น้ำหมักชีวภาพ:น้ำหมักชีวภาพจากหอยเชอร์รี่

นายเจริญ  หอยสังข์  เกษตรกรลูกค้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)จังหวัดนครศรีธรรมราช ประสบความสำเร็จในการทำสวนผสม โดยใช้วิธีทางชีวภาพแก้ปัญหาดินขาดความอุดมสมบูรณ์  จนสามารถสร้างรายได้อย่างพอเพียงตลอดทั้งปี จากผลผลิตจากพืชหลายชนิด

นายเจริญ  เล่าว่า เดิมทีตนใช้ปุ๋ยเคมีในการเพาะปลูกเป็นจำนวนมากเนื่องจากลักษณะดินในพื้นที่เป็นดินปนทราย  ซึ่งเป็นดินแน่นทึบ อัดตัวแน่น รากของต้นไม้ชอนไชหาอาหารได้ยาก ขาดอินทรียวัตถุ ธาตุโพแทสเซียมและฟอสฟอรัส ที่เป็นประโยชน์ต่อพืช ความสามารถในการแลกเปลี่ยนธาตุอาหารต่ำมาก และหลังใช้ปุ๋ยเคมีเป็นระยะเวลานาน สภาพดินก็เสื่อมโทรมจุลินทรีย์ในดินยิ่งลดลง ดินก็ยิ่งเป็นกรดมากขึ้น อีกทั้งปุ๋ยเคมีที่มีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเริ่มหันมาใช้น้ำหมักชีวภาพทดแทนการใช้ปุ๋ยเคมี

สำหรับขั้นตอนการทำน้ำหมักชีวภาพนั้นเริ่มจากนำหอยเชอร์รี่ประมาณ 100 กิโลกรัม  ใส่ลงในกระสอบปุ๋ยแล้วทุบให้ละเอียด  จากนั้นใส่ลงในถังหมัก ใส่กากน้ำตาล 25-30 กิโลกรัม และนำพด.2 สารเร่งซุปเปอร์ผสมกับน้ำประมาณ 10 ลิตรแล้วเทลงไปในถัง ใส่น้ำเพิ่มอีก 40 ลิตร ปิดฝาให้สนิท 7 วัน ให้คนให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ประมาณ 1 เดือน หรือเมื่อมีกลิ่นหอมก็สามารถนำมาใช้กับพืชชนิดต่างๆ ได้  วิธีการนำไปใช้ต้องนำน้ำหมักมาผสมน้ำในอัตรา น้ำหมักชีวภาพ 1 ส่วน : น้ำ 500 ส่วน ใช้ทุก ๆ 7-10 วัน

ปัจจุบันเจริญ ทำสวนยาง 15 ไร่ สวนปาล์ม 10 ไร่ สวนผัก 5 ไร่ นาข้าว 12 ไร่  โดยการผลิตทางการเกษตรล้วนแต่ใช้น้ำหมักชีวภาพทั้งหมด  ทำให้ดินโปร่ง ร่วนซุย อุ้มน้ำได้ดี ดูดซึมธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง และจุลธาตุได้ดี เพิ่มความต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เร่งการเจริญเติบโตของราก ลำต้น และใบของพืช ช่วยให้พืชออกดอกและติดผล เพิ่มคุณภาพของผลผลิตให้มากขึ้น

ทั้งนี้ จากการทำน้ำหมักชีวภาพใช้เองสามารถลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต  จากแต่ก่อนที่ใช้ปุ๋ยเคมีที่มีต้นทุนสูงผลผลิตต่ำ เป็นการสร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้กับครอบครัวโดยไม่ทำลายธรรมชาติ

สนใจดูงานการผลิตน้ำหมักชีวภาพติดต่อได้ที่ เลขที่ 8 หมู่ที่ 2 ต.ช้างซ้าย อ.พระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช โทร. 083-1031847