ขิง:สมุนไพรคู่ครัวไทย


ลักษณะทั่วไป

ขิงเป็นพืชผักสมุนไพรคู่ครัวไทยมาช้านาน เป็นพืชที่คนไทยโบราณรู้จักเป็นอย่างดี ยกเว้นลูกหลานไทยในปัจจุบัน น้อยคนนักที่จะให้ความสนใจในคุณค่า ของพืชที่มีชื่อว่า ขิง  ขิงเป็นพืชผักชนิดเก็บสะสมอาหารไว้ที่ราก หรือที่คนทั่วไปเรียกว่าหัวหรือเหง้า ขิงเป็นพืชผักที่มีรสเผ็ดร้อนกลิ่นหอมฉุน ลำต้นสูงประมาณ 50-80 ซม. เหง้าอยู่ใต้ดินจะเป็นลักษณะกลม แบน เป็นแง่ง มีกลิ่นหอมฉุนรสเผ็ด ลักษณะของก้านใบจะยาวและปลายใบแหลม การออกดอก จะออกดอกเป็นช่อมีดอกย่อยยึดติดกันยาวประมาณ 5-7 ซม. ดอกย่อยมีกลีบเลี้ยงติดกันเป็นหลอดส่วน ปลายแยกเป็น 3 กลีบ ดอกย่อยแต่ละดอกมีกลีบรองดอกบาง ๆ หุ้มอยู่ มีทั้งเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียอยู่ในดอกเดียวกัน เกสร ตัวเมียมีอับเรณูรอบรังไข่ 3 ห้อง ผลของขิงมี 3 พู มีเมล็ดอยู่ภายใน มีปลูกและรู้จักกันเป็นอย่างดีในแถบประเทศภูมิภาคของเอเซีย โดยเฉพาะในแถบประเทศเขตร้อนอย่างประเทศใกล้กับประเทศไทย คือ ลาว พม่า อินเดีย ศรีลังกา เขมร มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์

ขิงมีชื่อสามัญ คือ Ginger ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Zingeber officinale Roscoe วงศ์ ZINGEBERACEAE ขิงบางพันธุ์มีดอกสีแดงเรียกว่าขิงแดง ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับสวยงามมากเวลาออกดอก และขิงสามารถใช้เป็นเครื่องสมุนไพรรักษาโรคได้ การนำไปใช้สามารถนำไปใช้ได้ทั้งในรูปของขิงอ่อน ขิงแก่ หรือขิงตากแห้งและนำไปชงเป็นน้ำขิงดื่มเพื่อสุขภาพได้ดี

การขยายพันธุ์

ขิงใช้หัวหรือเหง้าของขิงในการขยายพันธุ์ ควรใช้เหง้าที่สมบูรณ์ใหญ่มีตาหรือตุ่มตาที่สมบูรณ์ในแต่ละเหง้าของขิงจะมีตาที่พร้อมที่จะแตกเป็นหน่อหรือต้นใหม่อย่างน้อยต้อง 6-8 ตา ขิงสามารถขยายตัวออกจากเหง้าเดิมได้หลาย ๆ เท่าในหนึ่งปี การเก็บพันธุ์ถ้าต้องการนำไปปลูกขยายให้เอากระสอบเก่าแล้ววางเหง้าขิงบนกระสอบนั้นแล้วเอากระสอบป่านสุมปิดไว้ แต่ต้องไม่ให้แน่นเกินไปแล้วรดน้ำให้ชื้นอยู่เสมอ ตาก็จะเริ่มแตกเป็นตุ่ม ตาสีเขียวพุ่งออกเป็นปรีแหลมก็ให้นำไปปลูกลงดินได้เลย แต่ถ้าต้องการเก็บพันธุ์ขิงไว้นาน ๆ โดยไม่ให้งอกตุ่มตาก็ต้องทำร้านเพื่อวางเหง้าของขิงโดยไม่ให้ทับกันแน่นให้ลมโกรกได้สม่ำเสมอทั่วถึงก็จะสามารถเก็บเหง้าพันธุ์ขิงไว้ได้นานได้ ถ้าต้องการให้งอกเพื่อนำไปปลูกขยายพันธุ์ก็ให้ทำดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น

