วิธีการต่าง ๆ ในการจัดสวน

เพื่อเป็นแนวทาง ในการลงมือตกแต่งบริเวณบ้านพักให้เป็นสวนอย่างที่ต้องการ

แบบของสวนที่นิยมนำมาจัดในบริเวณบ้านพัก คือ สวนแบบธรรมชาติ (informal styles) เป็นสวนที่มีลักษณะ และรูปแบบที่ตรงกับความต้องการของมนุษย์ บรรยากาศโดยทั่ว ๆ ไปทำให้เกิดอารมณ์โรแมนติก เมื่อได้เข้าไปในบริเวณสวนแบบนี้แล้วจะเกิดความรู้สึกเหมือนได้พักผ่อน ภายในบริเวณสวนมีภูเขา มีน้ำตก มีลำธาร มีสระนํ้า มีโขดหิน มีต้นไม้ใหญ่ต้นไม้เล็กรูปทรงอิสระ (free form) แบบธรรมชาติ กิ่งไม้อ่อนไหวกวัดแกว่งไปมาเมื่อต้องกระแสลม ไม่มีการตัดแต่งให้เป็นแท่งรูปแบบเรขาคณิต

เหมือนสวนแบบประดิษฐ์ มีเนื้อที่เพียงเล็กน้อยอย่างหน้าบ้านของบ้านจัดสรรหรือทาวน์เฮ้าส์ ก็สามารถจัดสวนแบบธรรมชาตินี้ได้

บ้านหลังนี้มีเนื้อที่ค่อนข้างกว้างประมาณ 150 ตารางวา ถ้าคิดจะจัดสวนแบบธรรมชาติก็เริ่มด้วยการแบ่งพื้นที่บริเวณหน้าบ้านออกเป็น 9 ส่วน จุดตัดของเส้น กขค และ ง เป็นจุดที่สำคัญในการที่จะวางก้อนหินหรือต้นไม้ที่จะใช้เป็นจุดเด่นหรือไฮไลท์ของสวน จะเลือกวางก้อนหิน หรือต้นไม้ให้เป็นจุดเด่นที่จุดไหนก็ได้ตามใจชอบ ในตัวอย่างนี้จะเลือกจุด ก เป็นจุดเด่นของสวน

สวนจะมีชีวิตชีวาเหมือนธรรมชาติและให้อารมณ์ ควรจะต้องมี น้ำ เป็นส่วนประกอบ รูปร่างของสระนํ้า ควรมีรูปแบบอิสระเหมือนเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

เริ่มด้วยการนำสายยางที่ใช้รดนํ้าต้นไม้มาวางบนพื้นดินบริเวณที่จะขุดเป็นสระนํ้า จัดสายยางให้มีรูปทรงตามที่เราต้องการ พยายามให้มีลักษณะเว้า ๆ แหว่ง ๆ หลาย ๆ จุด เพื่อจะได้จัดสวนหย่อมบริเวณที่มีพื้นดินยื่นเข้าไปในสระนํ้า เมื่อจัดสายยางได้ที่แล้วก็นำปูนขาวมาโรยตามแนวสายยางแล้วเอาสายยางออก

ขุดดินตามแนวเส้นปูนขาว การขุดควรขุดในแนวเฉียง ลาดเอียงเล็กน้อย เพื่อป้องกันมิให้ตลิ่งพังทลายได้ง่าย

สวนแบบธรรมชาติควรจะต้องมีเนินดิน ซึ่งอาจสมมุติว่าเป็นภูเขา นำดินที่ขุดจากสระนํ้าไปถมทำเป็นเนิน ณ จุด จ แต่งเนินดินให้มีความลาดเอียงประมาณ 30 องศา กับพื้นสนาม เพื่อความสะดวกในการตัดหญ้า ถ้าชันกว่านี้ อาจต้องเสียเวลาในการใช้กรรไกรตัดเพราะใช้รถตัดหญ้ ตัดไม่ได้ ข้อที่ควรระวังอีกอย่างหนึ่งก็คือ อย่าให้มีเนื้อที่ที่เป็นเนินดินเกินกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่สนามทั้งหมด ควรมีพื้นที่ราบมากกว่าส่วนที่เป็นเนินดิน

จัดวางท่อนํ้าเข้าและท่อนํ้าล้นโดยซ่อนปลายท่อไว้ ในซอกก้อนหินให้เรียบร้อย พยายามบังอย่าให้เห็นก๊อกนํ้า ทำสะพานข้ามลำธารโดยใช้ไม้ไผ่หรือไม้เสาเข็มกลมทั้งเปลือก หรือจะเอาต้นมะพร้าวมาวางพาดข้ามลำธาร สัก 2-3 ท่อนก็ได้ เป็นการสร้างบรรยากาศให้เหมือนสภาพในชนบท

ถ้ามีวัตถุที่มีนํ้าหนักมาก ๆ เช่น ตอไม้ ก้อนหิน ฯลฯ ก็นำเข้าวางในตำแหน่งที่ต้องการต่อจากนั้นก็วางแผ่นทางเดิน (stepping stones) ให้คดโค้งไปมา แต่ละแผ่นห่างกันพอดีกับระยะก้าว แผ่นทางเดินนี้อาจใช้แผ่นหินกาบซึ่งมีรูปทรงและขนาดต่าง ๆ กันให้เลือกมากมายราคาก็ไม่ แพงนัก แผ่นทางเดินนี้ใช้ประโยชน์ในการเดินชมความงามของสวนโดยไม่ต้องเหยียบยํ่าสนามหญ้าให้เสียหาย

นำก้อนหินที่มีลักษณะสง่างาม รูปทรงสูง ไม่มีตำหนิ แตกบิ่นวางลง ณ

จุด ก แล้วนำก้อนหินอีก 2 ก้อนที่มีขนาดเล็กกว่าเตี้ยกว่ามาวางไว้ที่ด้านหน้าห่างกันพอสมควร เพื่อช่วยสนับสนุนให้หินก้อนแรกเด่นสง่ามากขึ้น จุดนี้แหละที่เป็นจุดเด่นของสวนนี้

เพื่อให้มีนํ้าหนักสมดุลกัน นำก้อนหินก้อนใหญ่รูปทรงแบน (ใช้สำหรับนั่งเล่นได้) มาวางไว้ที่จุด ค ก็จะเกิดความสมดุลกับกลุ่มก้อนหินที่จุด ก เป็นความสมดุลหรือความถ่วงแบบธรรมชาติ

