แตงกวา:พืชล้มลุกที่ปลูกง่าย

แตงกวาเป็นพืชล้มลุกตระกูลเดียวกับแตงโม ฟัก บวบ ฟักทอง และเชื้อกันว่ามีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปเอเชีย แตงกวาเป็นพืชผักที่ปลูกง่าย อายุนับจากวันปลูกถึงเก็บเกี่ยวประมาณ 30-40 วัน อีกทั้งประเทศไทยก็มีภูมิอากาศที่เหมาะแก่การ เจริญเติบโตของแตงกวา ดังนั้นเราจึงมักจะพบเห็นแตงกวาเป็นอาหารอยู่เสมอ ๆ แตงกวามีลำต้นเป็นเถาเลื้อย ความยาว 2-3 เมตร ลำต้นเป็นเหลี่ยมมีขนปกคลุมอยู่ทั่วไป และมีดอกตัวผู้และดอกตัวเมียแยกกันอยู่คนละดอกภายในต้นเดียวกัน ดอกมีสีเหลือง ดอกตัวเมียจะมีรังไข่ลักษณะคล้ายแตงกวาผลเล็ก ๆ อยู่ใต้กลีบดอก ในขณะที่ดอกตัวผู้มีเพียงก้านดอกเท่านั้น พันธุ์แตงกวาที่ดีควรจะมีดอกตัวเมียมากเพราะจะทำให้ได้ผลผลิตสูง แต่โดยทั่วไปดอกตัวผู้จะเกิดก่อนดอกตัวเมีย และมีจำนวนมากกว่าดอกตัวเมีย

ในขณะที่ผลแตงกวายังเล็กอยู่จะสังเกตเห็นหนามที่ผลได้อย่างชัดเจน หนามของแตงกวาจะมีสีขาวและสีดำ แตงกวาที่มีหนามสีขาวจะสามารถเก็บไว้ได้นานประมาณ 7 วัน ภายหลังเก็บจากต้น โดยที่ผลไม่นิ่ม และไม่เปลี่ยนเป็นสีเหลอง เร็วนัก ส่วนแตงกวาที่มีหนามสีดำจะเก็บไว้ได้เพียง 2-3 วัน ก็จะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง และผลจะนิ่ม

พันธุ์

แตงกวาที่มีปลูกอยู่ไนประเทศเราส่วนมากจะเป็นพันธุ์พื้นเมือง แต่โดยทั่วไปสามารถจำแนกตามประโยชน์ใช้สอยได้ดังนี้

1. พันธุ์สำหรับรับประทานสด เป็นพันธุ์ที่มีเนื้อบางและไส้ใหญ่ สีเปลือก เป็นสีเขียวอ่อน ผลมีน้ำมาก เป็นพันธุ์ที่มีทั้งผลเล็กและผลใหญ่ เมื่อผลยังอ่อนอยู่ จะมีหนามเต็มไปหมด แต่เมื่อโตเต็มที่หนามจะหลุดออกเอง พันธุ์รับประทานสดนี้ ถ้านำไปดองจะไม่อร่อยเพราะมีน้ำมากและนิ่มง่าย

2. พันธุ์อุตสาหกรรม เป็นพันธุ์ที่มีเนื้อหนา ไส้เล็ก บางพันธุ์ก็ไม่มีไส้เลย เปลือกมีสีเขียวเข้ม เมื่อนำไปดองจะคงรูปร่างได้ดี ไม่ค่อยเหี่ยวย่น แตงกวาพันธุ์นี้ มักเป็นลูกผสม ไม่ใช่พันธุ์พื้นเมืองของไทย ผลมักมีรูปร่างผอมยาว

ฤดูปลูก

แตงกวาต้องการอากาศอบอุ่นแต่ไม่ถึงกับร้อนจัด ถ้าปลูกแตงกวาในที่เย็นประมาณ 10 องศาเซลเซียสลงมา เมล็ดแตงกวาจะไม่งอก แต่ก็ไม่ตายทันทีเพียงแต่พักตัวอยู่ในดินแล้วจะกลับงอกขึ้นใหม่เมื่ออากาศอบอุ่นขึ้น ดังนั้นถ้าปลูกแตงกวาในฤดูหนาวจะใช้เวลานานกว่าปลูกในฤดูร้อน อย่างไรก็ตามในประเทศเราก็สามารถปลูกแตงกวาได้ตลอดปี แต่ถ้าจะปลูกให้ได้ผลดีที่สุด ควรเป็นช่วงฤดูร้อนระหว่างเดือน กุมภาพันธ์-มีนาคม เพราะมีอากาศเหมาะสมที่สุด ถ้าปลูกในฤดูฝนจะมีปัญหาเรื่องโรคทางใบมาก

