พีทูเนีย

พิทูเนีย

ชื่อวิทยาศาสตร์ Petunia hybrid (Pet-TEW-nee-uh HIB-rid-uh)

ชื่อสามัญ Petunia

วงศ์ Solanaceae

ถิ่นเดิม บราซิล อาร์เจนตินา

ความสูง 9 – 15 นิ้ว

จำนวนเมล็ดในหนึ่งกรัม 10,000

สี ขาว เหลือง ส้ม ชมพู แดง น้ำเงิน ม่วง อาจมีเส้น

สีเข้มบนดอกสีพื้น หรือมีสีขาวเป็นดาว หรือขลิบขาว บนริมกลีบดอกสีพื้น

เวลาจากเพาะเมล็ดจนให้ดอก 3 เดือน

ชื่อ Petunia มาจาก Petun ภาษาบราซิล แปลว่า ต้นยาสูบ เนื่องจากต้นพีทูเนียมีลักษณะคล้ายต้นยาสูบซึ่งเป็นพืชในวงศ์เดียวกัน ในธรรมชาติมีพีทูเนียอยู่ถึง 40 species แต่ที่ปลูกกันอยู่ใน ปัจจุบันมาจาก 2 species คือ Petunia integuifolia สีม่วงบานเย็นซีด ๆ และ Petunia axilliaris สีขาว

ดอกพิทูเนีย

พีทูเนียเป็นไม้ดอกที่นิยมปลูกในแปลงเป็นอันดับหนึ่งเนื่องจากมีดอกดก สีสะดุดตา มีสีต่าง ๆ มากมาย และบานได้นานเป็นเดือน บางพันธุ์มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เช่นพันธุ์ดอกสีม่วง คุณสมบัติในการบานสะพรั่ง มีต้นเตี้ยกอดแปลงและต้นมีขนาดสม่ำเสมอนั้นไม่มีดอกไม่อื่นสู้ได้ ถ้าใครได้เห็นจะติดตา ติดใจมาก ถ้าผู้ปลูกหมั่นเก็บดอกโรยจะสวยอยูในแปลงได้นาน ถ้ามีเนื้อที่ปลูกน้อยใช้ปลูกในกระถางแขวนก็สวยดี โดยเลือกพันธุ์ที่มีกิ่งค่อนข้างทิ้งตัวลง

พิทูเนียขาว

ข้อเสียของพีทูเนียคือมีเมล็ดเล็กมาก ผู้ปลูกมือใหม่อาจ “ขยาด” กับการเพาะเมล็ด ต้นกล้า ของพีทูเนียโตช้า อายุประมาณ 6-8 อาทิตย์จึงจะย้ายออกปลูกในแปลงกลางแจ้งได้และจะเริ่มให้ดอก ในอาทิตย์ที่ 10 เป็นต้นไปนับจากเพาะเมล็ด พีทูเนียสีม่วงเข้มพันธุ์เก่าให้ดอกช้าที่สุดอาจใช้เวลาถึง 14-16 อาทิตย์ แต่ขณะนี้มีการปรับปรุงพันธุ์ให้ดอกเร็วขึ้นแล้ว ถ้าใจร้อนหรือไม่อยากเพาะเมล็ดเอง ให้ซื้อต้นกล้าที่เพาะขาย แต่ควรขอทราบชื่อพันธุ์และแหล่งที่มาของเมล็ดเพราะพีทูเนียเป็นลูกผสมชั่วที่ 1 ถ้าผู้ขายเก็บเมล็ดมาเพาะเอง ลักษณะต้นและดอกจะกลายไปมาก เช่น ต้นที่เคยเตี้ยกอดแปลงจะสูงเก้งก้างออกดอกห่างๆ ดอกมีขนาดเล็กลง สีจะเปลี่ยนไปด้วย ส่วนมากจะเป็นสีม่วงซีดๆ ซึ่งเป็นสีของพันธุ์ป่าดั้งเดิม

ดอกพิทูเนีย

การเพาะเมล็ด ควรเพาะในอุณหภูมิ 22 – 23 °ซโดยหว่านเมล็ดในร่องตื้นๆ ระยะระหว่างแถว 2- 3 นิ้ว คลุมเมล็ดบางๆ ด้วยทรายร่อน ถ้าปลูกลึกเกินไปจะงอกน้อย ปักป้ายบอกชื่อพันธุ์แล้วรดนํ้า

ด้วยนํ้าละอองฝอย หรือวางกระบะบนถาดใส่น้ำจนน้ำซึมขึ้นถึงผิวเครื่องปลูกก็รีบยกออก เมล็ดงอกใน 5 – 7 วัน

