การเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์
เรียบเรียง โกรินทร์ บุญประเสริฐ กองขยายพันธุ์พืช
นิศากร พลับรู้การ กองเกษตรสัมพันธ์
การเก็บเมล็ดพันธุ์ในสภาพอากาศร้อนชื้น หรืออบอ้าว เช่นประเทศไทยเรานี้ทำได้ค่อยข้างยาก เพราะความงอกมักจะลดลงอย่างรวดเร็ว แต่หากมีการปฏิบัติที่ถูกต้องก็พอจะเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์พืชไว้ใช้ในฤดูถัดไปได้
การเก็บรักษาที่ดีที่สุดก็ไม่อาจทำให้เมล็ดพืชที่มีคุณภาพต่ำกลายเป็นเมล็ดที่มีคุณภาพดีได้ และโดยปกติเมล็ดซึ่งมีความงอกดี มีความแข็งแรงสูง จะเก็บรักษาไว้ได้ง่ายกว่าเมล็ดที่มีความงอกต่ำ ดังนั้นในการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์พืชไว้สำหรับทำพันธุ์ จึงต้องเลือกเก็บแต่เมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพ มีนั้น จำเป็นต้องมีการปฏิบัติให้ถูกต้องตั้งแต่อยู่ในไร่นา จนถึงก่อนนำเข้าเก็บรักษาดังนี้
1. การเก็บเกี่ยว
- เก็บเกี่ยวทันที เมื่อเมล็ดแก่เต็มที่อย่าล่าช้า ต้องเก็บเกี่ยวก่อนที่จะโดนฝน
- อย่ากองเมล็ดพันธุ์ที่เก็บเกี่ยวสุมกันเป็นกองใหญ่ ๆ
2. การนวด
- ควรนวดหรือกะเทาะเมล็ดพันธุ์อย่างระมัดระวัง ให้ได้รับการกระทบกระเทือนและบอบช้ำน้อยที่สุด
3. การทำความสะอาด
- ทำความสะอาด และคัดเลือกเมล็ดที่ไม่สมบูรณ์ เมล็ดแตกหัก หรือมีโรคแมลงทำลายออก โดยการคัดด้วยมือ ฝัด ร่อน หรือ การใช้เครื่องจักรกล
4. การตาก
- ตากหรืออบเพื่อลดความชื้นของเมล็ดพันธุ์พืชให้แห้งหรือมีความชื้นน้อยที่สุด
5. การทดสอบคุณภาพ
ควรทดสอบคุณภาพของเมล็ดพันธุ์ ก่อนนำเข้าเก็บรักษาทุกครั้ง หากเมล็ดมีความงอกต่ำ หรือต้นกล้าไม่แข็งแรง ไม่ควรเก็บรักษาให้สิ้นเปลืองแรงงานและเวลา ในกรณีที่มีเมล็ดอยู่หลายกระสอบ แต่ต้องการเก็บไว้เพียงบางกระสอบ ควรทดสอบคุณภาพทุก ๆ กระสอบ แล้วเลือกเก็บเฉพาะกระสอบที่มีคุณภาพดีที่สุดเท่านั้น
การทดสอบความงอกทำได้ง่าย ๆ โดยนำเมล็ดพันธุ์บางส่วนไปเพาะในดินหรือทรายที่บรรจุในกระบะ ถาด กะละมัง กระป๋อง กระถาง หรือในแปลงเพาะเล็ก ๆ ตามความสะดวก เมื่อเพาะได้ 5-10 วัน ก็นับดูว่าเมล็ดพันธุ์งอกดีหรือไม่ ถ้าเมล็ดมีความ งอกสูง งอกเร็ว และต้นกล้ามีความสมบูรณ์ดีก็แสดงว่าเมล็ดพันธุ์ส่วนที่เหลือใช้ทำพันธุ์ได้
เมื่อได้เมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพดีมาแล้วต้องมีการปฏิบัติในการเก็บรักษาให้ถูกต้องด้วย เพื่อช่วยยืดอายุเมล็ดพันธุ์หรือให้เก็บรักษาได้นานขึ้น
วิธีการเก็บรักษา
ก. เก็บในสภาพปกติ หรือไม่มีห้องเย็น ดังนี้
