของกล้วยกับการรักษาโรค

สรรพคุณของกล้วย

 

กล้วยเป็นไม้ผลที่คนโบราณนิยมปลูกใกล้บ้านไว้เป็นอาหารเพื่อไม่ต้องเข้าป่าไปหาประโยชน์ของกล้วยมีมากมาย คนโบราณรู้จักประโยชน์จากกล้วยมานานแล้ว  เกือบทุกส่วนของกล้วยสามารถนำมาดัดแปลงใช้ให้มีคุณค่าได้ ดังนี้

ผล ใช้นำมารับประทาน

ใบ ใช้ห่อของ ทำสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ เช่น กระทง บายศรี

เส้นใย จากกล้วยนำมาใช้สานเป็นกระเป๋าถือสตรี  ประดิษฐ์ของใช้หลายชนิด

กาบกล้วยสด นำมาหั่นคลุมดินรักษาความชื้นได้

ยางกล้วย ใช้เป็นสีย้อมด้ายทอผ้าให้มีสีน้ำตาลไม่ตก ไม่ลอก ทนทานดี

ใบกล้วย มีขี้ผึ้ง คนโบราณนำมาขัดพื้นกระดานทำให้พื้นลื่นเป็นมัน

ใบสด ใช้เป็นเครื่องรองเตารีดที่รีดผ้า เพื่อลดความร้อน

หัวปลี ใช้ทำอาหารเป็นผักสดประกอบแกงหรือต้มยำ

ก้าน นำมาตากให้แห้งทำเชือก

ก้านสด เป็นของเล่นของเด็กโดยเอามาขี่เป็นม้า

กาบ นิยมหามาแกะสลักเรียกว่าแทงหยวก เป็นลายกนกเพื่อตกแต่งประดับพิธีต่าง ๆ

กล้วยจึงนับได้ว่าเป็นพืชสารพัดประโยชน์และเป็นอาหารที่มีคุณค่ามาก ชาวอินเดียถือว่ากล้วยเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อกระเพาะลำไส้  โดยเฉพาะโรคกระเพาะ หมอสมุนไพรอินเดียยืนยันมานานแล้วว่าใช้กล้วยแก้โรคนี้ได้ดี นักวิทยาศาสตร์ก็พยายามทดลองพิสูจน์หาความจริง  มีการทดลองจนแน่ใจและสามารถที่จะเผยแพร่ได้แต่อาจจะมีน้อยคนที่จะรู้ว่ากล้วยเป็นยารักษาโรคได้หลายชนิด

สรรพคุณของกล้วยกับการรักษาโรคต่าง ๆ

โรคกระเพาะ

เอากล้วยหักมุกดิบมาหั่นตากแดดบดผงกินวันละ 4 ครั้ง ๆ ละ 1-2 ช้อนแกง  โดยใช้ผสมกับน้ำผึ้งหรือน้ำหวาน พอให้เหนียว ๆ กินก่อนอาหารครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงและก่อนนอน

ความดันโลหิตสูง

ตำราอินเดียกล่าวว่า  คนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงควรกินกล้วยสุกเป็นประจำ เพราะกล้วยมีส่วนรักษาโรคนี้ได้ดี

เบาหวาน

ชาวอินเดียใช้ดอกกล้วยต้มเอาน้ำมากินแก้เบาหวาน  วิธีต้มใช้ดอกกล้วย 1 กำมือ ล้างน้ำให้สะอาด ต้มกับน้ำ 3 แก้ว ให้เดือดนาน 20 นาที กินครั้งละ 1 แก้ว วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น

ผิวกล้วยแห้งและกล้วยสุกเป็นอาหารที่ช่วยบรรเทาโรคเบาหวานได้เช่นกัน

ปวดท้องเป็นประจำ

ให้เอาเปลือกกล้วยน้ำว้าสุก 3 กำมือ เกลือแกง 1 กำมือ นำยาทั้ง 2 อย่างใส่หม้อดินใส่น้ำพอท่วมต้มให้เดือดนานครึ่งชั่วโมง กินน้ำยาครั้งละ 1 ถ้วยชาจีนก่อนอาหารเช้า-เย็น  มีสรรพคุณแก้ริดสีดวงลำไส้ มีอาการปวดท้องเป็นประจำ