เมื่อได้เค้าโครงของสวนแล้ว ขั้นต่อไปก็เริ่มปลูกต้นไม้ โดยขุดหลุมให้กว้างและลึกมาก ๆ ใช้จอบสับย่อยดินให้เป็นก้อนเล็ก ๆ นำปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์ของกทม. และอินทรีย์วัตถุ เช่น เปลือกถั่วลิสงบด แกลบดิบ มาผสมใน อัตราส่วนที่พอเหมาะจะช่วยทำให้ดินโปร่งร่วนซุย มีการระบายน้ำที่ดี อากาศถ่ายเทได้สะดวก รากพืชมีอาหารและมีอากาศเพื่อการหายใจอย่างเพียงพอ ต้นไม้จะได้เจริญงอกงามและมีชีวิตอยู่ยืนนานไม่ต้องเสียเงินและเสียเวลา ในการปลูกซ่อมบ่อย ๆ

บนเนินดิน ณ จุด จ ปลูกต้นไม้ประดับยืนต้นที่มีพุ่มใบหนา เช่น อินทนิลนํ้า ประดู่กิ่งอ่อน ขี้เหล็กบ้าน มะม่วง ขนุน ฯลฯ เพื่อให้ร่มเงาใช้นั่งเล่นพักผ่อนในยามว่างและใช้เป็นฉากหลังของสวน โดยปลูกเป็นกลุ่มชิดกันบ้าง ห่างกันบ้าง อย่าปลูกในแนวเดียวกันจนเป็นเส้นตรงเป็นใช้ได้

ปลูกต้นไม้ที่จุด ฉ อีกกลุ่มหนึ่ง เพื่อให้มีนํ้าหนักสมดุลกันเหมือนเมื่อตอนที่วางก้อนหิน กลุ่มต้นไม้ที่จุด จ และกลุ่มต้นไม้ที่จุด ฉ ก็จะสมดุลกัน เป็นความสมดุลหรือความถ่วงแบบธรรมชาติ กลุ่มต้นไม้ที่จุด ฉ นี้ควรเป็นต้นไม้ ที่มีลักษณะพุ่มใบสูงบริเวณโคนต้นโปร่ง สามารถมองลอดใต้ต้นไม้เหล่านี้ไปชมความงามของสวนในจุดต่าง ๆ ได้โดยสะดวก ต้นไม้ที่มีพุ่มใบสูง โคนต้นโปร่ง รูปทรงเด่นสง่ามีมากมายหลายชนิดให้เลือก อาทิ ปาล์มขวด เต่าร้าง ปาล์มมนิลา มะพร้าว แปรงล้างขวด เสลา ฯลฯ

ข้างห้องนอน ณ จุด ช ควรปลูกต้นไม้ประดับยืนต้นอีกกลุ่มหนึ่งเพื่อบังแสงแดดให้แก่ห้องนอน ต้นไม้กลุ่มนี้ ควรเลือกชนิดที่มีพุ่มใบขนาดกลางไม่ต้องสูงใหญ่นักเพราะเป็นบ้านชั้นเดียว เช่น ตะแบก ชงโค กาหลง ทองหลางด่าง ทองกวาว ฝ้ายคำ จำปา จำปี กัลปพฤกษ์ ชัยพฤกษ์ สารภี ฯลฯ ถ้าขีดเส้นลงในแบบแปลนจากจุด จ ไปจุด ฉ จากจุด ฉ ไปจุด ช และจากจุด ช ไปจุด จ ก็จะได้รูปสามเหลี่ยมด้านไม่เท่า แสดงว่าเราสามารถจัดวางต้นไม้ ในลักษณะรูปสามเหลี่ยมได้อย่างถูกต้องตามหลักเกณฑ์

ขั้นต่อไปก็เริ่มจัดสวนหย่อม มีไม้พุ่มใหญ่ไม้พุ่มเล็ก ไม้ดอก ไม้ใบตลอดจนต้นไม้เล็ก ๆ เตี้ย ๆ ที่ใช้คลุมดิน (พืชคลุมดิน) เช่นที่จุด ก และจุด ค รอบ ๆ ก้อนหินและจุดอื่น ๆ ตามใจชอบ เพื่อให้สวนมีชีวิตชีวาเกิดอารมณ์อันโรแมนติก อาจนำต้นหลิว (Weeping willow) ซึ่งมีกิ่งใบห้อยย้อยและเคลื่อนไหวไปมาได้ง่ายเมื่อต้องกระแสลม มาปลูกไว้บริเวณริมสระนํ้าข้างสะพานข้ามลำธารสัก 1 หรือ 2 ต้น จะเพิ่มบรรยากาศให้ดีขึ้น

บริเวณราวตากผ้าหลังบ้าน อาจมี ก.ก.น. หรือ บราเซียตากอยู่ ถ้าไม่อยากให้แขกผู้มาเยือนมองเห็นก็ควรทำรั้วโปร่ง ๆ ณ จุด ซ แล้วนำต้นไม้เลื้อย อาทิ แส สายน้ำผึ้ง พวงชมพู เล็บมือนาง บานบุรี ฯลฯ มาปลูก บังราวตากผ้าเสียให้มิด ส่วนในสระนํ้าก็อาจนำบัว กก หรือพืชนํ้าชนิดอื่น ๆ มาปลูก เพื่อเพิ่มความสวยงามและเสริมแต่งให้เหมือนธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

