ดอกไม้:ดอกไม้ภาษาสากลของชนทุกชาติ

ศศิวิมล  แสวงผล

ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ข้อมูลจาก The Retail Florist Business(1983) โดย Peter B. Pfahl และ P.Blair Pfahl,

 

คนรักดอกไม้อาจจะสามารถปักดอกไม้ลงในขวดโหล วางไว้ประดับบ้านให้สดชื่นได้ทุกคน ยิ่งถ้าดอกไม้ดอกใหญ่ สีสวยด้วยแล้ว คนจัดเกือบจะไม่ต้องทำอะไรมากไปกว่า หาภาชนะขนาดพอเหมาะใส่ดอกไม้ แล้วก็เอาไปวางในมุมเก๋ๆ ในห้อง พรสวรรค์สรรสร้างอะไรก็คงไม่จำเป็น จัดเสร็จก็เพียงแต่นั่งรอให้คนในบ้านเดินผ่านมาพร้อมกับคำชม ร้อยทั้งร้อย ยังไงก็ต้องพูดว่าดอกไม้สวยจัง..ก็เห็นๆ..ว่าดอกไม้สวยจริงๆ นี่นา

อันที่จริงปัญหาก็คงไม่มีหรอกถ้าคนเราไม่ทำให้ชีวิตของตัวเองวุ่นวายด้วยการคิดเล็กคิดน้อย ทำพิธีรีตองขึ้นมานานาประการ เด็กเกิดใหม่ก็รับขวัญ สร้างบ้านก็ทำบุญ ไหนจะฉลองหมั้น แต่งงาน แล้วยังมีปีใหม่ ตรุษจีน สงกรานต์ รวมทั้งวันเงินเดือนออก สารพัดไปจนถึงงานศพ เป็นอันครบวงจร ประเพณีเหล่านี้เอง ที่ทำให้ช่างจัดดอกไม้มีงานทำมาตั้งแต่อดีตกาล จนอาจกล่าวได้ว่า เริ่มควบคู่กันมากับอารยธรรมของมนุษย์ทีเดียว ทั้งนี้ก็เพราะเกิดมีความจำเป็นขึ้นมาที่จะต้องจัดดอกไม้ให้เหมาะสมกับสถานที่และกาละเทศะต่างๆ เหล่านั้น แทนที่จะแค่ปักดอกไม้ลงในขวดโหลอย่างง่ายๆ

การจัดดอกไม้ของชนชาติต่างๆ ในโลกมีความแตกต่างกันก็เนื่องจากความแตกต่างของอารยธรรมของมนุษย์นี่เอง ดูกันไม่ยากถึงความแตกต่างนี้ ก็คือระหว่างอารยธรรมตะวันออกในทวีปเอเซีย และอารยธรรมตะวันตกในทวีปยุโรป

ชาวตะวันออก โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นและจีนนั้น ถือว่าการจัดดอกไม้เป็นศิลปชั้นสูง มักจัดดอกไม้เพื่อบูชาเทพเจ้าหรือสิ่งที่เคารพนับถือ และใช้ในประเพณีทางศาสนา เน้นความเรียบง่าย และการใช้เส้นหลัก 3 เส้นที่มีความยาว และมุมเอียงตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดและที่ได้ปฏิบัติต่อเนื่องกันมา ดอกไม้ ใบไม้ หรือกิ่งไม้ที่ยาวที่สุด และอยู่ในตำแหน่งสูงสุดเป็นเส้นที่หมายถึง “สวรรค์” ส่วน “พื้นดิน” นั้นอยู่ต่ำที่สุด และวางในแนวขนานพื้นโลกเส้น “มนุษย์” นั้นอยู่ตรงกลาง ทำมุมประมาณ 20-30 องศากับเส้นตั้ง วัสดุที่เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นกิ่ง ก้าน ยอด ดอกตูม ดอกบาน หรือใบ มักเป็นจำนวนเลขคี่ คือ 3,5,7 หรือ 9

สำหรับชาวตะวันตก  โดยเฉพาะชาวยุโรปจะแตกต่างไป คือนิยมใช้ดอกไม้จำนวนมากและสีสันหลากหลาย คงจะเป็นเพราะมีดอกไม้นานาชนิดขึ้นอยู่ทั่วไปตามท้องทุ่งทุกฤดูกาล อย่างที่เราเคยเห็น สำหรับลักษณะการจัดจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นช่วงๆ ตามยุคสมัย มีความแตกต่างกันในการเลือกรูปแบบภาชนะ ชนิดของดอกไม้ วัสดุตกแต่ง การใช้ผลไม้รวมไปถึงขนาดการจัด ยุคสมัยต่างๆในประวัติศาสตร์อารยธรรมตะวันตกได้แก่ยุคกรีก โรมัน ยุคกลาง ยุคเรเนซอง อิตาลี ฝรั่งเศส ยุคล่าอาณานิคม จอร์เจียน และวิคตอเรีย เป็นต้น

