สมุนไพรเหล้า

รากศัพท์ของคำว่าสุรามาจากคำว่า สุร แปลว่า กล้า ดังนั้น น้ำเมาชนิดนี้ เมื่อคนดื่มเข้าไปแล้วทำให้กล้าขึ้น คนที่เคยเรียบร้อยไม่กล้าทำอะไรที่ไม่สมควร พอดื่มเหล้าก็กลายเป็นคนกล้าพูด กล้าทำในสิ่งทีไม่บังควรทำ พูดจาหยาบคาย บางทีอาจถึงกับไปประกอบอาชญากรรมทำร้ายคนอื่น

คำว่าเหล้าหรือสุรา มาจากภาษาบาลีและสันสกฤต แปลว่า น้ำเมาที่กลั่นแล้ว ซึ่งภาษาอังกฤษใช้คำว่า แอลกอฮอล์ มีชื่อทางเคมีว่า “เอทธิลแอลกอออลล์” เป็นของเหลวที่ไม่มีสี มีรสชาดที่ร้อนวาบซู่ซ่าพอสมควรแล้วแต่เปอร์เซ็นต์ของสุราในเครื่องดื่ม สำหรับทางการแพทย์นั้นก็นับได้ว่าเป็นยาชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์กัดระบบประสาทส่วนกลางได้

การดื่มแอลกอฮอลล์เป็นส่วนหนึ่งในสังคมมนุษย์มาตั้งแต่โบราณกาล อาจใช้เป็นยาช่วยเจริญอาหาร ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดทางอารมณ์ จากฤทธิ์แอลกอฮอลล์กดระบบประสาทส่วนกลางได้นั้น ก็ยังผลในด้านขยายเส้นเลือดแดงและเส้นเลือดดำของร่างกายได้บ้าง อีกทั้งใช้เป็นยานอนหลับอ่อนๆ นอกจากนี้ในงานพิธีต่างๆ เช่น พิธีศาสนาบางแบบ พิธีแต่งงาน พิธีฉลองประจำชาติ และอื่นๆ แอลกอออลล์ก็ได้มีบทบาทร่วมอยู่ด้วยไม่น้อยทีเดียว ยังใช้รักษาภาวะความเป็นพิษจากพวกเมทธิลแอลกอฮอลล์ได้

อย่างไรก็ตาม โทษของแอลกอฮอลล์ก็มีมากมายกว่าประโยชน์ของมัน สำหรับในกรณีที่ผู้ดื่มนั้นดื่มมากไปโดยปราศจากการประมาณตนหรือขาดการยับยั้งตนเองไว้ ปัญหาของ คนเมาเหล้านั้นก็ได้มีบันทึกมาตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ

โดยทั่วไปแล้ว ปริมาณแอลกอฮอลล์ที่ผสมอยู่ในสุรานั้นก็มีแตกต่างกันไป แล้วแต่ยี่ห้อ บริษัท และกฎหมายที่ควบคุมของประเทศนั้น จากตารางที่แสดงให้เห็นนั้น

เครื่องดื่ม ปริมาณแอลกอฮอลล์(เปอร์เซ็นต์ต่อปริมาตร) แคลลอรี่/๑๐๐ มิลลิลิตร
ไวน์ ๑๐-๒๕ ๖๐-๑๗๕
เบียร์ ๓.๕-๖ ๔๐-๖๐
เหล้าขิง ๖-๘ ๕๕-๗๐
บรั่นดี ๔๐-๔๕ ๒๒๕-๓๐๐
วิสกี้ ๔๐-๔๕ ๒๒๕-๓๐๐
สุราแม่โขง ๑๒-๒๐ ๘๐-๑๕๐
นมสด ๖๐-๘๐

การที่แอลกอฮอลล์อำนวยแคลลอรี่ให้ได้นั้น ไม่ได้หมายความว่าใช้เป็นอาหารได้ เพราะขาดสิ่งสำคัญทางด้านโภชนาการอื่นๆ เช่น โปรตีน แร่ธาตุ และไวตามินต่างๆ ทำให้ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอลล์เป็นอาจิณนั้นเป็นโรคขาดอาหารได้