เมื่อปลูกต้นไม้เรียบร้อยแล้ว ขั้นสุดท้ายคือการปลูกหญ้า ก่อนปลูกหญ้าควรเตรียมดินให้โปร่งให้สามารถ ดูดซับน้ำได้ดีมีธาตุอาหารอย่างอุดมสมบูรณ์ ถ้าดินเดิมเป็นดินเหนิยว ที่แน่นทึบก็เติมทรายเพื่อช่วยให้ดินโปร่ง มีการระบายนํ้าที่ดี ถ้าดินเดิมเป็นดินทรายซึ่งโปร่งเกินไป ก็เติมดินเหนียวเพื่อช่วยให้ดูดซับนํ้า และปุ๋ยได้ดีขึ้นและมีธาตุอาหารอย่างพอเพียง โรยปุ๋ยอินทรีย์ของ กทม. ให้ทั่วบริเวณ ใช้จอบสับย่อยดินให้ลึกลงไปประมาณ 15 เซนติเมตร เก็บหัว ราก เหง้าวัชพืชอื่น ๆ ออกให้หมด ผสมคลุกเคล้าให้เข้ากันดีแล้วเกลี่ยให้เรียบที่สุด โรยทราย ขี้เป็ดทั่วบริเวณให้หนาประมาณ 3-5 เซนติเมตร แล้วโรยปุ๋ยอินทรีย์ของกทม. ทับหน้าพอบาง ๆ ใช้ปุ๋ย 1 บุ้งกี๋ ต่อพื้นที่ 2 ตารางเมตร ต่อจากนั้นก็ปูหญ้าทุกส่วนที่ต้องการ ชนิดของหญ้าก็ตามใจชอบ บริเวณที่มีแสงน้อยเช่นใต้ชายคาบ้าน ใต้ร่มไม้ใหญ่ควรใช้หญ้ามาเลเซีย ที่ต้องเน้นการเตรียมดินเพื่อการปลูกหญ้าเป็นพิเศษก็เพราะเห็นว่า คนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยให้ความสำคัญในเรื่องนี้มากนัก เห็นว่ามันเป็นเพียงต้นหญ้า ปลูกอย่างไรก็ได้ขึ้นง่ายจะตายไป ขึ้นน่ะขึ้นล่ะ แต่มันงามมีสีสันสมํ่าเสมอกันหรือเปล่า? อย่าลืมว่าสนามมีประโยชน์ในการใช้สอยหลายอย่าง อาทิ นั่งเล่นก็ได้ วิ่งเล่นออกกำลังกายก็ได้ ใช้เลี้ยงรับรองแขกก็ได้ สวนจะสวยพื้นสนามจะต้อง เรียบ หญ้าทุกต้นจะต้องงามมีสีเขียวสมํ่าเสมอทั่วบริเว เหมือนปูด้วยพรม

สมัยนี้ที่ดินมีราคาแพง การที่จะมีเนื้อที่เพื่อจัดสวน หรือมีสนามกว้าง ๆ ร้อยหรือสองร้อยตารางวาก็จะต้องมีเงินเป็นล้าน ๆ จึงจะกระทำได้ คนส่วนใหญ่จึงหันมาซื้อบ้านจัดสรรหรือทาวน์เอ้าส์เป็นที่อยู่อาศัยกัน บ้านจัดสรร หรือทาวน์เอ้าส์แตกต่างจากตึกแถวหรืออาคารพาณิชย์ก็ตรงที่มีที่ว่างบริเวณหน้าบ้านให้เล็กน้อย พอได้อาศัยปลูกต้นไม้แก้เหงาในยามว่าง ในบริเวณที่ว่างเล็ก ๆ ดังกล่าว ถ้าสนใจจะจัดสวนก็สามารถกระทำได้ โดยเลือกชนิดพันธ์ไม้ให้ถูกต้อง หมั่นตัดแต่งกิ่งอย่างสม่ำเสมอ เพื่อย่อส่วนให้เล็กลงให้เหมาะกับสถานที่ จะขอแนะนำแบบ ของการจัดสวนบางแบบเพื่อเป็นแนวทาง ชอบใจแบบไหน หรือส่วนไหนก็เลือกเอาตามที่ปรารถนา

บ้านหลังนี้มีเนื้อที่สำหรับจัดสวนทั้งด้านหน้าและด้านข้าง บริเวณสนามหน้าบ้านเราก็จัดสวนหย่อมให้คดโค้งไปมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่บันไดหน้าบ้านเรื่อยไปจนชิดรั้วด้านข้าง จัดหาต้นสนทรงรูปกรวยจำนวน 2 ต้น เลือกที่มีพุ่มใบสมบูรณ์ทุกด้าน ทั้ง 2 ต้นควรมีความสูงต่างกันเล็กน้อย ถ้าได้ต้นสนที่ใบมีสีเหลืองทองยิ่งดี นำมาปลูกข้างบันไดหน้าบ้านให้ห่างกันเล็กน้อย ส่วนไม้ทุ่มทรงเตี้ย ที่จะช่วยส่งเสริมให้ต้นสนทั้ง 2 ต้นนี้เด่นสง่ายิ่งขึ้น อาจใช้ไม้พุ่มหลายชนิดที่มีพุ่มใบสูงบ้างต่ำบ้าง ขนาดของใบเล็กบ้างใหญ่บ้างต่าง ๆ กัน เพื่อแสดงออกซึ่งผิวพรรณ (texture) เช่น ข่อย แอหนัง ลิ้นกระบือ ชาดัด เข็มเชียงใหม่ ดัดแต่งให้เป็นพุ่มกลมให้กลมกลืนกับก้อนหินหรือใช้แทนก้อนหิน ไม้พุ่มถัดไปก็อาจใช้ เล็บครุฑ (ใบฝอยละเอียด) ฤาษีผสม เพื่องฟ้าด่าง (แคระ) หนวดปลาหมีก (แคระ)  รางทองหรือพลับพลึงหนู และพืชคลุมดิน เช่น มหากาฬ ดาดตะกั่ว ผักเป็ด (เขียว) ฯลฯ ส่วนต้นไม้ใหญ่ (ด้านซ้ายมือ)  ควรเลือกต้นไม้ที่มีกิ่งก้านโปร่ง เพื่อแสงสว่างจะได้ส่องลอดลงไปยังต้นไม้พุ่มที่อยู่ในตอนล่างได้บ้าง ต้นไม้ที่มีลักษณะกิ่งใบโปร่งได้แก่ ปลิว แปรงล้างขวด ศรีตรัง  ชงโค เสลา ขี้เหล็กอเมริกัน ฯลฯ

ส่วนสนามด้านข้างควรจัดให้มีร่มเงามาก ๆ เพื่อจะได้ใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจยามว่างจากภารกิจประจำวัน ต้นไม้ที่มีพุ่มใบค่อนข้างจะหนาทึบ ได้แก่ ขี้เหล็กบ้าน นนทรี มะม่วง ชมพู่ สาเก ฯลฯ อาจเพิ่มหมากแดงอีกสัก 1 กอ ก็จะเน้นสีสันให้สดใสยิ่งขึ้น ปรับพื้นสนามให้ราบเรียบ เพื่อเด็ก ๆ จะได้วิ่งเล่นออกกำลังกายตอนเย็น ๆ สวนแบบนี้การบำรุงรักษาคงไม่ยุ่งยากนัก ถ้าได้เตรียมดินให้ดีตั้งแต่ตอนปลูกและให้นํ้าให้ปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอ ตัดแต่งทรงพุ่ม

ให้เข้ารูปเข้าแบบเป็นประจำ ก็จะคงสภาพที่สวยงามไปได้อีกนาน ไม่ต้องเสียเวลาปลูกซ่อมบ่อย ๆ

