โหระพา

โหระพาเป็นพืชที่อยู่ในตระกูล Labiatae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ocimum basilicum Linn. เป็นผักที่ใช้บริโภคเป็นผักสดหรือใช้ประกอบอาหารอื่น ๆ ก็ได้ ทำให้อาหารมีรสชาติและกลิ่นหอมน่ารับประทานยิ่งขึ้น ใช้ใบปรุงอาหาร เป็นผักชูรสได้หลายชนิด เช่น แกงเผ็ด แกงเลียง ผัด ทอด รับประทานสด เป็นเครื่องแนมอาหารคาวหรืออาหารว่างได้เป็นอย่างดี นอกจากจะใช้เป็นอาหารแล้วยังมีคุณค่าทางยาช่วยขับลมในลำไส้ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ เมล็ดเมื่อแช่นํ้าจะพองตัวใช้รับประทานแก้บิด ช่วยหล่อลื่นลำไส้

โหระพาเป็นพืชที่มีการปลูกกันอย่างแพร่หลายในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เป็นพืชล้มลุกที่มีอายุสั้น มีความสูงของ ทรงพุ่มไม่เกิน 60 เซนติเมตร ลำต้นเป็นรูปสี่เหลี่ยม ก้านใบและลำต้นมีสีม่วงแดง ใบสีเขียว ใบเป็นรูปหอกยาวประมาณ 1 -3 นิ้ว มีกลิ่นหอม ออกดอกเป็นชั้นคล้ายฉัตร ดอกสีขาว ม่วงหรือชมพู โหระพาสามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินแทบทุกชนิดที่มีความชื้นสมํ่าเสมอ ต้องการแสงแดดเต็มที่ตลอดวัน และสามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี

พันธุ์โหระพา

โหระพาที่ปลูกกันทั่วไปในประเทศไทยส่วนมากเป็นพันธุ์พื้นเมืองที่ ปลูกต่อ ๆ กันมา โดยเก็บเมล็ดพันธุ์เอง และต่อมาบางที่เกิดการกลายพันธุ์ไป แตกยังไม่มีการแบ่งแยกเป็นแต่ละพันธุ์อย่างชัดเจน สาเหตุเพราะการปลูกเป็นการค้าที่ยังไม่แพร่หลายเท่าใดนัก เนื่องจากปริมาณความต้องการยังมีจำกัด มีการซื้อขายกันจำนวนมาก ๆ เฉพาะในเมืองใหญ่เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันได้มีบริษัทเอกชนคือ บริษัท อีสท์เวสท์ซีด จำกัด ได้พัฒนาสายพันธุ์โหระพาขึ้นมา ได้แก่พันธุ์โหระพาจัมโบ้ (4320) ซึ่งมีลักษณะใบใหญ่ ใบสีเขียวสดใส มีกลิ่นหอม โตเร็ว ต้นแข็งแรง สามารถปลูกได้ในดินทุกชนิด และปลูกได้ตลอดปี

การปลูก

การเลือกพื้นที่ โหระพาเป็นพืชที่ปลูกครั้งเดียวสามารถเก็บเกี่ยวได้ 1-2 ปี การเลือกพื้นที่ควรพิจารณาถึงสิ่งต่อไปนี้คือ ดินควรมีความร่วนซุย มีความอุดมสมบูรณ์ดี มีการระบายนํ้าดี อยู่ใกล้แหล่งน้ำและสามารถนำนํ้ามารดได้สะดวก อยู่ใกล้ที่พักอาศัยและการคมนาคมสะดวก

การเตรียมดิน โหระพาเป็นพืชที่มีระบบรากลึกปานกลาง การเตรียมดินควรขุดหรือไถดินลึกประมาณ 20-25 เซนติเมตร ตากดินทิ้งไว้ 7-10 วัน ไถพรวนคราด ย่อยดินให้ละเอียด เก็บเศษวัชพืชออกให้หมด หลังจากนั้น ยกแปลงสูงประมาณ 10-15 เซนติเมตร กว้าง 1 เมตร ยาวตามความเหมาะสม เว้นช่องว่างระหว่างแปลงประมาณ 30 เซนติเมตร เมื่อยกแปลงเสร็จแล้วใส่ ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่สลายตัวดีแล้วอัตรา 800 กิโลกรัมต่อไร่ หรือประมาณ 500 กรัมต่อตารางเมตร โรยให้ทั่วแปลง และใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 13-13-21 อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ หรือสูตร 15-15-15 อัตรา 30 กิโลกรัมต่อไร่ หว่านให้กระจายทั่วแปลง คลุกเคล้าปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักและปุ๋ยเคมีให้เข้ากันกับดิน พร้อมที่จะปลูก