การปลูกขิง

ทุกวันนี้การบริโภคขิงมีอยู่หลายระยะ มีทั้งการกินขิงอ่อน กินขิงแก่ ใส่เป็นเครื่องแกงปรุงรส แต่งกลิ่นอาหาร นำขิงแก่มาบดแล้วชงดื่มเป็นน้ำสมุนไพรและอีกมากมาย การปลูกขิงของเกษตรกรหรือผู้ที่สนใจ จึงต้องมีการปรับตัวการทำให้ทันต่อกระแสการบริโภคของเราเองหรือของชาวบ้านด้วย ถ้าปลูกไว้เป็นไม้ประดับก็ปลูกอีกแบบหนึ่ง ถ้าปลูกไว้ขายเหง้าขิงแก่ก็ปลูกเป็นสวนแบบหนึ่ง หรือถ้าปลูกเป็นขิงอ่อน เพื่อให้เอาไว้ดองกินแกล้มไส้กรอก ขิงสดหั่นฝอยใส่ในโจ๊กตอนเช้า หรือยำต่าง ๆ ผัดต่าง ๆ จากที่ได้พูดมาส่วนมากจะเป็นการใช้ประโยชน์จากขิงอ่อนทั้งนั้น จึงอยากพูดถึง เทคนิคการปลูกขิงอ่อน ให้ท่านผู้อ่านหรือเกษตรกรได้นำเอาไปทำในแปลงของตัวเองได้อย่างง่าย ๆ และปลอดภัยจากสารเคมีหรือปุ๋ยเคมีอีกด้วย

การเตรียมแปลงปลูก

ถ้าให้ง่าย ๆ มีกล่องลังไม้ที่มีความสูงประมาณ 30 ซม. กว้างประมาณ 80 ซม. ยาว 4-5 เมตร ถ้ามีอยู่แล้วก็ใช้เป็นแปลงเพาะปลูกขิงอ่อนได้เลย แต่เหมาะในการปลูกไว้กินเอง แต่ถ้าจะปลูกไว้กินแล้วเหลือขายได้มาก ๆ สามารถทำให้เกิดรายได้ต่อครอบครัวก็มีวิธีทำแปลงเพาะปลูกที่ต้นทุนไม่แพงเหมาะและสะดวกในการดูแลรักษา การเตรียมแปลงปลูกให้ปรับพื้นดินที่จะทำให้เรียบโดยไม่จำเป็นต้องอัดดินให้แน่นให้เอาไม้ไผ่หรือไม้รวกผ่าซีกแล้ว นำมาขัดแตะทำเป็นคอก การขัดแตะต้องขัดให้แน่นไม่ให้มีรอยรั่วมากเกินไป หรือถ้าไม่มีไม้ไผ่รวกมาก ก็ให้ใช้เพียงไม้ไผ่ขัดวางเป็นพื้นล่างและคานบน ให้สูงประมาณ 30 ซม. กว้าง 100 ซม. ยาว 8-10 เมตร ตอกหลังยึดทุก 30 ซม. ริมขอบที่ว่างของแปลงที่ทำฟ่างหรือท่อนฟางวางกันไม่ให้ทรายหรือดินที่เราจะนำไปเทในแปลงไหลออกนอกแปลงโดยวางเป็นชั้นให้หนาประมาณ 10 ซม. ของทุกด้านสูงตามความสูงของคอกที่เราเตรียมแล้วนำดินหรือถ้าให้ง่ายและสะดวกในการเก็บขิงอ่อนก็ให้ใช้ทรายหยาบหรือละเอียดก็ได้มาผสมกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักชีวภาพในอัตราส่วน 1:3 คือปุ๋ยหมักชีวภาพหรือปุ๋ยคอก 1 ส่วน ทราย 3 ส่วน คลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วใส่ลงในแปลงปลูกที่เราเตรียมไว้ให้มีความสูงประมาณ 15-20 ซม. แล้วรดน้ำให้ใช้ฝักบัวเพื่อระวังไม่ให้ทรายในแปลงปลูกไหลออกด้านนอกได้ให้รดน้ำให้ชุ่มทั่วทั้งแปลง แปลงปลูกที่เราทำเป็นร่องแปลงกว้าง 100 ซม. จะสามารถปลูกขิงได้ 5 แถว โดยการนำเอาขิงที่ตาเริ่มงอกเป็นตุ่มเขียวมาเรียงให้ทางตุ่มตาที่งอกขึ้นด้านบนวางเรียงเป็นแถวตามแนวยาว เสร็จแล้วให้เอาทรายหรือดินที่เราผสมปุ๋ยหมักชีวภาพที่เตรียมไว้กลบให้มิดตา 2-3 ซม. รดน้ำให้ชุ่มแล้วให้ฟางคลุมไว้ให้ทั่วทั้งแปลง แล้วรดน้ำให้ดินชุ่มอยู่เสมอประมาณ 20 วัน ขิงจะแทงปรีแหลมขึ้นมาพ้นดิน และในระหว่างนี้ให้สังเกตดูว่าดินยุบลงไปมากน้อยแค่ไหนก็ให้เติมทรายที่เตรียมไว้กลบเติมเสมอ