บ้านหลังนี้อาจเป็นบ้านจัดสรรหรือทาวน์เฮาส์ ซึ่งมีพื้นที่แคบ ๆ แต่ยาวเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีกำแพงคอนกรีตบล็อคอยู่ด้านหลัง ถ้าจะจัดให้มีบรรยากาศเป็นญี่ปุ่นก็อาจจำลองรูปแบบจากสวนในที่ราบ (Flat garden) ซึ่งมักจะจัดไว้ใกล้ ๆ เรือนนํ้าชา (tea house) โดยทั่วไปในประเทศ ญี่ปุ่น สวนแบบนี้จะต้องไม่มีเนินดินและสระนํ้าเป็นส่วน ประกอบ

กลุ่มซ้ายมือซึ่งจะจัดให้เป็นจุดเด่นหรือไฮไลท์ของสวน เริ่มด้วยการนำวัตถุซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของสวนญี่ปุ่น มาวางไว้ เช่น

อ่างน้ำ (stone water basin) ใช้หินภูเขาสกัด ให้มีรูปทรงตามที่ต้องการ ตรงกลางขุดเป็นหลุมลึกเหมือนครกหิน ใช้สำหรับรองรับนํ้า

ตะเกียงหิน (stone lantern) ควรใช้ชนิดที่สกัดจากหินภูเขาจะสวยงามกว่าที่หล่อด้วยปูนซีเมนต์และฉาบด้วยหินล้าง เพราะดูแล้วจะรู้สึกว่า “ตลาดเกินไป” ที่ไหน ๆ ก็มืใช้ หรือมีวางขายกันดาดดื่น ภายในตะเกียงหินควรใช้ตะเกียงนํ้ามันหรือเทียนไขซึ่งจะให้แสงที่ริบหรี่วับ ๆ แวม ๆ ได้ดีกว่าการใช้หลอดไฟฟ้า

แผ่นทางเดิน (stepping stones) ซึ่งอาจใช้หินภูเขาสกัดผิวด้านบนให้แบนเรียบหรือใช้หินกาบรูปทรง และขนาดต่าง ๆ กันก็ได้ วางคดโค้งไปมาให้แต่ละแผ่น ห่างกันพอดีกับระยะก้าว เป็นการประดับสวนและบังคับให้คนต้องเดินในทิศทางนี้ จะได้ไม่ลงไปเหยียบยํ่าสนาม

ก้อนหิน เลือกก้อนหินที่มีสีเข้ม ๆ วางไว้รอบ ๆ อ่างนํ้าสัก 2-3 ก้อน เพื่อใช้ประดับและเพื่อใช้จับยึดพยุงตัว หรือวางสิ่งของขณะที่ใช้นํ้าในอ่าง

ปลูกต้นไผ่ (ไผ่เหลือง ไผ่นํ้าเต้า ไผ่รวก) ซึ่งมีกิ่งใบค่อนข้างโปร่งไว้เป็นฉากหลัง ส่วนกลุ่มไม้พุ่มทรงเตี้ย ควรเลือกชนิดที่มีใบเล็กพุ่มใบแน่น เช่น ชาดัด ข่อย แก้ว เข็มเชียงใหม่ (ต้องหมั่นเด็ดดอกทิ้ง เพราะดอกซึ่งมีสีแดงฉูดฉาดเกินไป) ต้นไม้เหล่านี้ใช้แทนต้นอาซาเลียของญี่ปุ่นได้ ไม้พุ่มทรงเตี้ยนี้ดัดแต่งเป็นรูปทรงกลมเล็กบ้างใหญ่บ้างและสูงบ้าง ตํ่าบ้างให้กลมกลืนกับก้อนหิน จะต้องตัดแต่งบ่อย ๆ เพื่อใบจะได้มีขนาดเล็กลงและมีพุ่มใบแน่น สวยงามดี

ถ้าต้องการให้มีการเคลื่อนไหวมีชีวิตชีวา ควรจัดให้มีนํ้าหยดจากกระบอกไม้ไผ่ลงมายังอ่างนํ้าจนไหลล้น โดยซ่อนท่อเอสล่อนหรือท่อพีวีซีไว้ในกระบอกไม้ไผ่และซ่อนประตูนํ้าเพื่อเปิด-ปิดนํ้าไว้ในพุ่มไม้หรือซอกก้อนหิน บริเวณอ่างนํ้าจะต้องจัดทำทางระบายนํ้าให้ดีอย่าให้มีนํ้าท่วมขังจนพื้นแฉะ รอบ ๆ อ่างนํ้าด้านหน้าโรยทราย และกรวดขนาดเล็กบ้างใหญ่บ้าง เพื่อความสวยงาม

ด้านขวามือควรจัดสวนหย่อมไว้อีกกลุ่มหนึ่ง เพื่อให้สมดุลกับกลุ่มซ้ายมือที่จัดไปแล้ว โดยใช้ต้นไม้ใหญ่ที่มีกิ่งก้านและใบค่อนข้างโปร่ง เช่น ชงโค โมก แปรงล้างขวด ไทรใบยาว ฯลฯ ตัดแต่งกิ่งก้านให้โปร่งบังคับไม่ให้มีขนาดโตเกินความต้องการ อาจดัดลำต้นให้คดงอมีลีลาที่อ่อนช้อย แปลกตา ก็ยังได้ ตอนล่างประกอบด้วยก้อนหินและไม้พุ่มทรงกลมขนาดต่าง ๆ

สวนแบบนี้สร้างตามปรัชญาของนักบวชนิกายเซ็น ในบริเวณลานวัดเพื่อทำสมาธิ พิจารณาความสงบทางจิต เพ่งพิจารณา รูปธรรม (สิ่งที่มีรูป) ของสรรพสิ่งที่มีชีวิต หรือสิ่งที่ไร้วิญญาณมาสู่นามธรรม (สิ่งที่ไม่มีรูปรู้ได้ทางใจ) เป็นสวนแห่งการสมมุติ จากภาพ สนามหญ้าที่ราบเรียบ สมมุติว่าเป็น “น้ำ” ส่วนกลุ่มก้อนหินและต้นไม้พุ่มทรงเตี้ย สมมุติว่าเป็น “เกาะ” ที่โผล่ขึ้นกลางทะเลอันเงียบสงบ สวนในที่ราบนี้ เดิมทีเดียวจัดไว้ในบริเวณลานวัดใช้พื้นที่แคบ ๆ มีกำแพงวัดเป็นฉากหลัง ต่อมามีผู้นิยมนำไปจัดในบริเวณบ้านอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มุมใดมุมหนึ่งใกล้ ๆ เรือนนํ้าชา มักจะพบว่ามีสวนแบบนี้อยู่ด้วยเสมอ ก่อนที่แขกรับเชิญผู้ทรงเกียรติจะเข้าสู่พิธีชงชา (tea ceremony) ญี่ปุ่นเรียกพิธีนี้ว่า “ชาโนะยุ” ซึ่งเป็น พิธีที่พิเศษและสำคัญพิธีหนึ่งของญี่ปุ่น แขกรับเชิญจะต้องเดินชมความงามของสวนรอบ ๆ เรือนนํ้าชาเสียก่อน แล้วจึงไปล้างมือ ล้างหน้าหรือบ้วนปาก โดยใช้กระบวยไม้ไผ่ ตักนํ้าในอ่างนํ้าที่จัดไว้ในสวน เสร็จแล้วจึงจะขึ้นเรือนนํ้าชาได้

