การเพาะเห็ดแบบอินทรีย์

ในความเป็นจริง ประเทศไทยมีความเหมาะสมที่จะทำการเพาะเห็ดได้มากมายหลายชนิด เนื่องจากมีวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาก ซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นวัสดุเพาะได้อย่างดี ภูมิอากาศก็พอเหมาะที่จะเพาะเห็ดได้ตลอดทั้งปี การเพาะเห็ดใช้เวลาในการเพาะสั้น ให้ผลผลิตเร็วทำให้เกษตรกรสามารถทำเป็นทั้งอาชีพหลักและอาชีพเสริม อีกทั้งตลาดมีความต้องการสูง เป็นที่นิยมของผู้บริโภค ทำให้มีผู้เข้ามาทำการเพาะเห็ดเพื่อการค้ากันเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็มีทั้งผู้ที่ประสบความสำเร็จและความล้มเหลว

ในช่วงหลัง ๆ นี้การเพาะเห็ดในเชิงพาณิชย์ มักจะประสบปัญหามากขึ้นเรื่อย ๆ อันเนื่องมาจากมีการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาใช้ในการผลิต ต้องลงทุนสูง ทำให้มีความเสี่ยงสูง ในกรณีที่เพาะในโรงเรือนแบบถาวร เมื่อเพาะผ่านไปสักระยะหนึ่ง ผลผลิตจะเริ่มลดลง และจะเริ่มมีแมลงศัตรูเห็ด และเชื้อโรคเห็ดเริ่มมารบกวน ทำให้ผู้เพาะต้องนำสารเคมีป้องกันกำจัดแมลง และสารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อรามาใช้

นอกจากสารเคมีที่นำมาใช้เหล่านี้จะมีผลต่อการเจริญเติบโตของเห็ด และผลผลิตแล้ว ยังตกค้างในเห็ด เป็นอันตรายต่อตัวผู้เพาะและผู้บริโภค ในโรงเพาะเห็ดแบบถาวร เมื่อทำการเพาะเห็ดผ่านไปหลาย ๆ ครั้ง มักจะเกิดการหมักหมมของเชื้อโรคที่เป็นอันตรายต่อตัวผู้เพาะ ผู้เพาะเห็ดที่ต้องทำงานในโรงเพาะมักจะมีอาการคัน เป็นโรคทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ วัณโรค เกษตรกรบางรายถึงกับเสียชีวิตก็เคยมีมาแล้ว ทำให้เกิดความพยายามหันกลับมาทบทวนวิธีการเพาะเห็ดแบบอินทรีย์ที่ลดหรือไม่ใช้สารเคมีในการเพาะหันมาหาทางเลือกต่าง ๆ เพื่อให้ได้วิธีการเพาะเห็ดที่ปลอดภัยทั้งต่อตัวผู้เพาะ ไม่มีสารเคมีตกค้างในเห็ด ซึ่งจะเป็นอันตรายตัวผู้บริโภคอีกทั้งช่วยให้การเพาะเห็ดมีประสิทธิภาพได้ผลผลิตดี และมีคุณภาพ

ตัวอย่างเช่น การพัฒนารูปแบบการเพาะเห็ดที่แตกต่างไปจากเดิม เช่น แทนที่จะเพาะเห็ดในโรงเรือนขนาดใหญ่ ก็ปรับให้มีการเพาะเห็ดในโรงเรือนขนาดเล็กลง เพื่อให้เกิดการเคลื่อนย้ายสถานที่เพาะได้ไม่เกิดการหมักหมม ทำความสะอาดและจัดการได้ง่าย ลงทุนน้อย ปรับเปลี่ยนภาชนะที่ใช้ในการเพาะ เช่น การเพาะเห็ดฟางในตะกร้า เป็นต้น

