สิ่งแวดล้อมกับคุณภาพไม้ดอก

ชบากลีบซ้อน

สภาพแวดล้อมที่มีผลต่อการออกดอกและคุณภาพของดอกไม้

เคยมีผู้ถามเสมอว่า ทำไมดอกไม้ในฤดูหนาวจึงสวยกว่าดอกไม้ในฤดูร้อน และทำไมดอกไม้ที่ปลูกบนดอยจึงสวยกว่าที่ปลูกในที่ราบ คำตอบสั้นๆ คือ เพราะอากาศเย็นกว่า

เพราะเหตุใดอากาศเย็นจึงมีผลต่อคุณภาพของดอก?

โดยทั่วไปพืชจะสังเคราะห์แสงหรือสร้างอาหารได้มากในที่มีแสงแดดจัด แต่ถ้ามีแสงจัดและอุณหภูมิสูงด้วยแล้ว การหายใจหรือการใช้อาหารจะเกิดมาก ดังนั้น ในฤดูร้อนอาหารที่พืชสร้างขึ้นมาจะถูกใช้ไปในการหายใจมาก ทำให้พืชมีอาหารเหลือเก็บไปใช้ในการสร้างดอกน้อย อนึ่งการที่มีอุณหภูมิสูงจะทำให้กระบวนการต่างๆ ในพืชเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว กล่าวคือ การสร้างตาดอก การเจริญเป็นดอก การเกิดดอกตูม บาน และโรยไปจะใช้เวลาสั้น การสร้างดอกในเวลาสั้นและมีปริมาณอาหารสำหรับดอกน้อยทำให้ได้ดอกเล็ก และก้านสั้น อีกประการหนึ่ง แสงแดดจัดจะทำลายเม็ดสีในดอกทำให้ดอกมีสีซีดลง ดอกไม้ในฤดูร้อนจึงไม่สวยและเหี่ยวเร็ว

สำหรับในฤดูหนาวของเมืองไทย อากาศเย็น แต่มีแดดจัดด้วย ทำให้พืชสร้างอาหารได้มาก และอุณหภูมิต่ำไม่เร่งการหายใจทำให้ใช้อาหารไปน้อย พืชจึงมีอาหารเก็บไว้มาก เมื่อมีดอกก็ใช้อาหารที่เก็บไว้ค่อยๆ สร้างดอก กระบวนการต่างๆ เกิดขึ้นอย่างช้าๆ นอกจากนั้น อุณหภูมิต่ำไม่ทำลายเม็ดสีในดอกด้วย ดอกไม้ไนฤดูหนาวหรือไม้ดอกที่ปลูกอยู่บนดอยต่างๆ จึงมีดอกใหญ่ ก้านยาว สีเข้มสดใส และบานได้นาน

สภาพแวดล้อมที่มีผลต่อการออกดอก และคุณภาพของดอก ได้แก่ แสง อุณหภูมิ และความชื้น

แสงแดด

แสงแดดที่ต้นไม้ได้รับมีความเข้ม และจำนวนชั่วโมงแสงแดดต่าง ๆ กันไปตามฤดูกาล ความเข้มของแสงวัดเป็นฟุตเทียน ในแต่ละวันของฤดูต่างๆ แสงจากดวงอาทิตย์มีความเข้มต่างกัน ปกติในฤดูฝนและฤดูหนาว ความเข้มของแสงจะต่ำกว่าในฤดูร้อน

ถ้าความเข้มของแสงมีมาก พืชจะสังเคราะห์แสงได้มาก ทำให้ได้คาร์โบไฮเดรตมากขึ้น พืชจะมีอาหารเก็บไว้ได้มาก ทั้งนี้ขึ้นกับชนิดของดอกไม้ด้วย เช่น ไม้ในร่ม ไม้ใบ หรือหน้าวัว ถ้าแสงมากเกินกว่า 3,000 ฟุตเทียน ใบจะไหม้หรือไม้ใบบางชนิด เช่น ฤาษีผสม บอนสีจะให้สีดีกว่าในที่ที่ไม่ได้รับแสงแดดจัดโดยตรง

ความเข้มของแสงมีผลต่อสีของดอกด้วย ถ้าแดดจัดดอกจะมีสีซีดลงเพราะเม็ดสีในดอกถูกทำลาย สีแต่ละสีมีความทนทานต่อความเข้มของแสงไม่เท่ากัน สีเหลืองมีความทนทานมากกว่าสีอื่น สีม่วงและชมพูมีความทนทานต่อความเข้มของแสงได้น้อย สีดอกจะซีดลงบางทีเกือบกลายเป็นสีขาว เนื่องจากเม็ดสีถูกทำลาย การพรางแสงให้จะแก้ปัญหานี้ได้

