จะเริ่มต้นเลี้ยงบอนไซอย่างไร

–        หาต้นตอ หากเราจะเลี้ยงบอนไซด้วยฝีมือเราเองก็ต้องเริ่มตั้งแต่เพาะเมล้ดไม้ หรือไปขุดต้นตอที่มีอายุ 5-6 เดือนจากป่า  หรือจะซื้อตอที่เขาขุดมาขายตามตลาดพันธุ์ไม้ก็ได้ วิธีการเพาะเมล็ดเองนับเป็นวิธีที่สร้างบอนไซได้สวยงามที่สุด  แต่ต้องเสียเวลานาน เพราะกว่าเมล็ดจะงอกก็ใช้เวลาเกือบเดือน  เมื่อต้นที่งอกจากเมล็ดอายุได้ 2 เดือนก็นำมาปลูกลงกระถาง  พอตั้งตัวได้ก็เริ่มให้ปุ๋ย  ช่วงเลี้ยงต้นตอใส่ปุ๋ย 16-16-16 หรือออสโมโค้ทก็ได้ เพื่อให้ต้นตอโตเร็ว พอต้นตออายุประมาณ 5-6 เดือนก็เริ่มจำกัดเรื่องปุ๋ยและน้ำเพื่อไม่ให้ต้นตอโตเร็วเกินไป เมื่อได้ต้นตอมาแล้วไม่ว่าจะวิธีใดก็ตาม ตัดยอดออกให้เหลือตอสูงประมาณ 1 ฟุต ตัดแผลให้ตรงอย่าให้เบี้ยวหรือเฉียง แล้วรอให้แตกกิ่งใหม่

–        ดัดตัดแต่งกิ่ง ประมาณ 2-3 เดือนหลังจากตัดยอด กิ่งใหม่ก็จะเริ่มแตก หากกิ่งที่แตกออกมาแล้วดูไม่สวยก็เด็ดทิ้งไปก่อนแล้วจึงรอให้แตกกิ่งใหม่ออกมาอีก  จนกระทั่งได้กิ่งที่สวยสมใจแล้วจึงเริ่มดัดตัดแต่งกิ่งไปเรื่อย ๆ วิธีดัดก็ใช้ลวดปักลงในดินบริเวณโคนต้นแล้วพันขึ้นไป  จากนั้นดัดซ้ายดัดขวาตามกิ่ง  คอยดัดให้ได้ลีลาตามต้องการ  และตัดแต่งกิ่งอยู่เสมอ ๆ เมื่อดัดไป 3-4 เดือนเอาลวดออกแล้วพันใหม่อยู่เรื่อย ๆ เมื่อเลี้ยงจนได้รูปทรงแล้วก็แกะลวดออกได้ ในช่วงที่ต้นไม้แตกกิ่งแตกใบใหม่ต้องรอให้กิ่งและใบเหล่านั้นแก่เสียก่อนจึงพันลวด  เพราะกิ่งอ่อนมักจะเปราะและหักง่าย

–        เปลี่ยนดิน หลังจากปลูกไปแล้วประมาณ 1-2 ปี ธาตุอาหารในดินจะหมดไปและรากก็จะเริ่มเต็มกระถาง เราต้องเปลี่ยนดินใหม่ โดยใช้ส่วนผสมของดิน ทราย ขุยมะพร้าว หรือขี้เถ้าแกลบ ก่อนที่จะนำต้นลงปลูกจะต้องตัดปลายรากออกประมาณ 1 ใน 4 เพื่อให้รากแตกแขนงออกมาใหม่และหาอาหารได้ดีขึ้นเมื่อเลี้ยงไปได้ประมาณ 2-3 ปี โดยต้นก็จะเริ่มอวบอ้วนขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มเห็นความสวยงามของบอนไซแล้ว

