แก้ว

แก้ว มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า เมอร์ราย่า แพนิคิวลาต้า (Murraya paniculate. Jack) อยู่ในตระกูล รูเตซี่ ( Rutaceae) ภาคเหนือเรียกว่า แก้วพริก ใต้เรียก แก้วขี้ไก่ แก้วเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กเป็นพุ่ม สูงประมาณ ๕- ๘ เมตร ไม่มีหนาม เปลือกสีขาว แตกเป็นร่องตามยาว ใบสีเขียวเข้มหนาเป็นมัน เป็นช่อเรียงเวียนกันเป็นใบประกอบ ใบรูปไข่รี ขอบใบเรียบหรือเป็นคลื่นเล็กน้อย ก้านใบย่อยสั้น ใบมีต่อมน้ำมันขยี้ดมจะได้กลิ่นคล้ายผิวส้มฉุนๆ เป็นน้ำมันติดมือ แพทย์แผนโบราณเชื่อว่าใบแก้วปรุงเป็นยาขับระดู แก้จุกเสียดแน่น เพื่อขับผายลม บำรุงธาตุ และเชื่อว่าใบแก้วตำให้ละเอียดปั้นใส่ทวารหนัก ๕ นาที จะทำให้ร่างกายเกิดความร้อน ดอกออกเป็นพวงสีขาวสะอาดกลิ่นหอมเย็นชวนดื่ม เวลาเช้าจะมีกลิ่นแรงกว่าเวลาเย็น เกสรขาวปนเหลือง นำมากลั่นเป็นน้ำมันผสมเป็นเครื่องหอม บำรุงหัวใจ ดอกแก้วออกดอกเป็นพักๆ ตลอดปี

ผลสีหมากสุกสวยงามมาก ขนาดเท่าผลมะแว้งเขื่องๆ รูปไข่รี ปลายผลทู่ สีส้มอมแดง ภายในมี ๑- ๒ เมล็ด ผลสุกรับประทานได้

แก้วเป็นพันธุ์ไม้ที่ปลูกง่าย ตอนหรือปักชำได้ มีขึ้นประปรายตามป่าดิบทั่วไป และตามบ้านเรือนมักจะปลูกเป็นรั้วเป็นไม้ประดับ

สรุปสรรพคุณ

ใบเชื่อว่าปรุงเป็นยาขับระดู แก้จุกเสียดแน่น เฟ้อ บำรุงโลหิต ดอกนำมากลั่นเป็นของผสมในเครื่องหอม

ผลสุก รับประทานได้

ราก กำลังมีการทดลองว่ามีสารที่มีฤทธิ์เป็นยาคุมกำเนิดหรือไม่

เนื้อไม้ละเอียดขัดตกแต่งได้ง่าย มีนํ้ามันในเนื้อไม้จึงนิยมใช้ทำเครื่องเรือน ด้ามเครื่องมือ ไม้ถือ ไม้บรรทัด ด้ามปากกา ด้ามร่ม ทำแกะสลัก ซอด้วง ซออู้