ไผ่เป็นพืชชนิดหนึ่งที่ใช้ประโยชน์ได้สารพัด ขึ้นได้ทุกภาคของประเทศการดูแลรักษาก็ไม่ลำบากนัก บางครั้งปล่อยให้เจริญเติบโตตามธรรมชาติก็ยังให้ผลผลิตดี ไม่ค่อยมีโรคแมลงรบกวนเช่นพืชอื่น ๆ เกือบทุกส่วนนำไปจำหน่ายได้ ตลาดรับซื้อในบ้านเราก็ยังหาง่ายอีกด้วย
การเตรียมดินปลูก
เตรียมดินปลูกในช่วงก่อนฤดูฝน โดยไถพรวน 2 ครั้ง ตากดินไว้อย่างน้อย 2 อาทิตย์แล้วย่อยดิน เว้นระยะปลูกระหว่างต้นและระหว่างแถวให้พอเหมาะ ถ้าปลูกไผ่ตงใช้ระยะ 8×8 เมตร ขุดหลุมขนาด 50x50x50 หรือ 100x100x100 ซม. แล้วแยกดินชั้นบนและดินชั้นล่าง ทำดินชั้นบนผสมกับปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกประมาณ 1 ปี๊บต่อหลุม หรือใช้ปุ๋ยคอก 1 ปี๊บผสมกับปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 20-30 กรัม (2-3 ช้อนแกง) ต่อหลุมและควรผสมหินฟอสเฟตด้วย อัตรา 300 กรัม (1 กระป๋อง) ต่อหลุม ควรผสมสารเคมีพวกคาร์โบฟูแรน เช่น ฟูราดานหรือคูราแทร์ ประมาณ 5-10 กรัม (1/2 – 1 ช้อนแกง) ต่อหลุมด้วย คลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากันแล้วใส่ลงในหลุม ทิ้งหลุมไว้ประมาณ 2-4 อาทิตย์ จึงปลูกไผ่
การปลูก
1. นำกิ่งพันธุ์ที่เตรียมไว้ปลูกในหลุม โดยวางให้กิ่งเอียงทำมุม 45 องศากับผิวดิน เพื่อให้มีการแทงหน่อได้เร็ว
2. กลบดินแล้วเหยียบให้แน่น
3. ปักไม้ค้ำเพื่อยึดต้นพันธุ์ไม่ให้ล้มหรือโยก เมื่อโดนลม
4. อาจคลุมดินด้วยฟ่างข้าวหรือหญ้าแห้ง เพื่อรักษาความชื้นของดินบริเวณโคนต้น
การปฏิบัติดูแลรักษา
เมื่อทำการปลูกไผ่ตงแล้ว จะต้องใช้เวลานานประมาณ 1-2 เดือนหลังจากปลูก ไผ่ตงจะตั้งตัวได้พร้อมทั้งแตกใบใหม่ และหลังจากที่ต้นไผ่เจริญเติบโตสมบูรณ์แข็งแรงดีในระยะปีต่อ ๆ มาก็ให้ทำการไถพรวนเพื่อกำจัดวัชพืช ซึ่งจะนิยมทำกันในช่วงก่อนที่ดินจะแห้ง คือประมาณช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน เพราะสภาพที่ดินแห้งจะทำให้ไถพรวนยากลำบาก นอกจากนี้ในช่วงฤดูแล้งที่มีฝนทิ้งช่วงจะประมาณเดือนพฤศจิกายน-เมษายน ก็จำเป็นต้องให้น้ำช่วยด้วย โดยเฉพาะปีแรกของการย้ายปลูกลงแปลง ส่วนการให้ปุ๋ยนั้น จะมีการให้ปุ๋ยระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน ซึ่งอาจจะใช้แต่เพียงปุ๋ยคอกอย่างเดียวก็ได้ โดยใช้ในอัตรา 1-1.5 ตันต่อไร่ (ประมาณ 40-50 กก. หรือ 4-5 ปุ้งกี๋ต่อกอ) หรือจะใช้ปุ๋ยคอกร่วมกับปุ๋ยเคมีด้วยก็ได้ วิธีการก็โดยใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 16-16-8 หรือสูตร 15-15-15 หรือปุ๋ยหินฟอสเฟตในอัตรา 50-100 กก.ต่อไร่ หรือในอัตรา 2-4 กก.ต่อกอ โดยใส่หลังจากให้ปุ๋ยคอกแล้ว
ช่วงที่มีการเร่งการออกหน่อนั้นก็ให้เพิ่มปุ๋ยในช่วงระยะที่มีการแทงหน่อ โดยการใช้ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟตหรือปุ๋ยสูตร 16-20-0 ในอัตราส่วน 2 กก.ต่อกอ เพิ่มใส่ให้หลังจากใส่ปุ๋ยตามที่กล่าวมาแล้ว ปุ๋ยที่เพิ่มให้นี้จะช่วยกระตุ้นให้มีการแทงหน่อออกมาเร็ว นั่นคือ หน่อจะยืดตัวได้เร็ว และมีคุณภาพดีเพิ่มขึ้นด้วย ในบางครั้งก็มีการใช้ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟตหรือยูเรีย ผสมกับปุ๋ยสูตร 13-13-21 โดยให้พร้อมกันในอัตรา 1 กก. ต่อกอก็ได้
ข้อเสียการให้ปุ๋ยเร่งหน่อ
1. หน่อที่ได้จะมีลักษณะอวบน้ำ ทำให้จำหน่ายไม่ได้ราคา เพราะเมื่อนำไปทำหน่อไม้อัดปี๊บแล้วจะมีน้ำหนักลดลงกว่าปกติมาก
2. เมื่อทำการเก็บเกี่ยวหน่อเรียบร้อยแล้ว ต้องมีการบำรุงรักษาอย่างดีในปีถัดไป ทั้งนี้เพราะหากไม่มีการบำรุงรักษาที่ดีพอกอไผ่ตงจะทรุดโทรมได้ง่าย และเร็วกว่าปกติ