เนื่องจากการใช้สมุนไพรมีข้อดีหลายประการ เช่น ช่วยประหยัด เหมาะสำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลซึ่งการคมนาคมไม่สะดวก ช่วยลดดุลย์การค้าในการสั่งซื้อยาสำเร็จรูปจากต่างประเทศ และเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมในอนาคตเมื่อมีสถานการณ์สงคราม เป็นต้น รัฐบาลจึงได้ตระหนักถึงคุณค่าของสมุนไพร และได้กำหนดนโยบายส่งเสริมให้มีการใช้สมุนไพรอย่างจริงจังขึ้น ได้ริเริ่มในแผนพัฒนาสาธารณสุขฉบับที่ 5 โดยผนวกเข้ากับงานสาธารณสุขมูลฐาน ในช่วงปี พ.ศ. 2527-2529 กระทรวงสาธารณสุขได้จัดโครงการนำร่องขึ้นคือ โครงการสมุนไพรกับการสาธารณสุขมูลฐาน โดยความช่วยเหลือขององค์การยูนิเซฟ ในพื้นที่เป้าหมาย 25 จังหวัด มีการดำเนินงานสำคัญเกี่ยวกับสมุนไพร 7 ด้านคือ ด้านข้อมูลข่าวสาร ด้านการอบรม ด้านเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ ด้านศึกษาและวิจัย ด้านการปลูกและกระจายพันธุ์ ด้านการผลิต และกระจายตำรับ และด้านนิเทศและติดตามผล ผลการดำเนินงานของโครงการฯก่อให้เกิดความสนใจสมุนไพรในระดับกว้าง และเกิดมิติใหม่ที่น่าสนใจคือโรงพยาบาลชุมชนและสถานีอนามัยบางแห่ง เช่น โรงพยาบาลบำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ โรงพยาบาลสังคม จ.หนองคาย โรงพยาบาลวังนํ้าเย็น จ. ปราจีนบุรี โรงพยาบาลบางกระทุ่ม จ. พิษณุโลก สถานีอนามัยเก้าเลี้ยว จ. นครสวรรค์ และสถานีอนามัยมาบปลาเค้า จ. เพชรบุรี เป็นต้น มีการใช้สมุนไพรที่มีข้อมูลรายงานว่ามีสรรพคุณดีและปลอดภัยกับผู้ป่วยในการบริการสาธารณสุข ทำให้เกิดภาพการใช้สมุนไพรอย่างจริงจัง และส่งผลให้ประชาชนในชุมชนเกิดความนิยมสมุนไพรเพิ่มมากขึ้น
จากสภาวะการณ์ดังกล่าวข้างต้น กระทรวงสาธารณสุขได้เล็งเห็นว่า โรงพยาบาลชุมชนเป็นหน่วยงานที่ปฏิบัติงานใกล้ชิดกับประชาชน มีศักยภาพ มีความคล่องตัวในด้านบริหารจัดการ มีความพร้อมด้านกำลังคน กำลังเงิน และด้านวัสดุอุปกรณ์พอสมควร ทั้งเป็นหน่วยงานที่ให้ความสนใจในการพัฒนางาน สมุนไพรอย่างดียิ่ง ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขจึงได้ร่วมมือกับ German Agency for Technical Cooperation หรือ GTZ ซึ่งเป็นหน่วยงานตัวแทนของรัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน ในการจัดทำโครงการสมุนไพรกับการสาธารณสุขมูลฐาน (The Project of Basic Health Service Making Use of Traditional Medicinal Herbs) หน่วยงานรับผิดชอบคือ สำนักงานคณะ กรรมการการสาธารณสุขมูลฐาน สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ภายใต้การสนับสนุนทางวิชาการจากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และกองวิจัยทางแพทย์กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (2528-2531)
โครงการสมุนไพรกับการสาธารณสุขมูลฐานดังกล่าวได้เน้นการนำสมุนไพรมาใช้ในสถานบริการสาธารณสุขของรัฐ และในชุมชน โดยมีพื้นที่เป้าหมาย 5 จังหวัด คือ ปราจันบุรี พิษณุโลก นครราชสีมา ขอนแก่น และนครศรีธรรมราช โดยประกอบด้วยโรงพยาบาลชุมชน 5 แห่ง สถานีอนามัย 7 แห่ง หมู่บ้าน 100 หมู่บ้าน โรงพยาบาลดังกล่าวได้แก่ รพ.วังนํ้าเย็น อำเภอ วังนํ้าเย็น จังหวัดปราจีนบุรี รพ.บางกระทุ่ม อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัด พิษณุโลก รพ.สูงเนิน อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา รพ.พล อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น และรพ.ทุ่งสง อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช
