มะพร้าว:มหัศจรรย์มะพร้าวไทยคุณภาพก้าวไกลโกอินเตอร์

คนไทยคุ้นเคยกับมะพร้าวมาเป็นเวลาช้านาน ด้วยคุณสมบัติที่สามารถนำส่วนต่างๆ มาใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่า อีกทั้งยังสามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้อีกหลากหลายประเภท มะพร้าวจึงเป็นพืชที่มีความผูกพันกับวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของคนไทยนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงสนพระทัยส่งเสริมให้มีการปลูกมะพร้าว ศึกษาหาวิธีป้องกันแมลงทำลายต้นมะพร้าว รวมทั้งพระราชทานอาชีพเสริมให้ชาวบ้านแปรรูปมะพร้าวเพื่อการส่งออก ซึ่งทางกรมวิชาการเกษตร ได้สนองพระราชดำริโดยมีการศึกษาค้นคว้า จนได้ มะพร้าวลูกผสมกะทิพันธุ์ชุมพร 84-1 ซึ่งเป็นมะพร้าวสายพันธุ์ใหม่ และรับรองเป็นพันธุ์แนะนำเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2554 ที่ผ่านมา

ลักษณะทั่วไปของมะพร้าว ดร.สมชาย  วัฒนโยธิน  นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ สถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร ให้ความรู้ว่า เป็นพืชที่จัดอยู่ในตระกูลปาล์มใบเลี้ยงเดี่ยวไม่แตกกิ่งก้าน เป็นพืชยืนต้นที่มีอายุยืน ถ้าเป็นมะพร้าวพันธุ์ต้นสูงจะมีอายุร้อยกว่าปี ส่วนพันธุ์ต้นเตี้ยจะมีอายุราว 40 กว่าปี

มะพร้าวมีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยจึงถือว่เป็นแหล่งหนึ่งของต้นกำเนิดมะพร้าวที่มีความหลากหลายทางสายพันธุ์ ซึ่งมะพร้าวที่ปลูกในประเทศไทยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือมะพร้าวต้นสูง คือมะพร้าวใหญ่กับมะพร้าวขนาดกลาง อีกประการหนึ่ง คือ มะพร้าวต้นเตี้ย

“ในส่วนของมะพร้าวต้นสูงจะปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจ ที่เน้นผลผลิตที่เป็นผลแก่ โดยจะเอาส่วนเนื้อมาทำกะทิเป็นหลัก ในอดีตยังไม่มีการปรับปรุงพันธุ์ จึงไม่มีการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกมะพร้าวใหญ่และมะพร้าวขนาดกลาง แต่หลังจากที่กรมวิชาการเกษตรได้มีการปรับปรุงพันธุ์แล้ว จึงมีการส่งเสริมให้ปลูกที่เป็นพันธุ์ลูกผสม ซึ่งตอนนี้มีทั้งหมด 5 สายพันธุ์ คือ พันธุ์สวีลูกผสม 1 พันธุ์ชุมพรลูกผสม 60 พันธุ์ลูกผสมชุมพร 2 พันธุ์ลูกผสมกะทิชุมพร 84-1 และพันธุ์ลูกผสมกะทิชุมพร 84-2 ซึ่งเป็นพันธุ์ที่ให้กะทิประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ โดยประเทศไทยนับเป็นประเทศหนึ่งที่มีการบริโภคมะพร้าวกันมาก โดยประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ ใช้ในครัวเรือน และอีก 25 เปอร์เซ็นต์ใช้ในอุตสาหกรรม”