ข้อสังเกตของสวนแบบนี้ นอกจากจะต้องมีพื้นที่ราบเรียบแล้ว บนพื้นทุกตารางนิ้วจะปลูกหญ้า และตัดแต่งจนเรียบเสมอกันสีเขียวขจีเหมือนปูด้วยพรม ต้นไม้ใหญ่ มีน้อยต้นและมืกิ่งก้านโปร่งสามารถโอนเอนไปมาเมื่อต้องกระแสลม ไม้พุ่มตัดแต่งเป็นพุ่มทรงกลม ส่วนประกอบที่ทำให้มีชีวิตชีวาก็คือนํ้าที่หยดลงในอ่างนํ้า และมีแสงสว่างอันวาววับจากตะเกียงหิน ชิ้นส่วนที่ใช้ประดับสวนที่มีราคาแพงที่สุดคือ “ตะเกียงหิน” ถ้ามีโอกาสไปพักผ่อนที่พัทยา หรือบางแสนลองแวะอ่างศิลา แทนที่จะซื้อปลาเค็ม หรือ ครกหิน ก็ซื้อตะเกียงหินมาสักชุดหนึ่ง เลือกรูปแบบและขนาดได้ตามใจชอบ ราคาก็คงจะไม่แพงเกินไปนัก เพราะซื้อจากแหล่งผลิตโดยตรง

สวนแบบนี้มีบรรยากาศเป็นญี่ปุ่นอีกเช่นกัน แต่เป็นญี่ปุ่นในชนบทห่างจากเมืองโตเกียว โดยเพิ่มรั้วซึ่งประกอบด้วยปีกไม้ หรือไม้ไผ่รูปร่างโปร่งเป็นฉากหลัง สามารถมองทะลุออกไปได้ ซี่รั้วทุกซี่ใช้เชือกสีแดงหรือสีดำผูก ยึดให้เป็นเงื่อนที่สวยงามแทนการตอกด้วยตะปู เพิ่มบ่อนํ้าจำลองเล็ก ๆ มีมือหมุนทุ่นแรงในการกว้านเอานํ้าขึ้นมาจากบ่อ ส่วนต้นไม้ก็เปลี่ยนจากกอไผ่เป็นหลิว หรือแปรงล้างขวด ซึ่งมีกิ่งก้านและใบโปร่ง กิ่งใบห้อยย้อยลงดิน เคลื่อนไหวโอนเอนไปมาเมื่อมีกระแสลมพัดผ่าน ลำต้นมีรอยแตกของเปลือกเป็นร่องลึก มีความงามตามธรรมชาติเก๋ไก๋ไปอีกแบบหนึ่ง ส่วนอื่น ๆ ก็เหมือน ๆ กับแบบก่อน เพียงแต่สลับตำแหน่ง และเปลี่ยนชนิดต้นไม้ใหญ่บ้างเท่านั้น

สวนแบบนี้จัดให้มีเนินดินสลับกับที่ราบ ด้านซ้ายมือ ปลูกต้นไม้ใหญ่ที่มีพุ่มใบหนาทึบพอสมควร จะได้อาศัยร่มเงาในการพักผ่อน อาจใช้ไม้ผลก็ได้เช่น ชมพู่ มะม่วง กระท้อน สาเก ฯลฯ ส่วนทางด้านขวามือปลูกต้นไม้ในตระกูลปาล์ม เช่น เต่าร้าง ปาล์มมนิลา ปาล์มสิบสองปันนๆ มะพร้าว (เตี้ย) ฯลฯ ใช้จำนวน 3 ต้นเลือกขนาดความสูงต่าง ๆ กัน ปลูกต้นที่สูงกว่าไว้ด้านหลัง วางตำแหน่งให้เป็นรูปสามเหลี่ยม อย่าปลูกให้เป็นแถวตรง แต่ละต้นห่างกันพอสมควร จะได้เกิดเป็นจุดเด่น ต้นไม้ด้านซ้ายมือและกลุ่มต้นปาล์มด้านขวามือ ก็จะสมดุลกันหรือเกิดความถ่วงแบบธรรมชาติ ถ้าตรงกลางยังมีที่ว่างพอ ก็ปลูกไม้พุ่มขนาดกลางอีกจุดหนึ่งให้เยื้องออกมาข้างหน้า เช่น โมก เทียนหยด แสงจันทร์ พุดตาน ช้องนาง ทองอุไร หางนกยูงไทย ยี่เข่ง ฯลฯ ก็จะมีกลุ่มต้นไม้เกิดขึ้น 3 กลุ่ม ถ้าขีดเส้นตรงระหว่างกลุ่ม ก็จะเป็นรูปสามเหลี่ยมขนาดใหญ่ตรงตามหลักเกณฑ์ที่ได้กล่าวไว้ในตอนต้น

วัตถุที่ใช้ประดับภายในบริเวณสวนประกอบด้วย โต๊ะ ม้านั่ง ที่ทำด้วยตอไม้ทั้งเปลือก ส่วนโคมไฟก็ใช้กระทะเหล็กทาสีดำ (สีด้าน) วางคว่ำบนไม้เสาเข็มกลม เพื่อให้แสงสว่างเฉพาะแปลงไม้ดอกที่ต้องการจะเน้นเป็นพิเศษ มีไม้เสาเข็มกลมทั้งเปลือกตัดเป็นท่อนสั้น ๆ ฝังกันดินที่ชายลาดของเนินดิน สร้างบรรยากาศให้เป็นธรรมชาติในชนบท มีก้อนหินสีเทาเข้มขนาดต่าง ๆ กันวางไว้ในจุดต่าง ๆ โดยยึดหลักรูปสามเหลี่ยมเป็นสำคัญ