การคัดเลือกสมุนไพรที่ควรส่งเสริมให้ใช้ในชุมชนนั้นก็นับว่ามีความสำคัญไม่น้อย สมุนไพรที่หมอพื้นบ้านใช้กันทั่วไปมีทั้งสมุนไพรเดี่ยวๆ และสมุนไพรหลายชนิดซึ่งเตรียมในรูปยาตำรับ สมุนไพรในงานสาธารณสุขมูลฐาน ที่ส่งเสริมโดยกระทรวงสาธารณสุขเป็นการใช้สมุนไพรเดี่ยว จึงต่างกับการใช้ยาสมุนไพรตามทฤษฎีการแพทย์แผนไทย ซึ่งเป็นการรักษาคนไข้ทั้งตัวและมักใช้ยาเป็นตำรับประกอบด้วยสมุนไพรหลายชนิด แต่อย่างไรก็ตามการใช้สมุนไพรเดี่ยวๆ นั้นมีการยอมรับจากนักวิชาการในปัจจุบันมากกว่า ทั้งนี้เพราะมีข้อมูลจากผลการวิจัยสนับสนุน จึงเป็นการสมควรที่จะเลือกใช้ในช่วงแรกๆ ของการพัฒนายาจากสมุนไพรต่อไปควรคัดเลือกสมุนไพรตำรับที่น่าสนใจ เพื่อนำมา ศึกษาวิจัย และส่งเสริมให้ใช้ในโอกาสต่อไป
สมุนไพรที่ใช้เป็นยารักษาโรคในโรงพยาบาลชุมชน ได้แก่ ว่านหางจระเข้ ขมิ้นชัน ชุมเห็ดเทศ พญาปล้องทอง และ ฟ้าทะลายโจร สมุนไพรแต่ละชนิดมีการใช้ดังนี้
ชื่อสมุนไพร |
ส่วนที่ใช้ |
อาการที่ใช้สมุนไพรรักษา |
รูปแบบยาเตรียม
|
ว่านหางจระเข้ |
เมือกจากใบ |
แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก |
ใช้ทาสดๆ
|
ขมิ้นชัน |
เหง้า |
ท้องอืด ท้องเฟ้อ |
ลูกกลอน |
ชุมเห็ดเทศ |
ใบ |
ท้องผูก |
ยาชง ลูกกลอน |
พญาปล้องทอง (เสลดพังพอนตัวเมีย) |
ใบ |
แมลงสัตว์กัดต่อย |
ทิงเจอร์ |
ฟ้าทะลายโจร |
ใบ |
เจ็บคอ |
ลูกกลอน |
สมุนไพรเพื่อการสาธารณสุขมูลฐานที่กระทรวงสาธารณสุขเคยแนะนำให้ประชาชนใช้เพื่อส่งเสริมสุขภาพและรักษาโรคเบื้องต้น มีจำนวน 66 ชนิด ได้แก่
ลำดับ |
ชื่อสมุนไพร |
ข้อบ่งใช้ |
1 |
กะเพรา |
แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้คลื่นไส้ อาเจียน |
2 |
กระเทียม |
แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้กลากเกลื้อน |
3 |
กระวาน |
แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ |
4 |
กระเจี๊ยบแดง |
ขับปัสสาวะ แก้นิ่ว |
5 |
กระทือ |
แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ |
6 |
กระชาย |
แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ |
7 |
กล้วยน้ำว้า |
แก้ท้องเดิน แก้โรคกระเพาะ |
8 |
กานพลู |
ขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้ปวดฟัน |
9 |
ข่า |
แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ และแก้กลากเกลื้อน |
10 |
ข้าวกล้อง |
บำรุงร่างกาย |
11 |
ขิง |
แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้คลื่นไส้ อาเจียน แก้ไอ ขับเสมหะ |
12 |
ขลู่ |
ขับปัสสาวะ |
13 |
ขมิ้นชัน |
แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้ท้องเดิน แก้โรคกระเพาะ แก้ฝี แผลพุพอง และอาการอักเสบเนื่องจากแมลง สัตว์กัดต่อย |
14 |
ขี้เหล็ก |
ช่วยให้เจริญอาหาร ช่วยให้นอนหลับ และช่วยระบายท้อง |
15 |
คำฝอย |
บำรุงสุขภาพ ช่วยลดไขมันในเลือด แก้อักเสบ |
16 |
คูน |
แก้ท้องผูก |
17 |
ชุมเห็ดเทศ |
แก้ท้องผูก แก้กลากเกลื้อน แก้ฝี และแผลพุพอง |
18 |
ชุมเห็ดไทย |