ขณะที่มะพร้าวต้นเตี้ยจะปลูกเพื่อบริโภคผลอ่อนและดื่มน้ำ ซึ่งได้แก่ มะพร้าวน้ำหอม ประเทศไทยก็ปลูกในเชิงเศรษฐกิจเช่นกัน โดยมะพร้าวน้ำหอมของไทยเป็นการกลายพันธุ์มาจากมะพร้าวพันธุ์ต้นเตี้ยสีเขียวที่เรียกว่า หมูสีเขียว เนื่องจากได้มีการนำไปทดลองปลูกที่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม แล้วมะพร้าวหมูสีเขียวนี้กลายเป็นมะพร้าวน้ำหอมขึ้นมาจึงทำให้ไทยมีมะพร้าวสายพันธุ์น้ำหอมนี้เกิดขึ้น ซึ่งเป็นสายพันธุ์เดียวในโลก จึงนับเป็นโอกาสดีที่เราจะได้เปิดตลาดในต่างประเทศ โดยมะพร้าวน้ำหอมที่ใช้ส่งออกนั้นสร้างรายได้ให้กับประเทศประมาณ 200-300 กว่าล้านบาทต่อปี

สำหรับประเทศไทย พื้นที่ที่เหมาะในการปลูกมะพร้าวน้ำหอม ดร.สมชาย กล่าวว่า จะเป็นพื้นที่ในภาคกลาง โดยเฉพาะในแถบ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม รวมทั้ง จ.สมุทรสาคร จ.ฉะเชิงเทรา จ.ราชบุรี จ.สมุทรสงคราม เนื่องจากสภาพแวดล้อมมีส่วนทำให้คุณภาพของมะพร้าวน้ำหอมยังคงลักษณะของความหอมอยู่ เพราะถ้านำไปปลูกในที่ห่างไกลออกไป ความหอมจะหายไปหรือจะมีความหอมน้อยลง

ส่วน มะพร้าวต้นสูง พื้นที่ที่เหมาะ คือภาคใต้ทั้ง 14 จังหวัด เพราะว่ามีปริมาณน้ำฝนสูงกว่า 1,500 มิลลิเมตรต่อปี และมีการกระจายฝนที่ดี มีฤดูแล้งไม่เกิน 3 เดือน โดยจะมีการปลูกกันมากที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งถือเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ปลูกมะพร้าวมากที่สุดในประเทศไทย คือประมาณ 450,000 ไร่ โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.ทับสะแก ซึ่งได้มะพร้าวลูกใหญ่ ฉะนั้นเวลาประกาศขายมะพร้าว จึงใช้มาตรฐานของมะพร้าวที่ อ.ทับสะแก เป็นเกณฑ์ เพื่อให้กระทรวงพาณิชย์ประกาศราคา

แต่ในปัจจุบันเนื่องจากสภาวะโลกร้อน ทำให้อากาศมีการเปลี่ยนแปลงส่งผลให้ผลผลิตของมะพร้าวลดลงรวมทั้งมะพร้าวในช่วงหลังมีราคาตกต่ำ เกษตรกรจึงหันไปปลูกปาล์มและยางพาราแทน ทำให้พื้นที่ปลูกมะพร้าวลดลงจากเดิม 2.4 ล้านไร่ เหลือประมาณ 1.4 ล้านไร่

ในส่วนของเทคนิคการปลูกมะพร้าวให้ได้ผลดีจะต้องทำอย่างไร นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ อธิบายเพิ่มเติมว่า มะพร้าวจะให้ผลดีต้องมีการดูแลรักษาเป็นอย่างดี ถ้าจะปลูกแบบทิ้งๆขว้างๆ ไม่มีการเอาใจใส่ก็จะไม่ให้ผลผลิตเท่าที่ควร ฉะนั้น เมื่อเข้าหน้าฝนจะต้องใส่ปุ๋ย สูตร 13-13-21 หรือ 12-12-17-2 เพื่อให้มะพร้าวสมบูรณ์ มีความต้านทานและทนต่อสภาพแห้งแล้ง

เมื่อพูดถึงลักษณะเด่นของมะพร้าวไทย ดร.สมชาย  ยิ้มพร้อมกล่าวว่า สำหรับมะพร้าวต้นเตี้ย ถ้าพูดถึงมะพร้าวน้ำหอม ที่ใช้ส่งออก ลักษณะเด่นของเรา คือ ความหอม และน้ำที่มี รสชาติหวาน ซึ่งตรงนี้เราจะได้เปรียบประเทศอื่น เพราะประเทศอื่นไม่มีมะพร้าวพันธุ์นี้ แต่เขาจะใช้มะพร้าวอ่อนที่เป็นพันธุ์ที่นำมาทำกะทิส่งออกเป็นมะพร้าวน้ำหอมแทน