เมื่อได้เค้าโครงอย่างนี้แล้ว ขั้นต่อไปก็ปลูกไม้ดอกไม้ใบ อาทิ พวงทองต้น กระดุมทอง เฟืองฟ้าด่าง (แคระ) ฤาษีผสม เล็บครุฑ เข็มเชียงใหม่ แอหนัง และพืชคลุมดิน อาทิ มหากาฬ ดาดตะกั่ว ผกากรองเลื้อย พิทูเนีย หัวใจม่วง เวอร์บีน่า โดยปลูกเป็นหย่อม ๆ ตามใจชอบ

สวนแบบนี้เหมาะสำหรับบ้านที่เจ้าของบ้านไม่ค่อยจะมีเวลาว่างสำหรับงานในบ้านมากนัก เริ่มด้วยการจัดให้มีเนินดินด้านหนึ่ง และมีที่ราบอีกด้านหนึ่ง แล้วหาต้นไม้ในตระกูลปาล์ม ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้ที่ดูแลรักษาง่าย ไม่ต้อง เสียเวลาตัดแต่งนาน ๆ ก็จะมีใบตอนล่างซึ่งแก่ชราเต็มที่ แล้วร่วงลงมาสักครั้ง เพียงแต่หยิบไปทิ้งเข่งขยะก็เรียบร้อยแล้ว ไม่สร้างความยุ่งยากให้แก่เจ้าของบ้านมากนัก ต้นปาล์มมีให้เลือกมากมายหลายชนิดหลายขนาด มีรูปทรง และความสวยงามแตกต่างกันออกไป บ้างก็เป็นต้นเดี่ยว สูงชะลูด สง่างามแสดงถึงความมั่นคงแข็งแรง เช่น ปาล์มมนิลา ปาล์มขวด มะพร้าว หมากสง ฯลฯ บ้างก็ขึ้นเป็นกอ มีหลายต้นใบห้อยย้อยเป็นพุ่มดูนิ่มนวล เช่น หมากเหลือง หมากแดง หมากเขียว จง ฯลฯ ในภาพสมมุติว่าเลือกเอาหมากแดงมา 3 กอ จุดที่น่าสนใจของต้นหมากชนิดนี้อยู่ที่กาบใบและก้านใบที่มีสีแดงสดใส แต่ละกอไม่จำเป็นต้องมีความสูงหรือจำนวนต้นที่เท่ากัน การนำลงปลูกยังต้องยึดหลักรูปสามเหลี่ยมเหมือนเดิม โดยปลูกกอที่มีความสูงมากกว่าไว้ด้านหลัง

ต่อจากนั้นก็นำก้อนหินก้อนใหญ่สีเข้มมาวางไว้บนเนินดินอีก 3 กลุ่ม โดยยึดหลักรูปสามเหลี่ยมอีกเช่นกัน บนเนินดินด้านหน้าใกล้กับหินก้อนใหญ่ ติดตั้งโคมไฟทรง เตี้ย 1 ดวง ด้านหน้าโคมไฟปลูกไม้ดอกทรงเตี้ย เช่น ผกากรองเลื้อย ถ้าเบื่อผกากรองก็อาจเปลี่ยนเป็นไม้ดอกชนิดอึ่น ๆ ตามฤดูกาล อาทิ กุหลาบหนู พีทูเนีย เวอร์บีน่า บานชื่น (แคระ) แพงพวยฝรั่ง ฟ้าประดิษฐ์ ฯลฯ ตอนคํ่าเมื่อเปิดไฟ แสงสว่างจากโคมไฟก็จะสาดลงไปกระทบความงาม และสีสันของดอกไม้เหล่านั้น โดยมีเงาลาง ๆ ของต้นหมากแดงเป็นฉากอยู่ด้านหลัง ถ้าเอาเสื่อมาปูบนสนาม แล้วเรียกสมาชิกภายในบ้านมานั่งตากลม ชมธรรมชาติหลังอาหารมื้อเย็น สัปดาห์ละครั้งสองครั้ง ก็คงจะมีความสุขกระจุ๋มกระจิ๋มมิใช่น้อยทีเดียว

ถ้าอีกด้านหนึ่งยังมีที่ว่างเหลือพอที่จะปลูกต้นไม้ได้ ก็ปลูกไม้พุ่มไว้อีกกลุ่มหนึ่ง เลือกชนิดที่ให้ดอกและไม่ต้องพิถีพิกันในการดูแลรักษามากนัก เช่น เข็มเศรษฐี เทียนหยด พุทธรักษา ธรรมรักษา ทองอุไร หางนกยูงไทย ยี่เข่ง ฯลฯ ต้นไม้เหล่านี้จะออกดอกให้ได้ดูกันตลอดทั้งปี บริเวณกำแพงรั้ว ถ้ามีความรู้สึกว่าแข็งและเรียบเกินไป ก็อาจจะแก้ไขได้โดยหากระถางดินเผาหรือกระถางเคลือบรูปทรงแปลก ๆ มาติดไว้กับกำแพงรั้ว (อาจใช้กระบอกไม่ไผ่ ลำโต ๆ ยาวสัก 1 หรือ 2 ปล้อง เปิดด้านบนให้กว้างและเจาะรูเล็ก ๆ ด้านล่างเพื่อระบายนํ้า แล้วนำไปแขวนติดกับรั้ว ในแนวนอนก็จะสวยงามและเก๋ไปอีกแบบหนึ่ง) ไม้เลื้อยที่จะนำลงปลูกในกระถาง หรือในกระบอกไม้ไผ่ควรเป็น ไม้ที่มีกิ่งใบห้อยย้อยลง และทนแดดได้ดี เช่น กระดุมทองเลื้อย พรมกำมะหยี่ หัวใจม่วง มหากาฬ ดาดตะกั่ว ผกากรองเลื้อย พลูด่าง ฯลฯ ถ้าขี้เกียจยุ่งยากก็อาจปลูกต้นตีนตุ๊กแก บริเวณริมรั้วสัก 2-3 จุด เพื่อให้เลื้อยขึ้นไปตามผนังกำแพงรั้ว จะทำให้ลดความแบนเรียบของกำแพงลงไปได้บ้าง

