เครื่องกรอง(Filter) อุปกรณ์ที่สำคัญอีกส่วนหนึ่งในองค์ประกอบของระบบน้ำก็คือ เครื่องกรองหรืออุปกรณ์การกรอง ทั้งนี้เพื่อไม่ให้มีปัญหาอุดตันที่หัวจ่ายน้ำไม่ว่าจะเป็นหัวหยด หัวพ่นหรือมินิสปริงเกลอร์ ยกเว้นหัวจ่ายน้ำที่มีรูขนาดใหญ่หรือหัวน้ำแบบเก่าไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องกรอง
ปัญหาการเกิดอุดตันที่หัวจ่ายน้ำ สืบเนื่องจากระบบการให้น้ำแบบประหยัดและมีประสิทธิภาพนั้น ต้องการให้น้ำออกจากหัวจ่ายทีละน้อย
ความละเอียดของเครื่องกรองต้องเลือกให้เหมาะกับหัวจ่ายน้ำ
ชนิดของเครื่องกรอง | ความละเอียด(Mesh) |
ความละเอียด (Micron) |
สปริงเกลอร์ |
20
30 |
800
500 |
มินิสปริงเกลอร์ |
50 75 |
300 200 |
หยด |
120 155 200 |
125 100 75
|
น้ำจะได้ค่อย ๆ กระจายออกไปครอบคลุมรัศมีรากพืชไม่สูญเสียหรือไหลไปในที่ที่ไม่ต้องการ หัวจ่ายน้ำจึงจำเป็นต้องมีขนาดเล็กมาก เมื่อมีตะกอนในน้ำหรือสาหร่ายอยู่ในน้ำ การอุดตันก็ย่อมเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับในบ้านเรานั้นน้ำที่ใช้เพื่อการเกษตรส่วนใหญ่จะเป็นแหล่งน้ำจากธรรมชาติจากผิวดิน เป็นน้ำดิบที่ยังไม่ผ่านขบวนการใด ๆ นอกจากนี้น้ำบางแห่งก็มีปัญหาสนิมเหล็กลอยเป็นฝ้าที่ผิวน้ำ ล้วนเป็นปัญหาทำให้เกิดการอุดตันได้ทั้งนั้น การกรองด้วยเครื่องกรองก่อนเข้าสู่ระบบจ่ายน้ำจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง
หัวจ่ายน้ำแต่ละแบบที่เราเลือกใช้จะมีความต้องการความละเอียดในการกรองที่แตกต่างกันไป ขณะเดียวกันเครื่องกรองแต่ละแบบจะมีขนาดและอัตราการไหลของน้ำที่แตกต่างกันในการเลือกใช้งานจึงต้องสามารถทราบได้ว่าปริมาณน้ำที่ต้องการเข้าระบบจ่ายนั้นเป็นเท่าไรต่อชั่วโมง
เครื่องกรองที่นิยมใช้ในบ้านเราสำหรับงานเกษตร
เครื่องกรองน้ำนั้นมีหลายลักษณะขึ้นอยู่กับการใช้งาน เครื่องกรองสำหรับงานการเกษตรที่นิยมใช้กันแพร่หลายในบ้านเรามี 2 ประเภท คือ เครื่องกรองแบบถังกรองทราย คือใช้วัสดุทรายเป็นวัสดุบรรจุในถังกรองเพื่อเป็นตัวกรอง อีกประเภทคือเครื่องกรองแบบแผ่น (Disc Filter) ที่แพร่หลายในบ้านเรามากก็คือของอาร์คาล จากประเทศอิสราเอล
เครื่องกรองแบบถังทราย (Sand Filter)
เครื่องกรองชนิดนี้มีลักษณะเป็นถังเหล็กหรือถังสแตนเลส ภายในบรรจุทรายชนิดพิเศษ (นำเข้ามาจากต่างประเทศ) มีน้ำหนักมาก การติดตั้งต้องทำฐานขึ้นมาเพื่อรองรับน้ำหนักมีอัตราการกรองน้ำได้ตั้งแต่ 10 คิว. ถึง 200 คิว.ต่อชม. การใช้เครื่องกรองแบบถังทรายต้องทำการล้างทุกวันโดยใช้ปั๊มน้ำติดตั้งไว้โดยเฉพาะเพื่อการล้างกลับ