จำนวนชั่วโมงแสง หมายถึง ระยะเวลาที่ต้นไม้ได้รับแสงสว่างโดยไม่คำนึงถึงว่าความเข้มของแสงเป็นเท่าใด ในฤดูหนาวจำนวนชั่วโมงแสงจะสั้น เราเรียกว่า วันสั้น และในฤดูร้อนจะมีวันยาว พืชบางชนิดเกิดตาดอกในวันสั้น เช่น บัวตอง จะออกดอกในช่วงที่วันเริ่มสั้นลงและมีดอกบานเป็นจำนวน มากในเดือนพฤศจิกายน ใบของต้นคริสต์มาสจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงในช่วงเดือนตุลาคม เป็นต้นไป และมีสีแดงสดพร้อมๆ กันในช่วงเดือนธันวาคม จึงเรียกกันว่า ต้นคริสต์มาสและเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลคริสต์มาสด้วย สีแดงที่เห็นเป็นสีของใบ ดอกจริงอยู่ตรงยอดมีขนาดค่อนข้างเล็กและไม่สะดุดตา

ความสั้นยาวของวันมีผลต่อลักษณะของรากรักเร่ด้วย รักเร่จะมีรากอวบสั้นถ้าปลูกในฤดูหนาวซึ่งมีช่วงวันสั้น และมีรากยาวเป็นฝอยเมื่อปลูกในฤดูร้อนซึ่งมีวันยาว

เราสามารถบังคับวันสั้นหรือวันยาวได้ตามต้องการ เช่น ในการผลิตเบญจมาศเป็นการค้า เบญจมาศจะออกดอกในช่วงวันสั้น เราจึงชำกิ่งให้ออกรากแล้วปลูกต้นในสภาพวันยาว เพื่อให้ต้นเติบโต ทางกิ่งก้านและมีใบมาก ถ้าในธรรมชาติมีชั่วโมงแสงไม่ยาวพอเราบังคับโดยการติดตั้งหลอดไฟชนิดมีไส้ ให้เพื่อยืดจำนวนชั่วโมงแสงต่อวันจนต้นมีความสูงตามต้องการ เมื่อจะให้ออกดอกก็ใช้ผ้าดำคลุมแปลงปลูกในช่วงตอนเย็นเพื่อทำให้วันสั้นลง และเอาผ้าดำออกในตอนเช้า ในสภาพวันสั้นเช่นนั้น เบญจมาศจะเกิดตาดอก การคลุมผ้าดำต้องคลุมทุกวันจนกระทั่งดอกเริ่มเห็นสีจึงหยุดคลุมและปล่อยให้ดอกบานตามธรรมชาติ วิธีบังคับวันสั้นและวันยาวนี้ทำให้เราสามารถผลิตดอกเบญจมาศได้ตลอดปี

อุณหภูมิ

มีผลต่อต้นไม้หลายอย่าง เช่น

การเจริญเติบโต ถ้าอากาศหนาวจัด ต้นไม้จะเติบโตช้าและเติบโตได้ดีในฤดูฝน ซึ่งมีอุณหภูมิพอเหมาะและมีความชื้นสูงด้วย

การเกิดตาดอก ไม้ดอกบางชนิดต้องการอุณหภูมิต่ำในการเกิดตาดอก เช่น ทิวลิป ในธรรมชาติหัวของทิวลิปจะได้รับอากาศเย็นตลอดฤดูหนาวในต่างประเทศ ทำให้เกิดตาดอก และดอกจะบานในฤดูใบไม้ผลิเมื่ออากาศอุ่นขึ้น

ปริมาณและคุณภาพของดอก ดอกไม้จะมีคุณภาพดีในที่มีอากาศเย็น โดยเฉพาะถ้าอุณหภูมิตอนกลางคืนเย็น เช่น กุหลาบ ถ้าอุณหภูมิกลางคืนประมาณ 15°ซ จะให้ดอกโต ก้านยาว ถ้าอุณหภูมิสูงกว่านี้ ปริมาณดอกจะเพิ่มขึ้นแต่ดอกมีขนาดเล็กลง สีดอกซีดและก้านดอกเล็กลงด้วย

การสังเคราะห์อาหาร ถ้าอุณหภูมิกลางวันมีค่าเฉลี่ยประมาณ 29°ซ จะทำให้ต้นไม้สร้างอาหารได้มาก และทำให้การเจริญเติบโตดีกว่าเมื่ออุณหภูมิต่ำกว่านี้

การหายใจ จะเพิ่มขึ้นเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น และถ้าอุณหภูมิต่ำขนาด – 0.5°ซ ถึง 1.6°ซ การหายใจจะเกิดขึ้นน้อยมาก ซึ่งหลักการนี้นำมาใช้ในการเก็บรักษาพันธุ์พืช ทำให้เก็บกิ่งชำ เมล็ดพันธุ์ และไม้ตัดดอกไว้ได้นาน

การสังเคราะห์กรดอมิโน และโปรตีน จะมีมากเมื่ออุณหภูมิไม่ต่ำนัก ทำให้ต้นไม่โตเร็ว และอัตราการผลิตจะต่ำเมื่ออุณหภูมิต่ำ ทำให้โตช้า

การคายนํ้า ถ้าต้นไม่ได้รับความร้อนจากแสงแดดอุณหภูมิภายในจะเพิ่มขึ้น ทำให้ต้นไม้คายน้ำมากขึ้น ถ้าอุณหภูมิยิ่งสูง อัตราการระเหยนํ้าจากใบก็ยิ่งมาก ถ้ามากเกินอัตราการดูดน้ำของราก ต้นไม้จะเหี่ยว

การขยายพันธุ์พืช การปักชำในฤดูที่มีอากาศเย็น การเกิดรากจะช้า หรือการเพาะเมล็ดในฤดูหนาว เมล็ดจะงอกช้ากว่าเมื่อเพาะในฤดูร้อน

สีของดอก ดอกไม้จะมีสีเข้มในฤดูที่มีอากาศเย็นและมีสีซีดในอากาศร้อน เนื่องจากความร้อนทำลายเม็ดสีในดอก

ความชื้น

ไม้ดอกจะเจริญได้ดีเมื่อได้รับนํ้าอย่างเต็มที่ น้ำมีหน้าที่ในกระบวนการต่างๆ ที่เกิดขึ้นในพืช คือ

การแบ่งเซลล์และการขยายตัวของเซลล์ เซลล์จะพองตัวและแบ่งตัวได้เต็มที่ เมื่อพืชได้รับความความชื้นพอเพียง ถ้าเนื้อเยื่อของพืชพองตัวน้อย การแบ่งเซลล์ก็ช้าลงสังเกตได้จากกุหลาบ เมื่อเริ่มมีดอกก้านดอกจะสั้นมากและจะยืดออกพร้อมกับดอกโตขึ้นจนโตเต็มที่ ถ้าขาดนํ้าก้านดอกจะสั้นมากคุณภาพดอกก็ลดลง ถ้าได้รับน้ำพอเพียงจะทำให้ต้นเติบโตดีมีใบใหญ่และดอกสมบูรณ์

การสังเคราะห์แสง พืชต้องการน้ำมาใช้ในกระบวนการสร้างอาหาร ซึ่งเรียกว่าการสังเคราะห์แสง ถ้าพืชขาดนํ้ากระบวนการนี้จะ เกิดขึ้นไม่ได้

การคายนํ้า เมื่อพืชสร้างอาหารขึ้น 1 กรัม พืชต้องใช้นํ้าในการนี้ไป 500 กรัม วันหนึ่งๆ พืชจึงต้องใช้นํ้าเป็นจำนวนมากเพื่อการเติบโต

การขยายพันธุ์ การที่เมล็ดจะงอกหรือกิ่งชำจะออกราก เครื่องปลูกต้องชื้นสม่ำเสมอ ถ้าเครื่องปลูกแห้งอาจทำให้เมล็ดงอกช้า หรือไม่งอกและกิ่งชำแห้งตายก่อนออกราก

ปกติพืชดูดน้ำไปใช้ได้ทางราก ดินจึงต้องมีความชื้นพอเพียง แต่ถ้าแฉะเกินไปรากจะไม่มีอากาศหายใจ เพราะนํ้าจะเข้าแทนที่อากาศในดินทำให้พืชเจริญเติบโตไม่ดี พืชที่ขึ้นในดินที่แฉะเกินไป หรือแห้งเกินไปจะมีอาการเหี่ยวคล้ายๆ กัน เพราะทั้งสองต้นกำลังอยู่ในสภาพขาดนํ้า คือ ต้นหนึ่งมีนํ้ามากเกินไปจนรากเสีย ไม่สามารถดูดนํ้ามาใช้ได้ ส่วนอีกต้นหนึ่งมีรากดีแต่ดินแห้งมีนํ้าไม่พอให้ดูดมาใช้ จึงมีอาการเหี่ยวเช่นเดียวกัน