เทคนิคการใช้จุลินทรีย์ มาใช้ในการเพาะเห็ด เทคนิคจุลินทรีย์นั้นใช้ได้ผลดีมาแล้วในการปลูกพืชผักและการเลี้ยงสัตว์ ปัจจุบันก็มีผู้ผลิตเห็ดนำเอาเทคนิคจุลินทรีย์มาใช้ในการเพาะเห็ดกันบ้างแล้ว ซึ่งได้ผลดีให้ผลผลิตสูงออกดอกทั้งปี ไม่มีแมลงและโรครบกวน ทำให้ไม่ต้องใช้สารเคมีในการเพาะเห็ด

การเพาะเห็ดด้วยเทคนิคจุลินทรีย์ เป็นการใช้จุลินทรีย์ในรูปของน้ำหมักชีวภาพ และในรูปของจุลินทรีย์แห้งหรือที่เรียกว่าใบกาชิ มาใช้ผสมลงในก้อนเชื้อเห็ด ใช้น้ำหมักชีวภาพผสมน้ำฉีดพ่นให้เห็ดทุกวัน ใช้น้ำหมักชีวภาพสูตรไล่แมลงฉีดพ่นตามถุงเห็ดบริเวณภายในและภายนอกโรงเรือน และยังมีการใช้เห็ดที่เหลือใช้ นำไปหมักกับกากน้ำตาล ทำเป็นฮอร์โมนเห็ด ผสมน้ำฉีดพ่นให้แก่เห็ดทุก ๆ 7 วัน จะช่วยเร่งการออกดอกเห็ดได้ดีขึ้น เป็นต้น

ในสภาพความเป็นจริง การเพาะเห็ดนั้นไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีในกระบวนการเพาะเห็ดเลย หากทำให้ทุกขั้นตอนในการเพาะเห็ดสะอาด ไม่ปล่อยให้มีการหมักหมม ก้อนเชื้อเห็ดเก่าก็นำไปกำจัดหรือใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสม อย่าปล่อยทิ้งไว้ในโรงเรือน หรือแม้แต่ทิ้งไว้ใกล้ ๆ โรงเรือน ควรทำความสะอาดชั้นวางก้อนเห็ดเป็นประจำ หลักการเบื้องต้นเหล่านี้ก็จะช่วยลดการเกิดโรคแมลงและเชื้อราไปได้มากและหากได้มีการปรับประยุกต์วิธีการเพาะเห็ด โดยการปรับรูปแบบการเพาะเห็ด การใช้จุลินทรีย์ น้ำหมักชีวภาพน้ำหมักไล่แมลง ฮอร์โมนเห็ดเข้ามาช่วยในการ เพาะดังที่กล่าวมาก็น่าที่จะช่วยให้การเพาะเห็ดประสบความสำเร็จ โดยไม่ต้องใช้สารเคมี เป็นการเพาะเห็ดแบบอินทรีย์ที่ปลอดภัยต่อตัวผู้เพาะและผู้บริโภค

สูตรผสมก้อนเชื้อเห็ดโดยใช้เทคนิคจุลินทรีย์

ส่วนผสม

1.  ขี้เลื่อย 100 กก.

2.  รำละเอียด 5 กก.

3. ปูนขาว 1 กก.

4.  ยิปซั่ม 2 กก.

5.  ดีเกลือ 0.2 กก.

6.  เปลือกถั่ว 5 กก.

7.  จุลินทรีย์(โบกาชิ) 1 กก.

8.  น้ำหมักชีวภาพ 6 ลิตร

9.  กากน้ำตาล 1 ลิตร

10. น้ำ 60 ลิตร

วิธีทำ

1.  นำขี้เลื่อย ปูนขาว ยิปซั่ม ดีเกลือ เปลือกถั่ว จุลินทรีย์แห้ง น้ำหมักชีวภาพ ผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วคลุมด้วยกระสอบ หมักทิ้งไว้ 1 คืน

2.  จากนั้นเปิดกระสอบออก นำรำละเอียดกากน้ำตาลและน้ำ มาผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วจึงนำไปบรรจุถุงเป็นก้อนเชื้อเห็ด