ดูแลบอนไซอย่างไรให้สวยงาม

ผู้ซื้อยังไม่กล้าซื้อบอนไซไปปลูกเลี้ยงมากนัก เพราะคิดว่าบอนไซเลี้ยงยาก  แต่ความจริงแล้วบอนไซปลูกเลี้ยงคล้ายต้นไม้อื่นจะแตกต่างก็ตรงที่การดัดตัดแต่งกิ่งจำกัดน้ำและอาหารให้เกิดการแคระแกร็น   บอนไซในบ้านเราส่วนใหญ่แล้วเป็นไม้กลางแจ้งโดยธรรมชาติจึงต้องให้ได้รับแสงแดดเต็มที่  หากบอนไซอยู่ในที่ร่มนานเกินไปใบจะเหลืองและทิ้งใบเพราะได้รับแสงไม่เพียงพอ แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าบอนไซต้นนั้นไม่รอดแล้ว หากรดน้ำบอนไซให้ชุ่ม ๆ ทุกวัน และให้ได้รับแสงแดดจัด ๆ อีกไม่นานบอนไซก็จะแตกใบใหม่ออกมาอีกครั้ง  สำหรับการให้ปุ๋ยแนะนำให้ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยปลาปริมาณเล็กน้อย 1-2 เดือนต่อครั้ง หากใส่ปุ๋ยเคมีจะทำให้บอนไซโตเร็วเกินไปจนเสียรูปทรงได้  การให้น้ำก็รดน้ำให้ชุ่มทุกวัน  และคอยตัดแต่งกิ่งอยู่เสมอเดือนละครั้ง ปีหนึ่งก็ใช้ไม้เขี่ยหน้าดินในกระถางให้ฟูขึ้นเพราะเรารดน้ำมาทั้งปีดินจะแน่น หากทำได้อย่างนี้ บอนไซที่ปลูกเลี้ยงก็จะอยู่กับคุณไปอีกนาน ก็นับว่าน่าสนใจไม่น้อย สำหรับการปลูกเลี้ยงบอนไซไว้ดูเล่นเพราะไม่ยากอย่างที่คิดเลย

ตลาดและราคาบอนไซ

หากจะเปรียบเทียบความนิยมของตลาดระหว่างบอนไซกับไม้อื่นแล้วล่ะก็ ถือว่าบอนไซยังได้รับความนิยมน้อยอยู่ แต่ก็นับว่าวงการบอนไซกว้างขึ้นกว่าสมัยก่อนมาก  ส่วนใหญ่แล้วตลาดจะนิยมไม้ดัดและไม้ช่อมากกว่าตามความนิยมของนักจัดสวน ตลาดบอนไซส่วนใหญ่จึงเป็นนักสะสมพันธุ์ไม้  และผู้ที่สนใจและรักบอนไซจริง ๆเท่านั้น  คงเป็นเพราะหลายคนคิดว่าบอนไซเป็นไม้เลี้ยงนากและต้องดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะการตัดแต่งกิ่ง ในสภาวะปัจจุบันที่ทุกคนต่างก็อยู่ในภาวะเร่งรีบจึงไม่นิยมบอนไซมากนัก อีกทั้งการเล่นบอนไซของกลุ่มต่าง ๆ เช่น สมาคมบอนไซราชบุรี ชมรมบอนไซกรุงเทพฯ ชมรมบอนไซลพบุรี ฯลฯ ก็ยังไม่เปิดตัวมากนัก จะเล่นเป็นงานอดิเรกและไม่ค่อยมีการซื้อขายกันมาก  หากต้นไหนมีอายุหลายสิบปีก็ถือเป็นไม้ที่มีคุณค่าและเป็นมรดกที่หวงแหนไป ตลาดบอนไซส่วนใหญ่จึงอยู่ที่ต่างประเทศ เช่น ฮอลแลนด์ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศษ เสียมากกว่า ความต้องการบอนไซของตลาดต่างประเทศนั้นยังเปิดกว้างอยู่มาก  แต่ปริมาณที่มีในประเทศเรายังน้อยเพราะกลุ่มผู้เล่นบอนไซยังมีไม่มากนัก อีกทั้งต้องใช้เวลาปลูกเลี้ยงนานหลายปีกว่าจะได้บอนไซสวย ๆสักต้น  สำหรับตลาดในประเทศนั้นเดือนหนึ่ง ๆ จะขายประมาณ 5-15 ต้น ราคาก็มีตั้งแต่ 3,000-50,000 บาท นอกจากเลี้ยงบอนไซแล้วยังมีการรับออกแบบจัดสวนด้วยและมักจะนำบอนไซเข้าไปสอดแทรกในสวนที่จัดด้วยเสมอ ถ้าจะให้สวยแล้วล่ะก็ ต้องจัดบอนไซในสวนญี่ปุ่น

ปัจจุบันมักจะมีการจัดงานแสดงความสวยงามของบอนไซอยู่เสมอเพื่อให้ผุ้คนรู้จักและรักบอนไซมากขึ้น ในอนาคตหากวงการบอนไซกว้างกว่านี้มีผู้เข้าใจการปลูกเลี้ยงบอนไซมากขึ้นคงจะทำให้มีผู้นิยมปลูกเลี้ยงบอนไซเพิ่มขึ้น และความนิยมบอนไซในตลาดก็จะสูงขึ้นด้วย เราเชื่อว่าบอนไซจะเป็นไม้อีกชนิดหนึ่งที่จะนำเงินตราจากต่างประเทศเข้าสู่ประเทสไทยมูลค่าไม่น้อยทีเดียว เพราะตลาดบอนไซในต่างประเทศยังเปิดกว้างรอเราอยู่