(ตำรับ ของกรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์)

ปากขม

เมื่อคราวที่ไข้หวัดระบาด ดิฉันนอนซมเลยค่ะ ลางานตั้งอาทิตย์ทานอะไรไม่ได้เลย น้ำหนักลดตั้ง 5 กก.  ดิฉันได้กล้วยน้ำว้าของเรานี่แหละค่ะถึงรอดตาย  เวลาเป็นไข้กินอะไรมันขมแม้แต่น้ำ  แต่กินกล้วยน้ำว้าจะไม่ขมเลย  ซ้ำพลังงานทำให้มีแรงอีกด้วย แปลกนะคะ “กล้วยน้ำว้าทำไม่ไม่เปลี่ยนรส” อรนุช  แซ่ล้อ (คัดจากหนังสือฟ้าเมืองไทย)

ปากเหม็น

ใครที่รู้ตัวว่ามีกลิ่นปากเหม็น  มีวิธีแก้ที่ลงทุนไม่มากนักเพราะผู้เขียนก็ปากเหม็น แต่บัดนี้หายแล้ว วิธีแก้คือรับประทานกล้วยน้ำว้า กล้วยหอม กล้วยไข่ หรือกล้วยอะไรก็ได้ที่ยังไม่ได้ ต้ม ทอด เชื่อม ปิ้ง รับประทานในตอนเช้าหลังจากตื่นนอนแล้ว สัก 6-7 ลูก จึงค่อยแปรงฟัน ทำอย่างนี้สัก 1 อาทิตย์

พิศาล  มาธรรมา (คัดจากหนังสือฟ้าเมืองไทย)

ร้อนใน

ตามสรรพคุณยาไทยกล่าวว่ารากของกล้วยดิบมีรสเย็นใช้แก้ร้อนในได้ดี  วิธีใช้เอารากกล้วยดิบมาหั่นเป็นชิ้นใส่น้ำลงไป 2 เท่า ต้มให้เดือดนาน 15 นาที กินครั้งละ ½ -1 แก้ว  วันละ 3-4 ครั้ง

ริดสีดวงจมูก

สรรพคุณยาไทย  กล่าวว่าใบกล้วยดิบ ใช้มวนยาสูบแก้ริดสีดวงจมูกได้

โรคพยาธิ

อินเดียใช้ขี้เถ้าจากต้นและใบกล้วยกินเป็นยาขับพยาธิ บอกว่าใช้ได้ผล กินครั้งละ ½ -1 ช้อนชา ก่อนอาหารเช้า-เย็น

โรคริดสีดวงทวาร

คนที่เป็นริดสีดวงทวารไม่ว่าจะเป็นเริ่มแรกจนกระทั่งถ่ายเป็นเลือด  ควรกินกล้วยเป็นประจำ เพราะกล้วยจะทำให้อุจจาระอ่อนตัว  เวลาถ่ายอุจจาระจะได้ไม่ครูดกับหัวริดสีดวงทวาร

โรคหัวใจ

จีนใช้ดอกกล้วยแห้งบดผงผสมน้ำ เติมเกลือเล็กน้อย กินรักษาโรคหัวใจ กินครั้งละ 1-2 ช้อนชา วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น

หอบหืด

ใช้ผิวไผ่ 1 กำมือ ห่อด้วยใบตองกล้วยตานีล้างให้สะอาด ใส่น้ำท่วม ต้มยากินวันละ 2-3 ครั้ง  ครั้งละ ½-1 แก้ว

หูเป็นฝี

เชื่อหรือไม่หนูมีวิธีแก้ฝีในหู เพราะหนูเคยเป็นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว  รับรองหายเด็ดขาด เอาทางกล้วยน้ำว้ามาลนไฟแล้วบิดเอาน้ำใส่ในรูหู นอนเอียบหูไว้สัก 5 นาที เทออกมาก็จะหายปวด ทำวันละ 2-3 ครั้ง

นันทวดี  ผลินธก (คัดจากหนังสือฟ้าเมืองไทย)

กลุ่มงานเคหกิจเกษตร

กองพัฒนาการบริหารงานเกษตร

กรมส่งเสริมการเกษตร