ดินปลูก

แตงกวาสามารถเจริญเติบโตได้ในดินแทบทุกชนิด แต่โดยลักษณะนิสัยแล้วชอบดินร่วนปนทราย หรือดินที่มีสภาพเป็นกลางหรือเป็นกรดเล็กน้อย (PH 5.5-6.5) หรือดินที่มีการระบายน้ำได้ดีไม่ขังแฉะ ถ้ามีน้ำขังแฉะจะเกิดโรคทางใบและทำให้เน่าได้

การเตรียมดิน

ขุดดินให้ลึกประมาณ 20-25 เซนติเมตร ตากแดดทิ้งไว้ 7-10 วัน เก็บวัชพืชออกให้หมด ถ้าเป็นดินเหนียวจัดหรือดินทรายจัด ควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ที่สลายตัวดีแล้ว เพื่อช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน และปรับสภาพดินให้เหมาะสม ใช้ปุ๋ยดังกล่าวอัตรา 1-2 ตัน/ไร่

การปลูก

1. ปลูกโดยไม่ใช้ค้าง ขุดหลุมให้ลึก 3 นิ้ว ใช้ระบบห่างระหว่างต้น 1.5 เมตร ระยะห่างระหว่างแถว 1.5 เมตร หยอดเมล็ด 5 เมล็ดลงในหลุม เมื่อเมล็ดงอกและมีใบจริง 2-3 ใบ คัดเอาต้นที่แข็งแรงและมียอดไว้หลุมละ 2-3 ต้น แล้วปล่อยให้ต้นโตเลื้อยไปตามพื้นดิน

2.ปลูกโดยใช้ค้าง ใช้ระยะห่างระหว่างต้น 50 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างต้น 1.5 เมตร หยอดเมล็ดหลุมละ 5 เมล็ด เมื่อเมล็ดงอกมีใบจริง 2-3 ใบ ถอนต้นที่อ่อนแอออกให้เหลือต้นเข็งแรงไว้หลุมละ 2 ต้น ใช้ค้างยาวประมาณ 2 เมตร ปักเอียงเข้าหากันเป็นรูปสามเหลี่ยม เพื่อช่วยพยุงลำต้น และสามารถดูแลรักษาได้ง่าย เก็บผลง่าย

การให้น้ำ

แตงกวามีระบบรากตื้น ดังนั้นน้ำจึงจำเป็นมากสำหรับแตงกวา เพื่อหยอดเมล็ดแล้วต้องรดน้ำให้ทันที และในระยะแรกที่แตงกวาเริ่มงอกต้องให้น้ำอย่างสม่ำเสมอทุกวัน จนกระทั่งแตงกวาเริ่มออกดอก จึงลดการให้น้ำลงเหลือ 2-3 วันครั้ง การให้น้ำที่พอเหมาะจะทำให้ได้ผลผลิตสูงและผลแตงกวาสมบูรณ์มีคุณภาพ แตงกวาที่ขาดน้ำจะมีรสขมไม่ควรให้น้ำโดยวิธีพ่นฝอย เพราะจะทำให้เกิดโรคทางใบมาก ควรให้น้ำแบบตามร่องหรือปล่อยน้ำให้ไหลท่วมแปลงจนดินชุ่ม แต่ต้องไม่ท่วมจนเปียกใบ และเถา เพราะจะทำให้รากเน่าได้ง่าย

การให้ปุ๋ย

ในขณะเตรียมดินเราได้ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 1-2 ตัน/ไร่ ไปแล้ว และก่อนปลูกควรใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 12-24-12 รองก้นหลุม ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ คลุกเคล้าให้เข้ากับดินก้นหลุมเสร็จแล้วเอาดินกลบบาง ๆ ก่อนหยอดเมล็ด

เมื่อแตงกวาอายุได้ 7-10 วัน หรือเมื่อมีใบจริง 2-3 ใบ และทำการถอนแยกเสร็จแล้ว ใช้ปุ๋ยยูเรียหรืแอมโมเนียมซัลเฟต อัตรา 25 กก./ไร่ โรยไป

โรคและแมลงศัตรู

โรคที่สำคัญของแตงกวา ได้แก่ โรคเหี่ยวตาย โรคราน้ำค้าง โรคแอนเทรคโนส โรครากปม