ปีบประโยชน์ด้านสมุนไพร

(Indian Cork Tree)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Millingtonia hortensis L. f.
ชื่อวงศ์ BIGNONIACEAE
ชื่ออื่น กาซะลอง กาดสะลอง ปีบขาว
ถิ่นกำเนิด พม่าและไทย
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูง 10-25 ม. ขนาดทรงพุ่ม 6-8 ม. ไม่ผลัดใบ ทรงพุ่มรูปไข่แผ่กว้างและโปร่ง เปลือกต้นสีน้ำตาลหรือเทา ขรุขระ แตกเป็นร่องลึกตามแนวยาว


ใบ ใบประกอบแบบขนนกสามชั้นปลายคี่ เรียงเวียนสลับ แกนกลาง ใบประกอบยาว 20-60 ซม. ก้านใบบนสุดแยกออก 1 ครั้ง และก้านใบ 2-3 คู่ล่างแยก 1-2 ครั้งใบทั้งหมดเป็นรูปสามเหลี่ยมใบย่อย 3-5 คู่ เรียงตรงข้าม รูปไข่แกมรูปใบหอก เรียงตรงข้าม กว้าง 1.5-3 ซม. ยาว 2.5-6 ซม. ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบจักเป็นซี่ห่าง แผ่นใบบาง และย่นเป็นลอน สีเขียวสด


ดอก สีขาว มีกลิ่นหอม ออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกซ้อนขนาดใหญ่ ที่ปลายกิ่ง ช่อดอกตั้งยาว 10-30 ซม. ดอกย่อยรูปแตร กลีบเลี้ยงโคน เชื่อมติดกันคล้ายรูประฆัง ปลายแยกเป็น 5 แฉก กลีบดอกโคนเชื่อมติดกัน เป็นหลอด ยาว 5-6 ซม. ปลายแยกเป็น 5 แฉก ดอกบานตอนเย็นถึงคํ่า เกสรเพศผู้ 4 อัน เส้นผ่านศูนย์กลางดอก 2-3 ซม. ออกดอกเดือน ก.ย.-ก.พ.
ผล ผลแห้งแตกสองตะเข็บ เป็นฝักทรงแบน กว้าง 1.5-2 ซม. ยาว 25-30 ซม.โค้งเล็กน้อย ปลายและโคนแหลม เมล็ดแบนมีปีกกว้าง สีขาวใสจำนวนมาก ติดผลเดือน พ.ย.-พ.ค. ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด หรือขุดแยกหน่อที่แตกจากราก
นิเวศวิทยา พบตามป่าเบญจพรรณทางภาคเหนือและภาคตะวันตก
การใช้ประโยชน์ด้านสมุนไพร ดอก รสหวานขมหอม สูบแก้ริดสีดวงจมูก บำรุงน้ำดี บำรุงโลหิต บำรุงกล้ามเนื้อ แก้ลม ราก รสเฝื่อน บำรุงปอด แก้วัณโรค แก้ปอดพิการ แก้ไอ แก้เหนื่อยหอบ
หมายเหตุ ต้นไม้ประจำจังหวัดพิษณุโลก
ที่มา:วัลลิ์รุกขบุปผชาติ ตามรอยพระบาทบรมราชกุมารี โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชฯ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย