วิธีการปรุงยาสมุนไพรใช้เอง


สมุนไพร นอกจากจะสามารถใช้สด ๆ กินสด ๆ หรือกินเป็นอาหารแล้ว เรายังสามารถนำมาปรุงเป็นยาด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น ปั้นเป็นลูกกลอน ทำเป็นแคปซูล ชงเป็นชา ดองเป็นยาดอง เป็นต้น เพื่อให้ได้ยาสมุนไพรที่มีประสิทธิภาพในการรักษา ใช้สะดวก รับประทานง่าย พกพาสะดวก เก็บไว้ใช้ได้นาน

การชง(Infusion)

การชงเป็นวิธีพื้นฐานและง่ายสำหรับการปรุงยาสมุนไพร มีวิธีการเตรียม ภาชนะที่ใช้ชงควรเป็นแก้วหรือเหมือนกับการชงชา โดยใช้น้ำเดือดเทลงไปในสมุนไพร ใช้ได้ทั้งสมุนไพรสดและแห้ง แต่มักใช้สมุนไพรตากแห้งทำยาชง หรือบดเป็นผงชงกับน้ำร้อนก็ได้ ภาชนะเคลือบ ไม่ควรใช้ภาชนะโลหะ ควรชงยาสมุนไพรสดใช้ในแต่ละวันชงแล้วดื่มทันที ไม่ทิ้งไว้นานดื่มวันละ 3 ครั้ง ดื่มร้อนหรือเย็นก็ได้สมุนไพรบางชนิดที่มีสรรพคุณไม่รุนแรงใช้ดื่มแทนน้ำได้ เช่น ขิง มะตูม เก๊กฮวย เป็นต้น

วิธีการ

1.  ใส่สมุนไพรลงในกาหรือหม้อชงยา 1 ส่วน เติมน้ำเดือด 10 ส่วน ปิดฝาทิ้งไว้ 10 นาที

2.  รินยาผ่านตะแกรงหรือผ้าขาวบางลงถ้วย เพื่อกรองเศษสมุนไพรที่ติดมากับน้ำยา แล้วนำไปดื่มได้เก็บส่วนที่เหลือไว้ในเหยือก แช่ไว้ในตู้เย็นไว้ใช้ดื่มในมือต่อไป

การต้ม(Decoction)

การต้มเป็นวิธีการที่สกัดด้วยยาสมุนไพรได้ดีกว่าการชง โดยใช้สมุนไพรสดหรือแห้งต้มรวมกับน้ำ มักใช้รากไม้ เปลือกไม้ กิ่งก้าน เมล็ดหรือผลบางชนิด

วิธีการเตรียมทำโดยการหั่นหรือสับสมุนไพรเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ลงในหม้อต้ม แล้วใส่น้ำลงไปให้ท่วมยาเล็กน้อย ใช้ไฟขนาดปานกลางต้มจนเดือดแล้วจึงลดไฟให้อ่อน ควรคนยาเรื่อย ๆ เพื่อไม่ให้ยาไหม้ ตามตำราไทยมักจะต้มแบบ 3 เอา 1 คือใส่น้ำ 3 ส่วนของปริมาณที่จะใช้ แล้วต้มให้เหลือ 1 ส่วน แต่บางตำรา ก็ต้มแบบ 3 เอา 2 เช่นเดียวกับวิธีการชง ควรทำสด ๆ ใช้ในแต่ละวัน ไม่ควรทำทิ้งไว้ข้ามคืน ดื่มวันละ 3 ครั้ง ร้อนหรือเย็นก็ได้

วิธีการ

1.  ใส่สมุนไพรลงในหม้อต้ม ใส่น้ำให้ท่วมสมุนไพร ต้มด้วยไฟปานกลางจนเดือด แล้วจึงหรี่ไฟอ่อน ต้มต่อไปจนเหลือน้ำ 1 ใน 3

2.  เทยาสมุนไพรผ่านตะแกรงหรือผ้าขาวบางในถ้วย หรือเหยือก แล้วใช้ดื่ม ที่เหลือเก็บไว้ในตู้เย็น ใช้ดื่มในมื้อต่อไป

การเชื่อม(Syrup)

เป็นการเติมน้ำเชื่อมหรือน้ำผึ้งลงใน ยาชงหรือยาต้ม เพื่อรักษายาไว้ ใช้ได้นาน ๆ เหมาะสำหรับการปรุงยาแก้ไอ เพราะน้ำผึ้งมีสรรพคุณ บรรเทาอาการไอ และการที่ยามีส่วนผสมของน้ำผึ้งจะทำให้ยามีรสหวาน จึงทำให้รสชาติของยาดีขึ้น รับประทานง่าย โดยเฉพาะสำหรับเด็ก

วิธีการ

1.  เทยาชงหรือยาต้มที่เตรียมมาแล้ว(จากวิธีที่ 1 หรือวิธีที่ 2) ลงในหม้อ 1 ส่วน ตั้งไฟเปิดไฟอ่อน ๆ เติมน้ำผึ้งอีก 1 ส่วน คนจนเข้ากันดี จึงยกลงจากไฟ

2.  ปล่อยทิ้งไว้ให้เย็นแล้วจึงเทใส่ขวดหรือภาชนะสีทึบที่มีฝาปิด ควรใช้ฝาหรือจุกไม้ก๊อก เพราะขนาดที่เก็บยาในน้ำเชื่อมอาจจะเกิดการหมักจากน้ำตาลและเกิดแก๊ส หากใช้จุกไม้ก๊อก แก๊สจะซึมผ่านจุก หากใช้ฝาปิดสนิทชนิดอื่นอาจทำให้ขวดระเบิดได้