สวนแบบนี้เป็นแบบที่เรียบง่ายอีกแบบหนึ่ง เหมาะสำหรับบ้านจัดสรรหรือทาวน์เอ้าส์ เพราะใช้เนื้อที่ในการจัดไม่มากนัก การเริ่มต้นก็เช่นเดียวกัน คือจัดให้มีเนินดินสลับกับพื้นที่ที่ราบเรียบ สวนแบบนี้มีบ่อนํ้าเล็ก ๆ เพิ่มขึ้น อีกอย่างหนึ่ง การขุดบ่อไม่ต้องให้ลึกมากนัก ขุดให้ลึก 60-80 เซนติเมตร ก็พอแล้ว รูปร่างของขอบบ่อคดโค้งไปมาเหมือนเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ นำดินที่ขุดได้ไปถมด้านซ้ายมือเพื่อทำเป็นเนิน ที่ก้นบ่อก่อนฉาบปูนซีเมนต์ ควรตอกเสาเข็มสั้น ๆ ทุก ๆ ระยะ 40 เซนติเมตร เพื่อป้องกันการแตกร้าวของปูนซีเมนต์ อันเนื่องมาจากการทรุดตัวของดิน โรยอิฐหักไว้ที่ก้นหลุมให้หนาพอสมควร ปูลวดตาข่ายกรงไก่ให้โค้งถึงปากบ่อ แล้วจึงฉาบปูนซีเมนต์

ผสมยากันซึมบริวเณขอบบ่อพยายามฉาบให้แลดูเป็นธรรมชาติ บนเนินดินปลูกต้นไม้ประดับยืนต้น เลือกชนิดที่สามารถควบคุมขนาดและรูปทรงได้ เช่น แปรงล้างขวด ไทรใบยาว โมก ฯลฯ ส่วนตอนล่างปลูกไม้ใบ หรือไม้ดอก เช่น ลิ้นกระบือ เข็มเชียงใหม่ แก้ว ชา ข่อย ฯลฯ ตัดแต่งให้เป็นพุ่มทรงกลมเล็กบ้างใหญ่บ้าง สูงบ้างตํ่าบ้าง อาจจัดวางก้อนหินประดับรวมอยู่ด้วยก็ได้ ด้านขวามือชิดกับกำแพง หาตอไม้ทั้งเปลือกที่มีพูพอนลักษณะงาม ๆ มาวางสัก 1 ท่อน นำตะเกียงรั้วเก่า ๆ มาวางไว้บนตอไม้ เพื่อให้แสงสว่างที่ริบหรี่ในยามค่ำคืน สร้างบรรยากาศให้เป็นธรรมชาติในชนบท ด้านหลังตอไม้ปลูกไม้ใบที่มีลักษณะสวยงาม และให้สีสันที่สดใส เช่น ซองออฟอินเดีย ซองออฟจาไมก้า เอื้องหมายนา เลือกขนาดกอใหญ่ ๆ สัก 1 กอ เพื่อให้สมดุลกับต้นไม้ใหญ่ด้านซ้ายมือ ริมขอบบ่อนำก้อนหินก้อนใหญ่มาวางไว้อีก 2 จุด วางให้ทำมุมกับตอไม้เป็นรูปสามเหลี่ยม ปลูกพืชคลุมดิน 2 กลุ่ม กลุ่มแรกด้านขวามือ ระหว่างก้อนหินและตอไม้ ปลูกต้นการะเกดหรือเศรษฐีไซ่ง่อน ให้บางส่วนเลื้อยลงไปในบ่อนํ้า เพื่อปิดขอบบ่อ กลุ่มที่ 2 ด้านซ้ายมือ ปลูกต้นฤาษีผสม (ใบเล็ก ๆ) หรือหัวใจม่วง หรือก้ามปูหลุดรวมเป็นกลุ่มจะเพิ่มสีสันให้มากขึ้น ในบ่อนํ้า อาจปลูกพืชนํ้า เช่น กก บัวที่มีดอกสีสวยสด เพื่อเพิ่มความสดชื่นแก่ผู้ที่ได้พบเห็น ส่วนสนามหญ้าควรใช้หญ้า ญี่ปุ่น หรือเบอร์มิวด้า (ทิฟกรีน) ซึ่งมีใบเล็กละเอียด ทำให้ดูนุ่มนวลเหมือนปูด้วยพรมสีเขียว คงไม่ยุ่งยากในการตัดแต่ง นัก เพราะมีพื้นที่นิดเดียวเอง

สวนแบบนี้เหมาะสำหรับบริเวณที่มีเนื้อที่แคบ ๆ อีกเช่นกัน เริ่มด้วยการจัดให้มีเนินดินไว้ทางด้านซ้ายมือ วางก้อนหินก้อนใหญ่สีเข้ม 2 ก้อนไว้บนเนินดินให้ห่างกันพอสมควร แล้วนำต้นไม้ที่มีรูปทรงสูงโปร่ง มีใบยาวปลายใบแหลม เช่น ปรงญี่ปุ่น จันทน์ผา จันทน์แดง วาสนา ฯลฯ จำนวน 2-3 ต้น เลือกให้มีความสูงที่แตกต่างกันมาปลูก ไว้ที่ด้านหลังก้อนหินก้อนที่มีขนาดใหญ่ที่สุด พยายามปลูกให้โคนต้นชิดกันให้มากที่สุด (เหมือนเป็นกอเดียวกัน)

ถ้าเราขีดเส้นตรงระหว่างก้อนหิน 2 ก้อนและยอดต้นไม้ ต้นที่สูงที่สุด เราก็จะได้รูปสามเหลี่ยมเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ด้านหน้าชายเนินดินนำไม้เสาเข็มกลมทั้งเปลือกท่อนสั้น ๆ มาฝังให้หัวเสาเสมอกัน ฝังโค้งขนานไปกับแนวชายเนินดิน เพื่อกันดินทลายและใช้เป็นวัสดุตกแต่งไปในตัวด้วย ด้านหน้าก้อนหินใหญ่ปลูกต้นไม้คลุมดิน (ground cover) เลือกที่ใบมีลักษณะยาวปลายใบแหลมเพื่อให้กลมกลืนกับต้นไม้ด้านหลังหินก้อนใหญ่ เช่น การะเกด เตยหอม ลำเจียก กำแพงเงิน กำแพงทอง เศรษฐีไซ่ง่อน ฯลฯ โรยกรวดขนาดต่าง ๆ ระหว่างก้อนหินก้อนใหญ่และไม้เสาเข็มที่ฝังกันดินในตอนหน้า บริเวณที่โรยด้วยกรวดสมมุติว่าเป็นลำธาร ส่วนหินก้อนใหญ่ 2 ก้อนด้านหลังสมมุติว่าเป็นภูเขา บนเนินดิน ด้านหลังสุดชิดกับกำแพงรั้วปลูกต้นไม้พุ่ม เช่น แก้ว ชาดัด ข่อย เฟื่องฟ้าด่าง เทียนหยด ตัดแต่งให้เป็นพุ่มกลมเล็กบ้างใหญ่บ้าง สูงบ้างตํ่าบ้างเพื่อใช้เป็นฉากด้านหลัง

