3. โรคราสนิม (rust) โรคนี้มักจะเกิดกับกุหลาบในช่วงฤดูฝนเท่านั้น ไม่ทำลายร้ายแรงมากนัก มักจะเกิดกับใบแก่ โดยมีจุดสีส้มปรากฎอยู่ทางด้านบนของใบ ถ้ามองผ่านไปทางใต้ใบจะเห็นเป็นจุดสีเหลือง ถ้าเป็นมาก ๆ จะทำให้ใบเหี่ยวและร่วงหล่นไป ป้องกันโดยการฉีดพ่นยาที่มีส่วนผสมของกำมะถัน
4. โรคแอนแทรคโนส (anthracnose) พบในช่วงฤดูฝนเช่นเดียวกับโรคราสนิม จะเกิดจุดสีน้ำตาลเป็นวงกลมขนาดประมาณ ¼ นิ้ว วงนี้จะเปลี่ยนไปเป็นสีขาวขอบสีม่วง เกิดกับใบอ่อนหรือกิ่งอ่อนป้องกันโดยมีโปรแกรม พ่นยากันราที่ใช้กับโรคอื่นๆ อยู่แล้ว
5. โรคหนามดำ (brown canker) เกิดกับหนามของกิ่งอ่อนแล้วลุกลามไปเรื่อย ๆ ตามกิ่งก้านทำให้กิ่งก้านเหี่ยวแห้งตายไปในที่สุด ยาที่ฉีดพ่นป้องกันโรคราอื่น ๆ จะมีผลคุ้มครองโรคนี้ด้วย
6. โรคราสีเทา (gray woldrot) มักจะเกิดกับดอกกุหลาบในขณะที่ยังตูมอยู่ จะระบาดเฉพาะในที่ที่ มีอากาศเย็นและชื้นเท่านั้น เช่น ทางภาคเหนือ ถ้ามีฝนตกในฤดูหนาว หรือปลายฤดูฝนต่อฤดูหนาว จะเกิดโรคนี้กับกุหลาบ ทำให้ไม่บานและเน่าไปในที่สุด
ในภาคกลางไม่พบโรคนี้ อาการที่เห็นเด่นชัดได้แก่ ราสีเขียวหม่นอมสีน้ำตาล ขึ้นเป็นกระจุกหรือปกคลุมอยู่บนดอกตูม โดยเฉพาะในตอนเช้าที่มีอากาศชื้น จะเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เกิดจากเชื้อรา “ไบไทร์ทิส ซินเนอเรีย” (Botrytis cinerea) ซึ่งเป็นเชื้อเดียวกันกับที่ทำลายเบญจมาศสแนปดรากอน แกล็ดดิโอลัส และเจอเรนเนี่ยน ป้องกันโดยฉีดพ่นด้วย เบนเลท