เครื่องกรองแบบแผ่น (Disc Filter)
ประกอบด้วยแผ่นแหวนพลาสติกเซาะร่องซ้อนทับกันอย่างแน่นหนาทำให้เกิดกรองอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถทนแรงดันน้ำได้สูงถึง 10 กก./ซม.² ความละเอียดของการกรองสามารถกรองได้ 25-400 ไมครอน มีทั้งชนิดธรรมดาที่ถอดล้างด้วยตนเอง และชนิดที่ล้างอัตโนมัติ (เมื่อเกิดผลต่างของแรงดันน้ำ) การทำความสะอาด หากเป็นแบบธรรมดาควรถอดล้างทุกวันแต่ถ้าน้ำไม่สกปรกมากก็สามารถเว้นระยะออกไปได้โดยดูจากเกย์ความดัน หากเกย์ความดันขึ้นสูงแสดงว่าเริ่มมีปัญหาการอุดตันเกิดขึ้นมากต้องถอดล้างทันที
เครื่องกรองแบบแผ่นจานนี้มีหลายขนาดและหลายอัตราไหลของน้ำหรือกรณีที่ต้องการน้ำมากคือท่อใหญ่ก็ควรติดตั้งหลาย ๆ ชุดด้วยกัน
การติดตั้งในกรณีของน้ำที่ไม่ค่อยสะอาด เช่น น้ำผิวดิน น้ำคลอง ควรติดตั้งทั้ง 2 แบบ คือ ถังกรองทราย และตามด้วยกรองแบบแผ่นควบคู่กันจะมีความแน่นอนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการใช้หัวจ่ายน้ำแบบหยด ซึ่งต้องการความละเอียดในการกรองพิเศษหน่อย
ความจริงนอกจากเครื่องกรองสองชนิดนี้แล้วยังมีเครื่องกรองแบบอื่น ๆ อีกเช่น กรองแบบตะแกรง (Screen Filter) เป็นเครื่องกรองที่มีราคาถูกกว่าเครื่องกรองแบบแผ่น (Disc Filter) ประมาณครึ่งต่อครึ่งแถมมีน้ำหนักเบากระทัดรัดประหยัดน้ำเมื่อจะล้าง แต่มีข้อเสียคือเมื่อมีตะกอนอุดตันแรงดันน้ำจะแรงขึ้น ทำให้แรงดันน้ำพาตะกอนผ่านจะแกรงผ่านเข้าไปได้ อย่างไรก็ตามเกษตรกรที่มีเงินทุนไม่มากก็สามารถเลือกใช้กรองแบบนี้ได้
นอกจากนี้ยังมีเครื่องกรองชนิดพิเศษคือสำหรับการกรองตะกอนทราย เช่นกรณีของบ่อบาดาลที่อาจจะมีปัญหาเรื่องทรายหรือตะกอนหนักและมีโอกาสถูกดูดติดขึ้นมาด้วย ซึ่งกรณีลักษณะเช่นนี้อาจจะมีไม่มากนัก ต้องใช้กรองพิเศษเรียกว่าไซโคลนหรือไฮโดรไซโคลน (Hydrocyclone)
ในการเลือกซื้อเครื่องกรองนั้นต้องพิจารณาคุณภาพของน้ำ พิจารณาจากประเภทของหัวจ่ายน้ำที่ใช้ดังข้อมูลที่ระบุไว้ในข้างต้น ส่วนขนาดของเครื่องกรองจะเป็นขนาดเท่าไรอยู่ที่ปริมาณน้ำที่ไหลของระบบซึ่งต้องคำนวณออกมา ในส่วนนี้บริษัทระบบน้ำที่ท่านไปอุดหนุนน่าจะช่วยได้
การติดตั้งระบบการให้น้ำแบบประหยัดแบบใหม่ทันสมัยที่พูดถึงนี้จำเป็นต้องใช้เครื่องกรอง ถ้าไม่ใช้จะมีปัญหาการอุดตันที่หัวมาก เมื่อลงทุนอุปกรณ์ส่วนอื่น ๆ ได้ ส่วนนี้ก็ไม่ควรละเลย ยกเว้นท่านมีความมั่นใจว่าน้ำของท่านสะอาดเพียงพอจริง ๆ