ส่วนมะพร้าวต้นสูง ทั้งๆ ที่ปลูกเหมือนกัน ในสภาพเหมือนกัน พอนำมาทำกะทิแล้ว กะทิของมะพร้าวไทยจะมีกลิ่นหอมและรสชาติอร่อยกว่ามะพร้าวในกลุ่มประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

การดูแลรักษาและการเอาใจใส่สวนมะพร้าวของเกษตรกรขึ้นอยู่กับราคาของมะพร้าวเป็นหลัก ภาคอุตสาหกรรมต้องคำนึงว่า จะทำอย่างไรให้เกษตรกรอยู่ได้เมื่อปลูกมะพร้าว โดยมีการป้อนวัตถุดิบเข้าสู่โรงงาน ซึ่งหากสามารถรับซื้อได้ในราคาผลละไม่ต่ำกว่า 12 บาท เชื่อว่าเกษตรกรไทยจะหันกลับมาปลูกและดูแลมะพร้าวอย่างแน่นอน ฉะนั้น ถ้าปลูกในประเทศแล้วรับซื้อในราคาลูกละ 12 บาท กับนำเข้าโดยที่ต้องซื้อสูงกว่า 2-3 บาทต่อลูก ก็น่าจะส่งเสริมและให้การสนับสนุนเกษตรกรไทยดีกว่า

สารพัดประโยชน์จากมะพร้าว

–         น้ำมะพร้าวจากผลอ่อน  ใช้เป็นเครื่องดื่มเกลือแร่ได้ อุดมไปด้วยโพแทสเซียม และน้ำ

–         น้ำมันมะพร้าว  ได้จากการบีบหรือต้มกากมะพร้าวบด นำไปใช้ในการปรุงอาหารหรือนำไปทำเครื่องสำอางก็ได้ และในปัจจุบันยังมีการผลิตไบโอดีเซลจากน้ำมันมะพร้าวอีกด้วย

–         เนื้อในของมะพร้าวแก่  นำไปทำกะทิ

–         กากที่เหลือจากการคั้นกะทิ  ยังสามารถนำไปทำเป็นอาหารสัตว์ได้

–         ยอดอ่อนของมะพร้าว  หรือเรียกอีกชื่อว่า หัวใจมะพร้าว สามารถนำไปใช้ทำอาหารได้ ซึ่งยอดอ่อนนี้มีราคาแพงมาก เพราะเมื่อเก็บยอดอ่อนแล้วจะทำให้ต้นมะพร้าวตาย ด้วยเหตุนี้จึงมักเรียกยำยอดอ่อนมะพร้าวว่า สลัดเจ้าสัว

–         ใบมะพร้าว  ใช้สานเป็นภาชนะใส่ของชั่วคราว ห่อขนม สานหมวกกันแดด สานเป็นเครื่องเล่นเด็กและผลิตภัณฑ์ของที่ระลึกรูปสัตว์ต่างๆ ของที่ระลึกประดับตกแต่ง

–         ใยมะพร้าว  นำไปใช้ทำฟูก เสื่อ หรือนำไปใช้ในการเกษตรได้

–         กะลามะพร้าว  มะพร้าวแก่จะมีความคงทนมาก ไม่หดตัวแม้ถูกน้ำ ถูกแดด แต่จะเปราะง่าย หักง่าย หากกระทบกับสิ่งที่แข็งๆ ใช้ทำผลิตภัณฑ์ภาชนะ เครื่องประดับ เครื่องดนตรี ที่วางแก้วน้ำ กระบวยตักน้ำ ที่เขี่ยบุหรี่ เป็นต้น

–         ก้านใบ หรือทางมะพร้าว  ใช้ทำไม้กวาดทางมะพร้าว

–         จั่นมะพร้าว  (ช่อดอกมะพร้าว) ให้น้ำตาล