ผงแคปซูลและลูกกลอน(Powders Capsuls and Pills)

สมุนไพรสามารถบดเป็นผงละเอียดแล้วชงน้ำดื่มหรือโรยผสมลงในอาหารแต่เพื่อความสะอาดในการรับประทาน พกพาและเก็บไว้ใช้ได้นานขึ้น ก็สามารถบรรจุในแคปซูล หรือผสมน้ำผึ้งแล้วปั้นเป็นลูกกลอน

สมุนไพรจะนำมาบดเป็นผงจะต้องตากให้แห้งสนิท แล้วจึงนำมาบดเป็นผง

แคปซูล

การบรรจุแคปซูลก็ให้ซื้อแคปซูลเปล่าสำเร็จรูปมา เทผงสมุนไพรลงในชามแก้วปากกว้าง ดึงแคปซูลออก 2 ส่วน จับทั้ง 2 ข้างเข้าหากันผ่านผงยาแล้วจึงสวมแคปซูลเข้าด้วยกันหรือบรรจุผงยาด้วยเครื่องบรรจุแคปซูลก็ได้

ยาลูกกลอน

เอาผงสมุนไพรใส่ชามปากกว้าง เติมน้ำผึ้งทีละน้อย นวดให้เข้ากันจนผงยาทั้งหมดเกาะกันและไม่เหนียวติดมือ

ให้สังเกตปริมาณน้ำผึ้งที่ใช้ โดยปั้นลูกกลอนด้วยมือ ถ้าเละติดมือ ปั้นไม่ได้ แสดงว่าน้ำผึ้งมากไป ให้เติมผงยาเพิ่มแต่ถ้าแห้งร่อนไม่เกาะกัน ปั้นไม่ได้หรือปั้นได้แต่เมื่อบีบเบา ๆ จะแตกร่วน แสดงว่าน้ำผึ้งน้อยไป ให้เติมน้ำผึ้งลงไปอีก

เมื่อนวดผงยาได้ที่แล้ว ทำเป็นลูกกลอนได้ 2 วิธี คือ การใช้เครื่อง และการใช้มือคลึง โดยคลึงเป็นเส้นยาว ๆก่อน แล้วจึงเด็ดเป็นท่อน ๆ นำมาคลึงด้วยมือจนกลมใส่ถาดหรือกระจาดไปอบหรือตากแดด แล้วจึงนำมาบรรจุขวดหรือภาชนะที่มีฝาปิด

การดอง (Tincture)

การดองด้วยเหล้าหรือแอลกอฮอล์นี้ เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการสกัดตัวยาออกจากพืชสมุนไพร โดยการแช่สมุนไพรสดหรือแห้งในเหล้าหรือแอลกอฮอล์ เหมาะสำหรับสมุนไพรที่มีสารออกฤทธิ์ที่ละลายน้ำได้น้อย ใช้ได้กับทุกส่วนของสมุนไพร เหล้าหรือแอลกอฮอล์ที่ใช้ในการดอง นอกจากจะทำหน้าที่สกัดตัวยาจากสมุนไพรแล้วยังทำหน้าที่เป็นตัวกันบูดอีกด้วย ยาดองจึงเก็บไว้ใช้ได้นานเป็นปีเลยทีเดียว

ตามตำราไทยมักจะใช้เหล้าขาว 28-40 ดีกรี ตำราฝรั่งใช้เหล้าว๊อดก้าหรือเอทิลแอลกอฮอล์ (Ethyl Alcohol) ห้ามใช้เมทิลแอลกอฮอล์ (Methyl Alcohol) โดยเด็ดขาด เพราะเป็นพิษกินไม่ได้ นอกจากใช้เหล้าและเอทิลแอลกอฮอล์แล้ว ยังสามารถใช้น้ำหมักจากผลไม้ หรือน้ำส้มสายชูในการดองยาก็ได้ แต่จะสกัดตัวยาได้ไม่ดีเท่าเหล้าหรือแอลกอฮอล์ อายุการเก็บรักษาก็สั้นกว่า แต่ราคาจะถูกกว่าการใช้เหล้า

วิธีการดอง อาจจะใส่สมุนไพรดองในเหล้าโดยตรง หรืออาจห่อสมุนไพรด้วยผ้าขาวบางแล้วดองในเหล้าตามวิธีตำราไทยก็ได้

วิธีการ

1.  ห่อสมุนไพรด้วยผ้าขาวบางอย่างหลวม ๆ เผื่อไว้หากยาพองตัวเวลาอมน้ำ ใส่ลงในขวดโหลแก้ว หรือโถกระเบื้อง เทเหล้าใส่ท่วมห่อยา ปิดฝาให้สนิทตั้งทิ้งไว้อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ และต้องเปิดฝาคนให้ทั่ว วันละ 1 ครั้ง

2.  เมื่อดองครบกำหนดแล้ว เทยาดองใส่ขวด หรือภาชนะสีทึบ บีบยาดองออกจากห่อผ้าขาวบางให้หมด ปิดฝาให้สนิท

ข้อควรระวัง

สำหรับสตรีมีครรภืหรืออยู่ระหว่างให้นมบุตร ผู้ป่วยโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง หรือผู้ที่แพ้เหล้า ควรหลีกเลี่ยงการใช้รับประทานยาดอง เพราะอาจเกิดอันตรายขึ้นได้