มาถึงในโลกยุคปัจจุบัน ซึ่งเป็นยุคแห่งข่าวสาร คนเราติดต่อแลกเปลี่ยนความคิดและความรู้ถึงกันได้อย่างง่ายดาย การจัดดอกไม้แบบทันสมัย ก็คือการผสมผสานเทคนิค และรูปแบบการจัดดอกไม้ของสองอารยธรรม ปรับปรุงขึ้นมาเป็นการจัดดอกไม้แบบโมเดิร์น ซึ่งเป็นที่นิยมมากในทวีปอเมริกา จนทำให้อาจเรียกการจัดดอกไม้แบบอเมริกัน จะมีการใช้ดอกไม้สีสันแรง หรือจัดให้เป็นกลุ่มก้อนชัดเจน เพื่อสร้างจุดเด่น (Focus Point)และจะสร้างโครงเส้นที่ดูน่าสนใจ พิถีพิถันกับการเลือกสี ลักษณะพื้นผิว(Texture)ที่ดูกลมกลืนมีการสร้างสมดุล (Balance)และความลึก (Depth) โดยใช้กิ่งก้าน ดอกไม้ ใบไม้ที่ยาวไม่เท่ากัน

สำหรับการจัดดอกไม้แบบดั้งเดิมของไทยและประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์นั้น มีความแตกต่างไปจากการจัดดอกไม้ของอารยธรรมต่างๆ ที่กล่าวแล้วข้างต้น โดยนิยมที่จะนำดอกไม้ ใบไม้เล็กๆ หรือกลีบดอกไม้มาประดิษฐ์หรือร้อยต่อกันเป็นมาลัยของไทยนั้นมีการประดิษฐ์ประดอยพานพุ่ม บายศรีและงานวิจิตรพิสดารนานาชนิด โดยไม่มีการจัดลงในภาชนะ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะดอกไม้พื้นเมืองในภูมิภาคแถบนี้ มักมีก้านสั้น หรือไม่คงทน ไม่เหมาะที่จะตัดดอกนำมาใช้ในลักษณะนั้น อยางไรก็ตามมีดอกไม้เมืองร้อนหลายชนิดที่มีกลิ่นหอม และสามารถนำมาลอยน้ำเป็นดอกๆ ช่วยทำให้บรรยากาศของห้องสดชื่นขึ้นได้

เมื่อกล่าวถึงการจัดดอกไม้ของไทย แล้วย้อนกลับไปดูรูปแบบการจัดดอกไม้แบบโมเดิร์นแล้วทำให้นึกขึ้นมาว่า เดี๋ยวนี้เริ่มเห็นว่าในต่างประเทศมีช่างจัดดอกไม้ที่นำเอากลีบดอก ใบไม้ มาร้อยเรียงเป็นแผ่น เป็นผืน สงสัยว่าอาจจะประยุกต์มาจากการเรียงบายศรีของเราก็เป็นไปได้ คงเหมือนกับครั้งที่เขาดัดแปลงการจัดดอกไม้แบบตะวันออกเข้ากับแบบตะวันตกนั่นเอง ในยุคเทคโนโลยีการสื่อสารอย่างนี้ วงการจัดดอกไม้ก็คงคึกคักตามไปด้วย พอๆ กับวงการเสื้อผ้าและเครื่องประดับ เพราะคงจะมีการประยุกต์ดัดแปลงกันอย่างสนุกสนาน แล้วแต่ความคิดสร้างสรรค์ของใครจะพาไป เราอาจจะได้ไปเห็นการจัดดอกไม้ชนเผ่าต่างๆ ในทวีปแอฟริกาและอเมริกาใต้ แล้วติดใจนำกลับมาใช้ผสมผสานกับแบบของเรา แต่ความจริงที่แน่ๆ อย่างหนึ่งก็คือจะดูกันจากมุมไหน ชาติไหนจะว่าอย่างไร ช่างจัดดอกไม้ร้อยทั้งร้อยก็คงต้องเลือกดอกไม้สวยไว้ก่อน เพราะถ้าไม่มีคนชมว่าจัดสวย อย่างน้อยก็ขอให้มีสักคนบอกว่า “ดอกไม้สวยจัง” แค่นี้ก็ชื่นใจแล้วจริงไหม