ด้านขวามือ หาโคมไฟที่มีรูปทรงเก๋ ๆ สัก 1 โคม เลือกขนาดที่พอเหมาะไม่ต้องสูงมากนักมาฝังไว้ด้านหน้าใกล้ทางเดิน วางก้อนหินก้อนโตสีเข้มไว้ด้านหลังโคมไฟ ด้านหน้าโคมไฟปลูกต้นไม้ที่ใบมีลักษณะเป็นเส้นยาว ๆ

เช่น รางทอง พลับพลึงหนู สับปะรดสี เข็มกุดั่น (ถ้ามีเด็กเล็ก ๆ ไม่ควรใช้สับปะรดสีและเข็มกุดั่น เพราะมีหนามแหลม อาจเป็นอันตรายได้) เสร็จแล้วลองถอยหลังออกมายืนดูห่าง ๆ จะเห็นว่ามีกลุ่มต้นไม้ที่มีลักษณะใบเป็นเส้น ยาว ๆ เหมือนกันรวม 3 กลุ่มและปลูกอยู่ในตำแหน่งที่เป็นรูปสามเหลี่ยมอีกเช่นกัน ด้านหลังโคมไฟยังพอมีที่เหลือ ปลูกต้นไม้ที่มีใบขนาดเล็กและสามารถดัดแต่งให้เป็นพุ่ม มีรูปทรงตามที่ต้องการได้ เช่น ขาไก่เขียว ขาไก่ด่าง เข็มเขียงใหม่ ฯลฯ สวนแบบนี้ไม่ต้องเสียเวลาในการบำรุงรักษามากนัก เพราะมีต้นไม้ไม่มากต้นและต้นไม้ส่วนใหญ่ ก็เป็นพันธุ์ไม้ที่ทนทานดีทุกต้น

แบบนี้มีเค้าโครงคล้าย ๆ กับแบบก่อน มีส่วนที่แตกต่างกันบ้าง เช่น ลักษณะและขนาดของโคมไฟ การวางก้อนหินให้เป็นรูปสามเหลี่ยมที่เห็นชัดเจนขึ้น ชนิดต้นไม้ก็คล้าย ๆ กัน เหมาะสำหรับบริเวณที่แคบ ๆ เช่น ทาวน์เฮาส์ เป็นต้น

แบบนี้ก็มีเค้าโครงคล้ายกับแบบก่อนคือ มีเนินดิน มีก้อนหินวางไว้เป็นรูปสามเหลี่ยม มีโคมไฟทรงเตี้ย เปลี่ยนแต่ชนิดต้นไม้ บนเนินดินปลูกต้นโสกอินเดีย (โสกเซนตคาเบรียล) 3 หรือ 5 ต้น เลือกที่มีความสูงต่าง ๆ กัน ปลูกชิดกันบ้างห่างกันบ้าง (อย่าปลูกเป็นแถวตรง) รอบ ๆ โคมไฟปลูกต้นซองออฟอินเดียหรือซองออฟจาไมก้าต้นเล็ก ๆ หลาย ๆ ต้น หมั่นตัดยอดออกอย่าให้สูงเกินโคมไฟ ด้านหน้าก้อนหินใหญ่ทั้ง 3 ก้อนปลูกต้นผกากรองเลื้อยสีขาวและ สีเหลือง (ปลูกปนกัน) สวนแบบนี้ดูจะสดชื่นขึ้นมาหน่อย เพราะมีสีสันของดอกไม้พอได้เห็นบ้าง

สวนที่มีเค้าโครงที่คล้ายกันใน 3 แบบสุดท้ายนี้ ต้องการจะแสดงให้เห็นว่าเราสามารถจะดัดแปลงหรือเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเกี่ยวกับชนิดพันธุ์ไม้ ชนิดวัตถุ ตลอดจนตำแหน่งที่วางต้นไม้และวัตถุต่าง ๆ ได้อีกหลายรูปหลายแบบ ตามที่เราต้องการ สวนที่มีรูปร่างและชนิดพันธุ์ไม้เหมือนเดิม ซ้ำกันนานหลาย ๆ ปี บางครั้งก็เกิดการเบื่อหน่าย จำเป็นจะต้องปรับปรุงเสริมแต่งให้แปลกตาออกไปบ้าง โดยย้ายตำแหน่งวัตถุต่าง ๆ เช่น ก้อนหิน ตอไม้ โคมไฟฟ้า ฯลฯ ถ้าได้เปลี่ยนชนิดพันธุ์ไม้ด้วยจะยิ่งทำให้มีบรรยากาศที่น่าดู น่าชมมากยิ่งขึ้นไปอีก

ตัวอย่าง แบบสวนประกอบคำบรรยายทั้งหมดนี้คงจะช่วยทำให้เข้าใจถึงหลักต่าง ๆ ในการจัดสวนได้ดีขึ้น คิดว่าคงไม่ยากเกินไปที่จะลงมือจัดสวนด้วยฝีมือของท่านเอง การจัดสวนเป็น เพื่อนแก้เหงาตรงไหน

วันหยุดราชการในปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่มักจะพักผ่อนอยู่กับบ้านไม่ออกไปเที่ยวเตร่ เนื่องจากภาวะทางเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย สภาวะสิ่งแวดล้อมทั่ว ๆ ไปไม่ดีพอ เช่น รถราติดขัดไม่ปลอดภัยในการเดินทาง อากาศร้อนระอุ ฯลฯ อยู่กับบ้านวันเสาร์-วันอาทิตย์สัปดาห์ละ 2 วัน เรา ทำอะไรกันบ้าง? เหงา ไม่รู้จะทำอะไรดี นอกจากนั่ง ๆ นอน ๆ อ่านหนังสือบ้าง ดูทีวีบ้าง ซํ้า ๆ ซาก ๆ ทุกบ่อย ๆ น่าเบื่อหน่าย แต่ถ้าได้ลงมือจัดสวนปลูกต้นไม้เล็ก ๆ น้อย ๆ มีอะไรที่แปลกใหม่ (ในทางที่ดี) เกิดขึ้นในบริเวณบ้านอยู่เสมอ ทำให้เกิดการตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาเพราะต้นไม้เป็นสิ่งที่มีชีวิต มีการเจริญเติบโต มีการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ ทุกระยะของกาลเวลา ให้ความรู้และประสบการณ์ในด้านชีววิทยาอย่างมากมาย ลองทำดูเถอะพอรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่าสนุก เป็นเรื่องที่ท้าทายแล้วละก็แทบจะลืมเวลามืดคํ่า ไม่รู้ตัวเลยทีเดียว