การดื่มแอลกอฮอลล์มากเกินไป ขาดความยับยั้งชั่งใจต่อปริมาณที่ดื่ม ย่อมมีผลกระทบกระเทือนต่อร่างกายหลายอย่าง เช่น

ก. การเปลี่ยนแปลงที่ตับ เพราะส่วนใหญ่ของแอลกอฮอลล์ถูกทำลายที่ตับ หากการเปลี่ยนแปลงทำลายไม่ทันการโดยดื่มมากขึ้นไป อเซตัลดีไฮด์ที่เกิดจะคั่งค้างเป็นพิษต่อตับได้

นอกจากนี้ตับจะปรับตัวให้ทำลายแอลกอฮอลล์เพิ่มขึ้น สำหรับผู้ที่ดื่มบ่อยๆ จึงทำให้การสังเคราะห์ไขมันและการเปลี่ยนแปลงสารอื่นเร็วขึ้นด้วย เช่น คนติดเหล้ามักจะต้องใช้ ขนาดของยาสลบหรือยากล่อมประสาทสูงกว่าธรรมดาในกรณีที่ให้ไม่พร้อมกัน แต่ถ้าใช้ไปพร้อมกันจะมีการเสริมฤทธิ์กัน เพราะตับต้องเปลี่ยนสารทั้งสองอย่างพร้อมกัน

เซลล์ตับจะมีไขมันเพิ่มขึ้น และยังไม่สามารถส่งโปรตีนที่สังเคราะห์แล้วเข้าสู่กระแสโลหิตตามปกติได้ การที่ไขมันและโปรตีนอัดอยู่ในเซลล์มากๆ ก็ทำให้เซลล์นี้ตายและมีการ

อักเสบของตับได้ด้วย ถ้าผู้ติดเหล้ายังดื่มต่อไปมากๆ ก็มีการเปลี่ยนพยาธิสภาพเป็นตับแข็งได้ใน ๕-๒๕ ปีข้างหน้า

นอกจากนี้การสังเคราะห์น้ำตาลพวกกลูโคสลดลง มีภาวะน้ำตาลต่ำในเลือดเกิดขึ้น มักต้องมีการให้กลูโคสกัน รายไม่ได้สติจากการเมาเหล้า

ข. การขาดอาหาร แม้แอลกอฮอลล์จะให้แคลลอรี่แต่ไม่มีคุณภาพทางโภชนาการด้านอื่นด้วย

ค. จากการระคายเคืองบ่อยๆ ของแอลกอฮอลล์ นักดื่มมีโอกาสเป็นมะเร็งของปากหลอดอาหารหรือกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น

ง. การที่มีสารไขมันในเลือดสูงของผู้ดื่มมีโอกาสเป็นโรคหัวใจได้ง่าย

จ. เป็นแผลโรคกระเพะอาหารต่างๆ ได้ง่าย เพราะแอลกอฮอลล์ทำให้กรดในน้ำย่อยกระเพาะมีมากขึ้น

ฉ. หากเสพติดแล้วไม่ดื่ม มีอาการ “ถอน” เช่น มือไม้สั่นได้ ช. ยังกระทบกระเทือนระบบอื่นๆ ได้ เช่นมีการอักเสบของตับอ่อนได้ มีการดูดซึมของไวตามินบางอย่างน้อยลง

แอลกอฮอลล์ดูดซึมได้ดีทางกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก ยิ่งท้องว่างก็ยิ่งมีการดูดซึมได้รวดเร็วมาก และกระจายไปตามส่วนที่เป็นของเหลวภายในร่างกายไปยังอวัยวะและเนื้อเยื่อต่างๆ ทั่วร่างกาย ร่างกายคนเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้หรือทำการเปลี่ยนแปลงแอลกอฮอลล์ได้โดยเฉลี่ยประมาณ ๖-๘ กรัม (๗.๕-๑๐ มิลลิลิตร) ต่อชั่วโมง มีเอนไซม์หลายอย่างเกี่ยวข้อง ลงท้ายได้คาร์บอนไดออกไซด์และน้ำพร้อมกันได้แคลลอรี่ประมาณ ๗ แคลลอรี่ ต่อ ๑ กรัมแอลกอฮอลล์

