ปัญหาของการปลูกและผลิตส้มโชกุน
1. ปัญหาผลแตกร่วงเสียหายมาก
2. ปัญหาต้นทรุดโทรมเร็วอายุสั้น
จากปัญหาหลัก ๆ 2 ประการ วิธีการแก้ไขเพื่อพิชิตการปลูกส้มพันธุ์นี้
1. เลือกแหล่งปลูกที่มีลักษณะดินร่วนปนทราย ระบายน้ำดี ดินมีอินทรียวัตถุสูงพอสมควร และที่บริเวณนั้นต้องไม่ใช่ที่ลุ่มน้ำขัง
2. แหล่งปลูกต้องมีน้ำอย่างอุดมสมบูรณ์จริง ๆ เพราะในระยะที่ผลส้มกำลังเจริญเติบโตต้องมีการให้น้ำอย่างเพียงพอจริง ๆ
3. ควรใช้พันธุ์จากแหล่งต้นพันธุ์ที่แข็งแรง ไม่ปรากฎอาการของโรค หากเป็นไปได้ควรใช้กิ่งพันธุ์ส้มที่ใช้ต้นตอพันธุ์ต้านทานโรครากเน่า โคนเน่า และผลิตด้วยวิธีปลอดโรค หรือส้มปลอดโรคจะดีที่สุด
4. ต้องจัดการควบคุมแมลงศัตรูพืชอย่างถูกวิธี เพื่อไม่ให้แมลงพาหะนำเชื้อโรคจากภายนอกเข้ามาระบาดภายในสวน
5. ต้องให้ปุ๋ยเคมี อินทรียวัตถุและอาหารเสริมทางใบอย่างเพียงพอและสม่ำเสมอ โดยเฉพาะวิธีการให้ปุ๋ยไปพร้อมน้ำ (Fertigation) จะเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพสูงในการให้ส้มโชกุนของท่านได้รับปุ๋ยและธาตุอาหารอื่น ๆ อย่างเพียงพอ
ส้มชนิดนี้ (หรือจะเรียกได้ว่าส้มโดยทั่วไป) เป็นพืชที่กินจุและตะกระยิ่งให้ผลผลิตสูงติดผลมากยิ่งต้องโด๊ปให้อย่างเพียงพอ มิเช่นนั้นต้นจะทรุดโทรมทำให้เกิดโรคแทรกจนแก้ไขลำบากในที่สุด
กรณีส้มโชกุนของชาวสวนบางรายในภาคใต้ เริ่มทดลองปลูกทีแรกแทบไม่ได้สนใจเลยต้นจึงไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าที่ควร ต่อมาภายหลังได้ให้ความสนใจดูแลรักษาอย่างดี ส้มโชกุนแปลงดังกล่าวสามารถให้ผลผลิตเป็นที่น่าพอใจ และเป็นพืชที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าทำรายได้ดีเยี่ยม ผลตอบแทนไร่ต่อไร่ดีกว่าทุเรียนในยุคราคาแพงเป็นไหน ๆ
กรณีการเลือกแหล่งปลูกส้มโชกุนให้ได้ผลดีในปัจจุบันนั้น ในประเทศไทยมีแหล่งปลูกที่เกษตรกรได้พิสูจน์ตัวเองไว้แล้วหลาย ๆ เขต เช่น ภาคเหนือ จ.ลำปาง จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย (สภาพดินค่อนข้างเป็นดินร่วนปนทราย ระบายน้ำดี) ภาคตะวันออกและภาคใต้ ซึ่งเขตหรือจุดที่ปลูกได้ล้วนแล้วแต่เป็นเขตที่ลักษณะดินเป็นดินร่วนปนทรายระบายน้ำได้ดี ดินไม่เป็นกรดจัดจนเกินไป มีแหล่งน้ำเพียงพอ นอกจากนี้ในเขตภาคตะวันตกคือ กาญจนบุรี เขตดินร่วนปนทรายและใกล้แม่น้ำก็สามารถปลูกได้ผลดีเช่นเดียวกัน
สังเกตได้ว่าแหล่งปลูกแต่ละพื้นที่นั้นจะมีข้อได้เปรียบเทียบที่แต่กต่างกันไป เช่น ในเรื่องของรส สีผิว ความหอมของเปลือก เขตภาคใต้อาจได้เปรียบในการคงเอกลักษณ์ของผิวและกลิ่นหอม รวมทั้งคุณภาพเนื้อที่กลมกล่อม ภาคเหนือได้เปรียบเรื่องสีผิวที่เป็นสีเหลืองทองในช่วงเทศกาลปีใหม่พอดีเพราะอากาศหนาวเย็น ทำให้สามารถขายได้ราคาสูงเป็นพิเศษ
ภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก ฝนจะหมดเข้าสู่ฤดูแล้งก่อนภาคใต้ ทำให้การควบคุมรสชาติสามารถทำได้ดี ส่วนภาคใต้หากฝนยังไม่หมด รสชาติก็ยังจะติดเปรี้ยวมากกว่า แต่ก็ถือว่าเป็นเอกลักษณ์อีกแบบสำหรับผู้ที่ชอบลักษณะนี้
ทั้งหมดที่เล่าสู่กันฟังเพื่อตอกย้ำหลักการสำหรับท่านที่สนใจที่จะเริ่มฤดูใหม่ในการปลูกส้มพันธุ์นี้ สำหรับมือเก่าคงจะเข้าใจไม่ยากหรือลึกซึ้งอยู่แล้ว ส่วนมือใหม่ต้องศึกษาอย่างละเอียดรอบคอบ มิเช่นนั้นจะเท่ากับเอาเงินไปทิ้งเปล่า ๆ แถมปวดหัวพาลให้เป็นโรคประสาท สู้เก็บเงินไว้กินดอกเบี้ยดีกว่า
ขอย้ำว่าการทำสวน ทฤษฎีหรือหลักการเป็นเพียงข้อพิจารณาขั้นพื้นฐานที่จะประกอบการพิจารณาตัดสินใจดำเนินการเบื้องต้น ในภาคปฏิบัติจะมีตัวแปรอีกมากมายที่ท่านจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดด้วยตัวเอง แต่สำหรับส้มหากท่านได้เริ่มต้นโดยใช้เทคโนโลยี วางระบบสวน เลือกพื้นที่ได้อย่างเหมาะสมตั้งแต่แรก ปัญหาจะน้อยกว่าพืชอีกหลายชนิด เพราะเทคโนโลยีเกี่ยวกับส้มในโลกแห่งพืชสวนถือว่าก้าวหน้ามาก สามารถวางแผนการผลิตเป็นอุตสาหกรรมได้แล้ว
สุดท้ายใครขอนำตัวเลขการลงทุนในการทำสวนส้มโชกุนมาให้นายทุนน้ำลายไหลเล่น ๆ เผื่ท่านเศรษฐีที่มีทุนและที่ดินเหลือจะได้พิจารณา หรือจะให้ช่วยหาทีมศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ(Feasibility Study) ก่อนจะดำเนินการก็ไม่ขัดข้อง ส่วนเกษตรกรรายย่อยหรือชาวสวนทั่วไป เคหการเกษตรบริการตอบจดหมายในคอลัมน์ฟรีอยู่แล้ว
เห็นตัวเลขข้างล่างแล้วอย่าตกใจ ถ้าทุกอย่างพร้อมสามารถทำได้จริง ๆ หากไม่พร้อมก็พังได้เช่นกัน
รายได้กรณีทำการผลิตขายผลส้มโชกุนแซมด้วยมะละกอ พื้นที่ 300 ไร่
1. มะละกอ 270 ไร่ ๆ ละ (8,000 กก.x 2 บาท) = 4,320,000/ปี (ปีแรกได้ผลผลิตเลย, คิดพื้นที่ปลูก 270 ไร่)
บางฤดูมะละกอสุกที่โรงงานรับซื้อกิโลกรัมละ 4 บาท จะได้เพิ่มเป็น 2 เท่า จากการประเมินไว้เพียง 2 บาท/กก.
รายได้จากมะละกอ 2 ปีแรก = 8,640,000 บาท
2. รายได้จากส้มปีที่ 4 ต้นละ 50 กก. ๆ ละ 25 บาท = 62,500 บาท/ไร่ (ไร่ละ 50 ต้น) =16,875,000 บาท/270 ไร่
รายได้จากส้มปีที่ 5 ต้นละ 150 กก. = 187,500 บาท/ไร่ (25 บาท/กก.) =50,625,000 บาท/270 ไร่
รายได้จากส้มปีที่ 6 ต้นละ 200 กก. = 250,000 บาท/ไร่ =67,500,000 บาท/270 ไร่
รายได้รวมเมื่อสิ้นสุดปีที่ 6 =135,000,000 บาท
การทำสวนเพื่อขายผลผลิตจะสามารถมีกำไรคืนทุนไม่เกินปีที่ 6 และกำไรปีต่อ ๆ ไปจะสูงขึ้นอีกจนถึงปีที่ 8
รายได้จะคงที่ไปจนถึง 15 ปีของอายุส้ม (มีเงื่อนไขว่าต้องมีการจัดการที่ดี)