แก้ท้องผูก ขับปัสสาวะ |
19 |
ดีปลี |
แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้ไอ ขับเสมหะ |
20 |
ตำลึง |
แก้แพ้ แก้อักเสบ เนื่องจากแมลงสัตว์กัดต่อย |
21 |
ตะไคร้ |
ขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับปัสสาวะ |
22 |
เทียนบ้าน |
แก้ฝี แผลพุพอง |
23 |
ทองพันชั่ง |
แก้กลากเกลื้อน |
24 |
ทับทิม |
แก้ท้องเดิน แก้บิด |
25 |
น้อยหน่า |
ใช้ฆ่าเหา |
26 |
บอระเพ็ด |
แก้ไข้ แก้การเบื่ออาหาร |
27 |
บัวบก |
แก้แผลไฟไหม้-น้ำร้อนลวก แก้ฟกช้ำ |
28 |
ปลาไหลเผือก |
แก้ไข้ |
29 |
ฝรั่ง |
แก้ท้องเดิน |
30 |
ผักบุ้งทะเล |
แก้อักเสบ แก้แพ้เนื่องจากแมลงสัตว์กัดต่อยโดยเฉพาะพิษแมงกะพรุน |
31 |
เพกา |
แก้ร้อนใน แก้ไอ ขับเสมหะ |
32 |
พญาปล้องทอง |
แก้อักเสบ เนื่องจากแมลงสัตว์กัดต่อย แก้เริม งูสวัด |
33 |
พลู |
แก้กลากเกลื้อน แก้ผื่นคันเนื่องจากแมลงสัตว์กัดต่อย แก้ลมพิษ |
34 |
ไพล |
แก้เคล็ด ขัด ยอก ไล่ยุง |
35 |
ฟักทอง |
ฆ่าพยาธิลำไส้ |
36 |
ฟ้าทะลายโจร |
แก้ท้องเดิน แก้เจ็บคอ |
37 |
มะเกลือ |
ถ่ายพยาธิ |
38 |
มะขาม |
ฆ่าพยาธิ แก้ท้องผูก |
39 |
มะขามแขก |
แก้ท้องผูก |
40 |
มะคำดีควาย |
แก้ชันนะตุ |
41 |
มะนาว |
แก้ไอ ขับเสมหะ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ |
42 |
มะพร้าว |
แก้แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก |
43 |
มะแว้งเครือ |
แก้ไอ ขับเสมหะ |
44 |
มะแว้งต้น |
แก้ไอ ขับเสมหะ |
45 |
มะละกอ |
ช่วยย่อย ช่วยระบายท้อง |
46 |
มะหาด |
ฆ่าพยาธิลำไส้ |
47 |
มังคุด |
แก้ท้องเดิน แก้บิด |
48 |
ถั่วพู |
ช่วยบำรุงร่างกาย |
49 |
ถั่วเหลือง |
ช่วยบำรุงร่างกาย |
50 |
ยอ |
แก้คลื่นไส้อาเจียน |
51 |
ย่านาง |
แก้ไข้ |
52 |
เร่ว |
แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ |
53 |
เล็บมือนาง |
ยาถ่ายพยาธิ |
54 |
ว่านหางจระเข้ |
แก้โรคกระเพาะ แก้แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก |
55 |
สะแก |
ถ่ายพยาธิ |
56 |
สับปะรด |
ขับปัสสาวะ |
57 |
เสลดพังพอน |
แก้แพ้ แก้อักเสบเฉพาะที่ แก้แมลงสัตว์กัดต่อย |
58 |
สีเสียดเหนือ |
แก้ท้องเดิน |
59 |
หญ้าคา |
ขับปัสสาวะ |
60 |
หญ้าหนวดแมว |
ขับปัสสาวะ |
61 |
แห้วหมู |
แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ |
62 |
อ้อยแดง |
ขับปัสสาวะ |
63 |
คำแสด |
ใช้แต่งสีอาหาร |
64 |
เตย |
ใช้แต่งสีอาหาร |
65 |
ฝาง |
ใช้แต่งสีอาหาร |
66 |
อัญชัน |
ใช้แต่งสีอาหาร |
อย่างไรก็ตามกระทรวงสาธารณสุขได้มีการทบทวนรายชื่อสมุนไพร สำหรับงานสาธารณสุขมูลฐาน โดยตัดรายการสมุนไพรที่ไม่มีรายงานยืนยันเกี่ยวกับสรรพคุณทางเภสัชวิทยาและการศึกษาทางคลินิก ตลอดจนสมุนไพรที่มีรายงานว่ามีผลข้างเคียงออก เช่น ปลาไหลเผือก สะแก และเพิ่มรายการ สมุนไพรที่มีประโยชน์รักษาโรค เซ่น แก้ว ผักคราดหัวแหวน และข่อยเพื่อใช้แก้ปวดฟัน แมงลักแก้ท้องผูก มะระขี้นกและสะเดาบ้านใช้แก้อาการเบื่ออาหาร ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อปรับปรุงให้ใด้สมุนไพรที่เหมาะสมที่จะแนะนำให้ประซาซนใช้บำบัดรักษาโรคยิ่งขึ้น โดยจัดรายการสมุนไพรสำหรับงานสาธารณสุขมูลฐาน ออกเป็นกลุ่มตามประโยซน์ที่นำมาใช้เพื่อการรักษาอาการของโรคต่างๆ