สำหรับระดับแอลกอฮอลล์ในเลือดที่ถือกันว่าผิดกฎหมายนั้น ก็ขึ้นอยู่กับกฎหมายของประเทศหรือท้องถิ่นนั้น มักจะถือกันว่าที่ระดับ ๐.๕% หรือ ๑๕๐ มก.% นั่นคือ ๑๕๐ มก. ของแอลกอฮอลล์ใน ๑๐๐ มิลลิลิตรของเลือด ระดับแอลกอฮอลล์ในเลือดเกิน ๑๕๐ มก.% จะมีการกดระบบประสาทส่วนกลางรวมทั้งศูนย์หายใจและศูนย์ควบคุมความร้อนทำให้หายใจช้า อุณหภูมิของร่างกายลดตํ่า ซีดจนถึงหลับหมดสติและตายได้ในที่สุดเมื่อระดับแอลกอฮอลล์ในเลือดสูงถึง ๕๐๐ มก.%

อาการของผู้ดื่มแบ่งได้เป็น ๕ ขั้นตอน ดังนี้

๑. “Happy” อารมณ์ดีมาก มีการพูดคุยมากผิดปกติ ไม่เกรงใจใคร การตัดสินใจและประสิทธิภาพของการทำงานเริ่มเสีย

๒. “ Excited ” ตื่นเต้นง่าย เจ้าอารมณ์ ความคิดไม่สุขุม ปฏิกริยาต่างๆ ช้าลง ควบคุมการกระทำของตนเองไม่ได้

๓. “confused” สับสน พูดไม่รู้เรื่อง เริ่มโซซัดโซเซ โกรธบ้าง กลัวบ้าง พูดอ้อแอ้ เห็น ๒ ภาพ พูดจับใจความไม่ได้

๔. “ In a stupor ” อยู่ในภาวะมึนงง ยืนไม่ได้ เดินไม่ได้ เกือบจะอัมพาตไป อาเจียน เรียกพอจะรู้ตัวบ้าง

๕. In Come” โคม่า, ไม่รู้ตัวเลย ตายได้จากการอัมพาตของระบบหายใจ

ในเมื่อสุราทำให้เสียบุคคลิกลักษณะอันดีงามแล้ว ทำไมคนจึงชอบและติดการเสพสุรา จนกระทั่งกลายเป็นโรคพิษสุราเรื้อรังหรือติดจนเป็นขี้เหล้า หรือเรียกว่า เช้าก๊งเย็นก๊ง เช้าเฮเย็นเฮนั้น

ที่มีคนชอบดื่มเหล้ามากมาจากสาเหตุต่างๆ ดังนี้ คือ

๑. ความอยากรู้อยากลอง มักเกิดกับเยาวชนในวัยระหว่าง ๑๓-๒๐ ปี ซึ่งเป็นวัยอยากรู้อยากลองมากกว่าวัยอื่น แม้จะถูกรสของเหล้าที่ขมเล็กน้อย เฝื่อนนิดๆ ก็ทนเอา พอกินนานๆ ก็ติดไปเอง

๒. ดื่มเพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บและความผิดหวัง เช่น ยาดองเหล้าเพื่อรักษาโรคผอมแห้งแรงน้อย หรือดื่มเพื่อแก้ความกลัดกลุ้มหงุดหงิดผิดหวัง เช่น ทะเลาะกับคนรัก ผิดหวังในชีวิตการงาน ถ้าดื่มบ่อยครั้งเข้าก็เกิดการเสพติด

๓. ดื่มเพื่อ ย้อมจิตใจ ทำให้จิตใจเข็มแข็ง มีความกล้า เกิด จากฤทธิ์ของความเมา พฤติกรรมที่แสดงออกมิได้อยู่ในความควบคุมของจิตใจที่มีสติสัมปชัญญะ เช่น คนที่จะก่อ อาชญากรรม มักจะดื่มเหล้าเพื่อย้อมจิตใจให้มีความกล้า

