ว่านขอทอง

ว่านขอทอง

ลักษณะ ต้นและใบสีเขียว เหมือนขมิ้นอ้อย แต่หัวเล็กๆ เป็นขอเกี่ยวพันธ์กันเป็นข้อๆ คล้ายกับว่านหนุมานยกทัพ เนื้อในหัวสีเหลือง ใบค่อนข้างเล็กและยาวกว่าขมิ้นอ้อยเล็กน้อย

สรรพคุณ เป็นว่านที่ทรงคุณวิเศษเลิศกว่าบรรดาว่านทั้งปวง ยกเว้นจ่าว่านต้นเดียว มีอิทธิฤทธิ์ ในทางแก้พิษเบื่อเมา ไม่ว่าจะเกิดจากเห็ด, หอย หรือพันธ์ไม้ทีเป็นว่านพิษต่างๆ ทั้งสิ้น หรือจะเป็นพิษจากสัตว์นํ้า, สัตว์บก, สัตว์ปีก, สัตว์เลื้อยคลาน, ถ้าเรามีอาการจะเกิดอาเจียนหรือท้องร่วง, มีอาการตาแข็งพูดไม่ได้ความ, มีอาการคลื่นเหียนเวียนหัว อันเป็นอาการแสดงว่าถูกพิษร้ายของพืชหรือสัตว์อย่างหนึ่งมา หัวว่านต้นนี้ย่อมสามารถแก้ไขจนหายหรือปลอดภัยได้ทั้งสิ้น ว่านต้นนี้ปลูกไว้ในบ้านยังเป็นเมตตามหานิยมชั้นยอดอีกด้วย และเป็นว่านแก้ทางคุณไสยยาศาสตร์หาได้ยาก ๆ

สรรพคุณทางยา และ วิธีใช้ เมื่อท่านจะใช้แก้พิษเบื่อเมาจากพืช จากสัตว์ และจากอาหารและการแก้ลมเพลมพัด, ลมปราบ ให้นำหัวว่านนี้มาฝน (ฝนกับน้ำปูนใส หรือสุราขาว, น้ำซาวข้าว) แล้วทาตัวจนมีอาการขนลุก และหนาวสั่นสะท้าน บางครั้งทำให้เกิดมีอาการอาเจียนเป็นลมเปล่าๆ ออกมาทันที (อาเจียนโดยไม่มีอะไรออกจากปาก เช่น เสมหะ, น้ำ, หรือนํ้าลาย แต่มีเสียงออกมา) ทั้งนี้เป็นผลจากอาการแก้ไขจาก โรคที่เป็นนั่นเอง ถ้ายิ่งให้กินหัวว่านนี้ด้วยแล้ว จะทำให้อาการที่เป็นโรคนั้นหายเร็วขึ้น ยังใช้บรรดาสรรพวิทยาคุณต่างๆ โดยเอาหัวว่านนี้ทาตัวหรือกิน หรือฝนกับนํ้าแล้วใช้แป้งผสมพอกก็ได้ หากคนไข้ถูกนํ้ามันพราย ถ้าให้กำหัวว่านนี้ไว้ในมือ จะมีอาการชักดิ้นทันที พวกชาวป่าหรือชาวชนบท เขาใช้ฝานหัวว่านนี้เป็นชิ้นบางๆ เล็กๆ ใส่ลงในอาหาร หรือของที่จะกิน เพื่อสำรวจว่ามียาเบื่อเมาเจือปนอยู่หรือไม่ หากว่านนี้หมุนจี๋ หรือกระตุกขึ้นๆ ลงๆ ในอาหารนั้นย่อมแสดงว่าอาหารและของนั้นไม่บริสุทธิ์มียาเบื่อเมาเจือปนอยู่ด้วยๆ

ถ้านำหัวว่านฝนใส่น้ำ หรือใส่ต้มแกง แล้วให้คนถูกเสน่ห์ยาแฝดที่มีอาการง่วงซึมเซา หรือมีอาการตาปรือได้กินน้ำ กินต้น กินแกงนั้น จะทำให้ผู้นั้นนอนหลับไปในเวลากินว่านปนอาหารนี้เข้าไปไม่นานนัก เมื่อตื่นจากนอนหลับแล้ว จะรู้สึกตนและหายจากอาการที่ถูกเสน่ห์นั้น กลับเป็นคนปกติ เพราะการรักษาของว่านต้นนี้ (หากจะฝานบางๆ ไม่ต้องฝนก็ได้ เมื่อใส่ต้มใส่แกง)

ถิ่นกำเนิด ว่านต้นนี้ เป็นว่านที่จัดว่าหาได้ยากต้นหนึ่ง มีขึ้นอยู่ทางฟากแม่น้ำโขง ในหมู่พวก ข่าระแต, ข่าขัด (แม้วบางพวก) และมีในป่าทางไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี และในหมู่พวกกระเหรียง และพวก ระว้า จังหวัดราชบุรี (ในหมู่พวกกระเหรี่ยงแถบห้วยยางโทน อ.ปากท่อ ราชบุรี) ถ้าท่านผู้ใดมีว่านต้นนี้มาปลูกเลี้ยงไว้แล้ว ก็เหมือนได้ลาภอันประเสริฐ เพราะสรรพคุณของว่านต้นนี้มีมากมายนั่นเอง

วิธีปลูก ใช้ดินร่วนๆ หรือดินท้องนาที่สะอาด ผสมด้วยทรายละเอียด หรือทุบอิฐดินเผาเก่าๆ ให้ละเอียดผสมดินและทราย นำหัวว่านวางกลบดินอย่าให้แน่น นํ้าที่จะรดให้เศกด้วยคาถา “นะโมพุทธายะ” 3 จบ แล้วจึงรดว่านที่ปลูก ควรรดพอเปียกทั่วเท่านั้นอย่าให้แฉะมาก จะทำให้หัวว่านเน่าได้ ว่านต้นนี้โทรมไปตามฤดู เมื่อต้นเหี่ยวแห้งให้ควํ่ากระถางไว้ ฯ