สภาพดินฟ้าอากาศ

กาแฟอราบิก้า ต้องการสภาพอากาศที่มีฤดูฝนและฤดูแล้งเด่นชัด เพราะต้องการช่วงฤดูแล้งสำหรับการเจริญของตาดอกประมาณ ๒-๓ เดือน  ถ้ามีฝนตกตลอดปีจะทำให้เกิดดอกไม่มากและออกดอกประปราย ทำให้ผลผลิตต่ำและลำบากในการเก็บเกี่ยว
อุณหภูมิที่เหมาะสมคือระหว่าง 15-25 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิกลางวันและกลางคืนควรจะแตกต่างกัน เพราะกาแฟต้องการแสงแดดและความอบอุ่นในเวลากลางวันเพื่อสังเคราะห์แสงสร้างอาหารใช้ในการเจริญเติบโต และต้องการอากาศเย็นในเวลากลางคืนเพื่อสะสมอาหาร แทนที่จะใช้ให้หมดไปในการเจริญเติบโตทางลำต้นและกิ่งก้านจนหมด กาแฟที่ปลูกบนระดับสูงเกินไป ซึ่งอุณหภูมิกลางวันต่ำเกินไปและอุณหภูมิกลางคืนสูงเกินไป (หมายถึงไม่เย็นเท่าที่ควร) มักจะทำให้เกิดดอกที่มีลักษณะคล้ายดาว ซึ่งดอกพวกนี้จะไม่ให้ผล จากการสังเกตพบว่าพันธุ์ caturra เกิดดอกดาวน้อยกว่าพันธุ์อื่นๆ ดังนั้นในระดับความสูงมากๆ และต่ำลงมาควรปลูกพันธุ์นี้ อุณหภูมิแตกต่างกันระหว่างกลางวันและกลางคืนนั้น มีผู้รายงานว่า ตาดอกจะเกิดมากที่อุณหภูมิ 23 องศาเซลเซียส/ 17 องศาเซลเซียส มากกว่าอุณหภูมิ 26 องศาเซลเซียส/ 20 องศาเซลเซียส และ 30 องศาเซลเซียส/ 24 องศาเซลเซียส บริเวณพื้นที่ภูเขาในภาคเหนือ จะมีอุณหภูมิกลางวันสูง และอุณหภูมิต่ำในเวลากลางคืน จึงเหมาะสมในการปลูกกาแฟอราบิก้าและนี่เป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมกาแฟอราบิก้าจึงเจริญเติบโตได้ดีบนที่สูง สำหรับอุณหภูมิที่สูงเกินไป แก้ไขโดยการให้ร่มเงาแก่ต้นกาแฟ
ปริมาณน้ำฝน กาแฟเจริญได้ในปริมาณน้ำฝน ๓๐” ถึงมากกว่า ๑๐๐” ต่อปี บริเวณที่มีปริมาณน้ำฝนน้อยจำเป็นต้องใช้น้ำชลประทานช่วย
ดิน  ดินที่เหมาะในการปลูกกาแฟ คือ ดินร่วนสีแดงที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีความสามารถระบายน้ำได้ดี มีความเป็นกรดเล็กน้อยประมาณ pH ๕.๕-๖.๕ ซึ่งก็เป็นลักษณะดินภูเขาโดยทั่วไป ดินร่วนจัดและเหนียวจัดไม่เหมาะในการปลูกกาแฟ เพราะกาแฟต้องการระดับน้ำใต้ดินและความชุ่มชื้นในดินที่เพียงพอตลอดปี
ระดับความสูงจากน้ำทะเล ความสูงจากระดับน้ำทะเลที่เหมาะสม  แตกต่างกันไปตามระยะทางที่ห่างจากเส้นศูนย์สูตรมากน้อยเพียงใด อาจปลูกได้ตั้งแต่ระดับน้ำทะเลจนถึง ๑,๘๐๐ เมตร ถ้าหากไม่มีน้ำค้างแข็ง (Frost) สำหรับประเทศไทยควรปลูกกาแฟอราบิก้า ตั้งแต่ระดับความสูง ๓๐๐ เมตร ขึ้นไปจนถึงความสูงที่ไม่เกิดน้ำค้างแข็ง หรือประมาณ ๑,๕๐๐ เมตร น้ำค้างแข็งจะทำอันตรายใบและยอดอ่อนอาจตายในทันที
ที่มา:อนันต์  อิสระเสนีย์