๔. ดื่มโดยเห็นว่าเป็นค่านิยมของสังคม ซึ่งสำคัญผิดคิดว่าเป็นค่านิยมของสังคมชั้นสูง เช่น เยาวชนเลียนแบบผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่อยากลอกเลียนแบบสังคมชั้นสูง บางคนบางกลุ่มสำคัญผิดคิดว่าการดื่มเหล้าเป็นการทำตัวป็นคนหัวนอก หรือดื่มเหล้าทำให้สมองใส แต่งกาพย์ กลอน หรือบทความได้ดี ดังเช่นสุนทรภู่

ซึ่งสาเหตุต่างๆ ที่กล่าวมานี้เป็นการสำคัญผิดทั้งสิ้น จะสรุปได้ว่า คนที่ดื่มเหล้ามักเป็นผู้มีปัญหา มีความกลัดกลุ้มใจ ความทุกข์ไจ ก็เลยใช้เหล้ามาเป็นเครื่องยเอมจิตใจ ซึ่งได้ชั่วคราวแต่ก็ไม่ได้แก้ปัญหาที่แท้จริง

การดื่มเหล้ากลบทุกข์เพียงเล็กน้อยและชั่วคราว แต่โทษที่ได้รับจากการดื่มสุรามากมายเหลือเกิน ไม่ใช่เฉพาะตัวเองเท่านั้นแต่มีต่อสังคมอีกด้วย

การดื่มสุราในด้านศาสนาทุกศาสนาถือว่าผิดระเบียบวินัยอันดีงามทางศาสนา ซึ่งตรงกับความเป็นจริงคือ ความสูญเสียทุกอย่าง เช่น เสียทรัพย์ ทำให้เศรษฐกิจฝืดเคือง ไม่ค่อยสนใจในการทำมาหาเลี้ยงครอบครัวจนต้องกู้หนี้ยืมสิน จากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติ แจ้งว่า ประชาชนใช้จ่ายค่าสุรามากกว่าหกพันล้านบาทต่อปี และผลของสุรานี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ก่อเกิดการทะเลาะวิวาทถึงกับเป็นคดีอาญา เช่น ประทุษร้ายร่างกาย รวมถึงคดีทางเพศ และความประมาทเลินเล่อทำให้เกิดอุบัติเหตุต่างๆ ได้ ซึ่งท่านจะได้จากข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ จากคำยืนยันของนายตำรวจว่า อุบัติเหตุในเวลากลางคืน ๕๐% เกิดขึ้นเนื่องจากการเมาสุรา ในเทศกาลปีใหม่อุบัติเหตุสูงถึง ๘๐% ของอุบัติเหตุทั้งหมด

แนวทางที่จะแนะนำให้ท่านที่เป็นคอทองแดงเลิกดื่มได้โดยค่อยๆ ลดขนาดแอลกอฮอลล์วันละสิบเปอร์เซ็นต์จนเลิกเหล้าสำเร็จ อาจจะใช้ยานอนหลับหรือยากล่อมประสาทอ่อนๆ เพื่อช่วยควบคุมอาการชัก เพ้อคลั่ง และอาการมือไม้สั่นกระตุกที่อาจจะเกิดขึ้นจากการเลิกดื่มแอลกอฮอลล์

ยังมียา ไดซัลฟิแรม ซึ่งมีฤทธิ์ระงับการเปลี่ยนแปลงของอะเซตัลดีไฮด์ไปเป็น อเซติค เอซิด หากผู้ป่วยดื่มเหล้าจะทำให้มีอะเซตัลไฮด์คั่งค้างมากทันที เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน หน้าแดง ใจสั่น ปวดหัว อาจจะถึงกับความดันโลหิตลดจนช๊อคได้ ทำให้ผู้ป่วย เมื่อรับประทานยานี้แล้วก็ไม่กล้าดื่มแอลกอฮอลล์อีก