ดูแลรักษาและการเก็บเกี่ยวขิงอ่อน

การปลูกขิงอ่อนโดยการใช้ปุ๋ยหมักชีวภาพปัญหาการเกิดเชื้อราในช่วงที่หน่อใหม่เริ่มพุ่งพ้นดินจะมีน้อยมาก ยิ่งการทำในระบบแปลงอินทรีย์ที่มีความหลากหลายของพันธุ์พืช การรบกวนของแมลงศัตรูก็มีน้อยหรือไม่มีเลย หรือถ้ามีรบกวนจากตั๊กแตน กัดใบให้ใช้น้ำหมักสมุนไพรจากว่านน้ำและน้ำหมักจากสะเดาฉีดป้องกันควบคุมการทำลาย และเมื่อขิงอายุได้ประมาณ 45 วัน ปลายใบของหน่อแรกเริ่มคลีและหน่ออื่นเริ่มแทงตามมา หน่อที่ปลายใบเริ่มคลี่ก็จะเริ่มสร้างเหง้าอันใหม่ เมื่อปลายใบคลี่ออกประมาณครึ่งใบ เหง้าก็จะเป็นขิงอ่อนก็จะสามารถตัดออกมาทำอาหารหรือนำมาดองได้ หรือถ้าจะตัดเพื่อส่งขายตลอด การตัดให้คุ้ยทรายลงไปตามลำต้นที่จะตัดจนเห็นรอยต่อระหว่างเหง้าใหม่กับเหง้าแม่แล้วใช้มีดตัดให้ขาดจากกัน ดึงเหล้าใหม่ขึ้นตัดใบออกเหลือลำต้นติดกับรากล้างน้ำให้สะอาดแล้วมัดเป็นกำส่งตลาดตามต้องการ การขายขิงอ่อนให้ตัดรวมทั้งลำต้นไปด้วย ทำให้เกษตรกรหรือผู้ขายได้เปรียบเรื่องน้ำหนักในส่วนนี้

ประโยชน์สรรพคุณของขิง

ขิงมีสรรพคุณมากมาย รสฉุนของเหง้าช่วยใช้แก้อาเจียน ไอ หอบ ไข้หวัดใหญ่ ท้องอืดแน่น ท้องเสีย ขับเสมหะ ขับปัสสาวะ เปลือกเหง้า ใช้แก้โรคผิวหนัง กลาก เกลื้อน แก้แผลบวมมีหนอง น้ำมันระเหย ผสมน้ำอุ่นกินช่วยละลายเสมหะช่วยย่อย แป้งจากสารที่พบในเหง้าสด สามารถนำมาตำพอกแก้ปวดหัว ปวดฟัน เหง้าย่างไฟแก้ตกเลือดในช่องท้อง ลำต้น ใบ ใช้ขับลม แก้ปัสสาวะขัด นิ่ว ดังนั้น ขิงจึงเป็นพืชผักสมุนไพรที่มีประโยชน์อย่างมาก ทั้งยังเป็นพืชที่มีอายุยืนยาวหลายปี ใช้ประโยชน์ได้ทั้งต้น ใบ เหง้า จึงอยากให้ท่านผู้อ่านได้ช่วยกันหาปลูกไว้หลังบ้านบ้าง เมื่อต้องการใช้ยามจำเป็น จะได้ไม่ต้องไปวิ่งซื้อให้ยุ่งยากนะจ๊ะ