1. บรรจุเมล็ดพันธุ์ไว้ในกระสอบผ้า กระสอบป่าน หรือถุงพลาสติดสาน แล้วเก็บเมล็ดพันธุ์ที่บรรจุในภาชนะเหล่านี้ไว้ในที่รม อากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่ร้อนชื้นหรืออบอ้าว และหมั่นนำออกตากแดดบ่อย ๆ เพื่อให้เมล็ดพันธุ์แห้งอยู่เสมอ
2. บรรจุเมล็ดพันธุ์ไว้ในภาชนะที่ปิดสนิท เช่น ขวด หรือถังที่มีฝาปิดขันเกลียวแน่น ซึ่งจะต้องทำให้เมล็ดพันธุ์แห้งเป็นพิเศษก่อนบรรจุในภาชนะที่เก็บรักษา
ข. เก็บในอุณหภูมิต่ำหรือห้องเย็น โดยมีวิธีเก็บดังนี้
1. เก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ในตู้เย็น ในกรณีที่เมล็ดพันธุ์มีจำนวนน้อย ๆ เช่น เมล็ดพันธุ์ผักให้นำเมล็ดพันธุ์มาลดความชื้นพอประมาณ แล้วบรรจุในภาชนะที่มีฝาปิดสนิท ก่อนนำเข้าเก็บรักษา
2. เก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ในห้องปรับอากาศ ซึ่งสามารถควบคุมระดับความชื้นและความชื้นสัมพัทธ์ได้ตามชนิดของพืชที่จะเก็บรักษา
ข้อแนะนำในการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์พืช
1. การป้องกันและกำจัดศัตรูพืช
1.1 รมด้วยสารเคมี เช่น ฟอสฟีนอัตรา ½ – 1 เม็ด ต่อเมล็ดพันธุ์ 100 กิโลกรัม
1.2 คลุมด้วยสารเคมีป้องกันกำจัดแมลง เช่น พีรีมีฟอสเมทธิล 50% EC. อัตรา 8-20 ซีซี. ผสมน้ำ 1-2 ลิตร ต่อเมล็ดพันธุ์ 1 ตัน
2. ทำให้เมล็ดพันธุ์แห้งอยู่เสมอ และนำออกผึ่งแดดเป็นครั้งคราว เพื่อความปลอดภัย
3. เก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ในที่มีอากาศเย็นหรือมีการระบายอากาศดี
4. อย่าวางเมล็ดบนพื้นดิน หรือพื้นซีเมนต์ ควรวางเมล็ดพันธุ์บนแคร่ หรือยกพื้นห่างจากดิน หรือซีเมนต์อย่างน้อย 15 เซนติเมตร
5. อย่าวางเมล็ดพันธุ์ไว้ใกล้กับปุ๋ยหรือยาเคมี
6. อย่าเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ในที่ชื้นหรือใกล้แหล่งน้ำ
อายุการเก็บรักษา
เมล็ดพันธุ์พืชมีชีวิต การเก็บรักษาได้ยาวนานแตกต่างกัน เช่น
– เมล็ดพันธุ์พืชน้ำมัน เช่น ถั่วเหลือง ถั่วลิสง จัดเป็นเมล็ดพันธุ์ที่มีอายุสั้น เก็บรักษาไว้ได้ไม่นาน
– เมล็ดพันธุ์พวกแป้ง เช่น ข้าว ข้าวโพดหรือถั่วเขียว จัดเป็นพวกที่มีอายุยาว เก็บรักษาไว้ได้นาน
ประโยชน์ในการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์
เนื่องจากขณะนี้เมล็ดพันธุ์คุณภาพดีที่ผลิตโดยทางราชการและเอกชน ยังมีจำนวนน้อยไม่เพียงพอแก่ความต้องการเกษตรกรจึงควรรู้จักวิธีการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ไว้ใช้เอง เพื่อเป็นหลักประกันว่าจะมีเมล็ดพันธุ์เมื่อถึงฤดูเพาะปลูก สำหรับผู้ที่เก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ไว้แล้ว แต่สามารถหาซื้อเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพดีกว่าได้ก็อาจจะขายเพื่อใช้ประโยชน์อย่างอื่นต่อไปได้
เริ่มต้นให้ถูก ปลูกด้วยเมล็ดพันธุ์ดี