เมื่อเมล็ดเริ่มงอกคือเห็นจุดรากขาวๆ ให้เอาสิ่งที่ปิดหรือคลุมเพื่อรักษาความชื้นในกระบะเพาะเมล็ดออกเสีย ย้ายกระบะเพาะมาที่อุณหภูมิกลางคืนราว 15°ซ จนต้นแข็งแรงดี ที่วางกระบะควรมีลมถ่ายเทดีเพื่อป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อราโบทรัยทิส ควรรักษาให้เครื่องปลูกชื้นอยู่เสมอ เมื่อมีใบจริง 1 คู่ใบจึงแยกปลูกให้ต้นห่างขึ้น ให้นํ้าแต่น้อยๆ จนต้นตั้งตัวได้ จะทำให้ได้ต้นที่อ้วนแตกกิ่งดีมีใบสีเขียวเข้ม และควรให้ปุ๋ยไนโตรเจนละลายนํ้าเร่งการเติบโตด้วย

เมื่อต้นกล้าอายุประมาณ 2 เดือน ก่อนย้ายปลูกลงในแปลงควรรดน้ำให้ดินชุ่มเพื่อต้นและรากจะกระเทือนน้อยที่สุด ตักดินหุ้มรากไปมากๆ และจับต้องต้นกล้าที่ใบ อย่าจับลำต้นซึ่งผอมและบาง ใช้เสียมมือหรือไม้แหลมๆ ทำหลุมรอต้นกล้าปลูกต้นกล้าลงไปบีบดินรอบต้นให้กระชับแล้วรดนํ้าให้ชุ่ม ใช้ระยะระหว่างต้นประมาณ 30 – 40 ซม.

พีทูเนียชอบที่โล่ง มีแดดจัด ดินควรระบายนํ้าดี ถ้าปลูกพีทูเนียในที่มีร่มเงาต้นจะผอมและยืด แทนที่จะอ้วนแข็งแรงและมีทรงพุ่มกะทัดรัด ที่ปลูกไม่ควรมีลมแรงเพราะกลีบดอกของพีทูเนียบอบบาง ถ้าได้รับลมโกรกหรือขาดน้ำดอกจะเหี่ยวง่าย เมื่อต้นตั้งตัวได้ดีแล้วควรให้น้ำน้อยลงเป็นวันละครั้ง ถ้าดินแฉะใบล่างของพีทูเนียจะเหลืองและเหี่ยว ถ้ายังให้นํ้ามากอยู่ใบจะเหลืองมากขึ้น ดังนั้น ถ้าเห็นพีทูเนียใบเหลืองให้พิจารณาความชื้นในดินก่อนเรื่องอื่น

ปกติพีทูเนียแตกกอได้เอง แต่ถ้าเด็ดยอดจะทำให้พีทูเนียแตกกิ่งข้างทำให้ได้ดอกมากขึ้น พีทูเนียออกดอกตามข้อ ถ้ามีมากกิ่ง กิ่งละหลายข้อก็ได้ดอกมากขึ้นด้วย เมื่อต้นออกดอกแล้วควรเก็บดอกโรยออกทุกเย็นหรือทุกเช้าจะทำให้น่าดูและมีระยะการบานนานขึ้น

ถ้าปลูกพีทูเนียในกระถาง ดินในกระถางจะแห้งง่ายและเร็วกว่าปลูกในแปลง โดยเฉพาะถ้าอากาศค่อนข้างร้อนควรดูแลให้น้ำ การรดนํ้าแต่ละครั้งควรรดให้ชุ่ม

เมล็ดของพีทูเนียมี 2 ชนิดคือ F1 hybrid Multiflora และ F1 hybrid Grandiflora ทั้ง 2 ชนิดนี้มีทั้งดอกชั้นเดียวและดอกซ้อน

1. F1 hybrid Multiflora เป็นพวกที่มีดอกดก แต่ขนาดดอกค่อนข้างเล็ก คือ 2 – 3 นิ้ว ดอกมีปลายกลีบเรียบ ดอกตูมมีลักษณะแหลมและขนาดเล็กกว่า มีทรงพุ่มกะทัดรัด แตกกอได้ดีกว่า ใช้ปลูกในแปลงได้ดี ทนทานต่อสภาพอากาศไม่เหมาะสม เช่น อากาศร้อน ฝนตก และทนทานต่อโรคด้วย

ชนิดดอกชั้นเดียว (single multiflora) ได้แก่ พันธุ์ต่างๆ ดังนี้ Comanche (AAS 1953) สีแดง

Sugar Plum สีม่วง

Summer Sun เป็นพีทูเนียสีเหลืองที่ดีที่สุดของกลุ่มนี้ในปัจจุบัน

ชุด Joy, Carpet, Celebrity และ Resisto ทุกชุดมีสิคละ

Polo Burgundy Star (AAS 1990) ดอกขนาด 2 นิ้ว มีดาวสี ขาวบนกลีบดอกสีม่วง ต้นเตี้ยมีความสม่ำเสมอ ดอกดกและให้ดอกเร็ว