วิธีปลูก การปลูกโหระพาควรกระทำในตอนเย็น วิธีการปลูกที่นิยม มี 2 วิธีด้วยกัน คือ

1. การเพาะกล้าย้ายปลูก โดยการหว่านเมล็ดให้กระจายทั่วแปลง แล้วใช้แกลบสด แกลบเผาหรือฟาง หว่านหรือคลุมบาง ๆ แล้วรดนํ้าตามทันที หลังจากนั้นรดนํ้าทุกวันเช้าและเย็น จนกระทั่งเมื่ออายุได้ 20-25 วันจึงทำการ ย้ายปลูก โดยการถอนกล้าแล้วเด็ดยอดนำไปปลูกในแปลง โดยใช้ระยะปลูก 20 X 20 เซนติเมตร เมื่อถอนกล้าออกจากแปลงแล้วจะต้องปลูกให้เสร็จภายใน วันเดียวกัน หลังจากปลูกเสร็จควรหาฟางหรือหญ้าแห้งมาคลุมเพื่อเก็บความชื้น และรดนํ้าตามทันที

2. การปักชำ โดยตัดกิ่งที่โตเต็มที่ยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร แล้วปลิดใบออกให้หมดนำไปปักชำในแปลง โดยใช้ระยะปลูก 20 X 20 เซนติเมตร ใช้หญ้าแห้งหรือฟางแห้งสะอาดคลุมให้ทั่วแปลง และรดนํ้าตามทันที

การปฏิบัติดูแลรักษา

โหระพาเป็นพืชที่ต้องการความชื้นสูงและสมํ่าเสมอ ดังนั้นจึงควรมีการ รดนํ้าให้ทุกวัน แต่ระวังอย่าปล่อยให้มีการท่วมขังของนํ้าในแปลง ในระยะแรก ควรทำการพรวนดินและกำจัดวัชพืชทุกๆ 1-2 สัปดาห์ โดยการใช้มือถอน จอบหรือเสียมดายหญ้าออกและควรทำด้วยความระมัดระวังอย่าให้กระทบต่อต้นและราก

โหระพาเป็นพืชที่ดูแลรักษาง่าย เจริญเติบโตดี การใช้ปุ๋ยแอมโมเนียม ซัลเฟต(21-0-0) ในอัตรา 10 กิโลกรัมต่อไร่ ละลายนํ้ารดหลังปลูกประมาณ 15-20 วัน จะทำให้การเจริญเติบโตของโหระพาดียิ่งขึ้น และมียอดอวบงาม และใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ในอัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ทุกครั้งหลังการเก็บเกี่ยว สำหรับการป้องกันกำจัดโรคและแมลงนั้น เนื่องจากโหระพาเป็นพืชที่ไม่ค่อย มีปัญหาเรื่องโรคและแมลงมากนัก การแก้ปัญหาจึงไม่ควรใช้สารเคมี เพราะ อาจไม่คุ้มค่า

การเก็บเกี่ยว

หลังจากปลูกประมาณ 30-35 วัน สามารถทำการเก็บเกี่ยวได้ โดยใช้มีดคม ๆ ตัดต้นหรือกิ่งห่างจากยอดลงมาประมาณ 10-15 เซนติเมตร นำไปขาย หากยังไม่มีผู้รับซื้ออาจชะลอการเก็บเกี่ยวได้โดยการตัดช่อดอกออก โหระพาก็จะแตกกิ่งแตกใบออกมาอีกเรื่อย ๆ การเก็บเกี่ยวสามารถกระทำได้ ทุกๆ 15-20 วันไปจนถึงอายุ 7-8 เดือน