นั่นก็เป็นการรักษาแก้ไขผู้ติดสุราในทางการแพทย์โดยการลดลงทีละน้อยๆ และใช้ยาช่วยแล้ว ผู้ที่ตั้งใจเลิกเหล้าจะต้องมีจิตใจเข้มแข็งชนะใจตนเองได้จึงจะสำเร็จแบบใช้ธรรมะ ทางศาสนาใดก็ได้เข้าช่วยเสริมจะได้ผลดียิ่งขึ้น วิธีการดังกล่าวอาจเป็นวิธีการแบบวัวหายแล้วล้อมคอก ก็ไม่แน่ใจว่าหยุดแล้วจะกลับไปดื่มอีกทีหลังหรือไม่ อย่างว่านั่นแหละ พอเหล้าเข้าปากแล้วก็ยากเหลือเกินที่จะหยุดได้ ทางที่ดีที่สุดเราควรช่วยกันป้องกันมิให้มีการดื่มสุราของผู้ที่ยังไม่เคยได้ลิ้มรสสุรามาก่อนเลยจะเป็นการดีที่สุด วิธีป้องกันการดื่มเหล้าอย่างไรบ้างนั้น การป้องกัน หมายถึงการตระเตรียมการระมัดระวังมิให้มีการดื่มหรือเสพติดสุราเกิดขึ้น การป้องกัน เป็นการลงทุนน้อยและได้ผลมาก คือ

๑. ผู้ปกครอง หรือครูบาอาจารย์ของเด็ก และเยาวชน จะต้องไม่ดื่มเหล้าให้เด็กหรือเยาวชนเห็น ในการพูดคุย ฟัง หรืออ่านข่าวพบเกี่ยวกับการดื่มเหล้า ผู้ปกครอง และครูบาอาจารย์จะต้องชี้ให้เห็นถึงโทษของการดื่มเหล้า ทั้งในด้านศาสนา เศรษฐกิจ อาชญากรรม และสุขภาพอนามัยของผู้ติดเหล้า

๒. ในส่วนตัวของเยาวชนหรือผู้ใหญ่บางคน โปรดทำความเข้าใจเสียใหม่ว่า การร่วมวงดื่มสุรานั้นมิใช่การกระทำของวงสังคมผู้ดี ถ้าเรายึดถือองค์พระมหากษัตริย์เป็นสถาบันสูงสุด หรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เช่น นายกรัฐมนตรี ท่านเคยได้ยินข่าวหรือทราบจากที่ไหนหรือไม่ว่า วงสังคมชั้นสูงเช่นนั้นมีการตั้งวงสุราอย่างพวกวงขี้เมาทำกันในร้านอาหารหรือที่บ้านหรือไม่ ดังนั้นจงทิ้งมิจฉาทิฐิที่เห็นผิดไปนั้น และมีสัมมาทิฐิ คือความเห็นที่ถูกต้องว่าการดื่มสุรามิใช่สังคมผู้ดีทำกันหรือการแสดงออกของความเป็นลูกผู้ชาย ความเป็นผู้ชายเป็นอยู่แล้วในตัวของเราเองไม่ต้องไปหาของแปลกปลอมมาเสริมแต่ง และความเป็นลูกผู้ชายอยู่ที่ความมี จิตใจเข้มแข็ง ไม่ตกอยู่ในห้วงแห่งอบายมุขทั้งปวง

๓. ผู้ที่เคยดื่มสุราหรือติดสุรามาก่อน จงอย่าเข้าไปในสถานที่อโคจรหรือแหล่งที่ไม่สมควร เช่น ร้านเหล้า บาร์ ไนท์คลับ ฯลฯ  เพราะเราอาจมีจิตใจไม่เข้มแข็งพอ จงรักษาสงวนความดีไว้ เหมือนหญิงสาวสวยย่อมไม่เสี่ยงไปในที่เปลี่ยวหรือที่อันตรายฉันนั้น ท่านก็อาจร้องเพลง กราวนด์สุรา ขึ้นเพื่อเตือนใจตนเองหรือบุคคลใกล้ชิดว่า “สุรา สุรา เป็น ยาเสพติด ถ้าใครชิมนิดจะปิดชีวิตตนเอง,,