Polo Salmon (AAS 1990) สีส้มอมชมพู ให้ดอกดก ทนทานต่อสภาพอากาศ และให้ดอกเร็ว

ชนิดดอกซ้อน (Double Multiflora) ได้แก่ ชุด Delight, Sweet Tart, Empress ทุกชุดมีสีคละ

2. F1 hybrid Grandiflora เป็นพวกให้ดอกใหญ่ขนาด 3 – 4 นิ้ว ขึ้นไป ปลายกลีบดอกหยักย่น ต้นโตแข็งแรงกว่า ใบใหญ่กว่าด้วย จำนวนดอกดกสู้พวก Multiflora ไม่ได้ แต่เนื่องจากดอกใหญ่กว่า เมื่อปลูกจำนวนมากต้นก็ได้อิทธิพลของสีพอๆ กัน

พวกดอกชั้นเดียว (Single Grandiflora) ได้แก่

ชุด Cascade, Supercasade

ชุด Magic, Supermagic

ชุด Flash

ชุด Ultra สี Crimson Star ได้ AAS 1988

ชุด Cloud

ชุด Daddy มีเส้นสีเข้มบนกลีบดอกสีพื้น (veined) Pepperment Daddy และ Orchid Daddy ได้ AAS 1989

ชุด Flair

ชุด Picotee สี Hulahoop red ได้ AAS 1988

ชุด Sails มีสีฟ้าสด Azure สวยที่สุดในพีทูเนียกลุ่มสีฟ้า

ชุด Falcon มีเส้นสีเข้มบนกลีบดอกสีพื้น

ชุด Titan

พวกดอกซ้อน (Double Grandiflora)

Circus ได้ AAS 1972 สีแดง-ขาว

Confetti สีคละ

Blue Danube สีม่วง

Blushing Maid สีชมพู

Bridal Bouquet สีส้มอมชมพู

Bridal Bouquet สีขาว

Fanfare สีคละ

Sonata สีขาวบริสุทธิ์

Think Pink สีส้มอมชมพู

Valentine สีแดง

Purple Pirouette (AAS 1986) เป็นพันธุ์ดอกซ้อนที่มีลักษณะริมกลีบสีขาว (picotee) เป็นพันธุ์แรก ขนาดดอก 4 นิ้ว

สำหรับพวกดอกชนิด picotee ถ้าดินแฉะมากและอากาศเย็นด้วย ขอบขาวจะเล็กและแคบ หรือไม่มีเลย ถ้าอากาศร้อน ดินแล้งขาดอาหาร ขอบขาวจะกว้างและลดส่วนที่เป็นสีพื้นลงจนเห็นเป็นวงเล็กอยู่ใจกลางดอก

พวกดอกซ้อนมีดอกใหญ่สวยดีแต่มักอ่อนแอ เลี้ยงยากและให้ดอกต่อต้นน้อย ถ้าปลูกเป็นแปลงจะไม่ค่อยมีความสม่ำเสมอ ควรปลูกในกระถางจะดีกว่า

3. F1 hybrid Floribunda เป็นกลุ่มใหม่ที่รวมลักษณะดอกดกและทนทานอากาศของกลุ่ม Multiflora เข้ากับลักษณะดอกใหญ่ของพวก Grandiflora เป็น Floribunda ขนาดดอกประมาณ 3 – 3.5 นิ้ว เช่น ชุด Freedom และ Mirage (เป็นชื่อที่จำหน่ายในยุโรป ในอเมริกาใช้ชื่อ Madness) เป็นกลุ่มที่เหมาะในการใช้ปลูกประดับแปลง

4. กลุ่มที่ปลูกในกระถางแขวน (Hanging Basket Petunia) ได้แก่ ชุด Supercascade, Cloud และชุด Streamers เป็นพวกดอกใหญ่แบบ Grandiflora ชนิดดอกชั้นเดียว แต่มีลำต้นทอดยาวและให้ดอกดก ดอกขนาด 4 – 5 นิ้ว

พิทูเนียให้ดอกดก มีหลายสีหลายฟอร์ม เป้าหมายในการผสมพันธุ์พีทูเนียคือ ต้องการให้ดอกดก ให้ดอกเร็ว มีสีต่างๆ ที่สามารถบานได้พร้อมกัน มีลำต้นกะทัดรัดไม่ค่อยยืด ผู้ปลูกเลือกได้จากแคตตาล็อกของบริษัทเมล็ดไม้ดอกทุกบริษัท