ขออธิบายอย่างง่าย ๆ ถ้าข้อมูลยังไม่ละเอียดพอก็ขอได้ไปดูของจริงจากโรงสี ซึ่งการทำงานของโรงสีทั้งหลายก็เหมือน ๆ กัน ก่อนอื่นเครื่องสีข้าวจะปฏิบัติงานได้นั้น จำเป็นจะต้องมีเครื่องต้นกำลังทำการฉุด และเครื่องต้นกำลังที่นิยมใช้กันในปัจจุบันมีดังนี้.-
1) เครื่องจักรไอน้ำ ประกอบด้วย หม้อน้ำ ปล่องไฟ และตัวเครื่องจักรต้นกำลัง หลักการทำงานคือ ใช้แกลบ ซึ่งเป็นผลผลิตพลอยได้จากการสีข้าวเป็นเชื้อเพลิงต้มน้ำในหม้อน้ำให้เดือด แล้วนำกำลังไอน้ำจากหม้อน้ำมาดันเครื่องจักรให้หมุน
2) มอเตอร์ไฟฟ้า ใช้พลังงานจากมอเตอร์ซึ่งใช้กระแสไฟฟ้า มาทำการฉุดหมุนเครื่องสีข้าว
3) เครื่องกล ที่ใช้น้ำมันเบนซินหรือน้ำมันดีเซล
โดยทั่ว ๆ ไปแล้ว ข้าวเปลือกที่ได้รับจากชาวนา ยังไม่สะอาดพอที่จะส่งเข้าเครื่องสีเลย จะต้องนำผ่านตะแกรงร่อนสิ่งเจือปนออก ได้แก่ ฟางข้าว เศษดิน เศษหิน และฝุ่นละออง แล้วจึงนำเข้าเครื่องกะเทาะเปลือกข้าวเปลือก ซึ่งจะมีลูกยางกลม 2 ลูก หมุนอยู่เมล็ดข้าวเปลือกที่ผ่านร่องระหว่างลูกกลมยาว 2 ลูกนี้ จะถูกแรงเสียดสีของลูกยาง ทำให้เปลือกข้าวหลุดออก
จากเครื่องกะเทาะข้าวเปลือก จะได้แกลบข้าวกล้อง และข้าวเปลือกส่วนที่ยังไม่ถูกกะเทาะเปลือก ผ่านต่อไปยังตะแกรงเหลี่ยม ซึ่งมีแผ่นตะแกรงทำการร่อน แยกแกลบ ข้าวเปลือก และข้าวกล้องออกจากกัน ข้าวเปลือกจะย้อนกลับไปเข้าเครื่องกะเทาะเปลือกใหม่ ข้าวกล้องจะผ่านไปตะแกรงโยก เพื่อทำการคัดข้าวเปลือกที่ยังมีผสมไปกับข้าวกล้องออกให้เหลือแต่ข้าวกล้องล้วน ๆ
แกลบ ที่ร่อนออกจากตะแกรงจะดูดพัดลมดูดไปไว้ต่างหาก ขณะเดียวกันพัดลมจะดูดเศษข้าวกล้องละเอียด หรือจมูกข้าวรวมทั้งแกลบละเอียดที่เกิดจากการกะเทาะเปลือกข้าวเปลือก ไปไว้ยังอีกทางหนึ่ง ส่วนนี้เรียกว่า รำหยาบ
ตะแกรงโยก มีหน้าที่คัดข้าวเปลือกออกจากข้าวกล้อง ในตะแกรงโยก มีแผ่นเหล็กบาง ๆ วางกั้นเป็นช่อง ๆ สลับฟันปลา ตะแกรงโยกจะเดินหน้า ถอยหลังตลอดเวลา ข้าวเปลือกและข้าวกล้องจะถูกคัดแยกไปคนละทาง ข้าวเปลือกจะย้อนกลับไปเข้าเครื่องกะเทาะใหม่ ส่วนข้าวกล้องจะผ่านไปสู่หินขันข้าวเปลือก และหินขัดข้าวขาวต่อไป
หินขัดข้าวกล้องและหินขัดข้าวขาว มีลักษณะเป็นเหล็กทรงลูกข่าง มีหินกากเพชรผสมปูนพอกไว้โดยรอบ ตั้งบนแกนที่หมุนได้ ผนังที่หุ้มหินขัดข้าว จะมียางเป็นท่อน ๆ เรียกยางขัดข้าว วางอยู่เป็นประจำ ข้าวกล้องจะผ่านช่องว่างระหว่างหินขัดข้าวและยางขัดข้าว ในขณะที่หินขัดข้าวหมุนอยู่ตลอด ข้าวกล้องจะถูกขัดจนขาว โดยผ่านหินขัดข้าว 2 ครั้ง คือ หินขัดข้าวกล้อง และหินขัดข้าวขาว
ที่ผนังหุ้มหินขัดข้าวกล้อง และหินขัดข้าวขาวจะมีช่องให้พัดลมดูดผิวของเมล็ดข้าวกล้องที่ถูกขัดออกไป ส่วนนี้เรียกว่า รำละเอียด
ข้าวขาวที่ออกจากหินขัดข้าว จะเป็น ต้นข้าว ข้าวหัก และ ปลายข้าว รวมกัน จะต้องนำไปผ่านตะแกรงเหลี่ยม และตะแกรงกลม เพื่อคัดออกมาเป็นชนิดข้าวตามต้องการต่อไป
ตะแกรงเหลี่ยม ที่จะคัดต้นข้าว และปลายข้าวนี้ ประกอบด้วยแผ่นตะแกรงซ้อนกัน หลายแผ่น แต่ละแผ่นจะมีรูตะแกรงขนาดต่าง ๆ กัน เพื่อให้ข้าวแต่ละชนิดผ่านได้และผ่านไม่ได้ ตัวตะแกรงเหลี่ยมจะเขย่าตลอดเวลาที่ทำงาน
ตะแกรงกลมที่ลักษณะเป็นแผ่นเหล็กม้วนกลม หมุนตลอดเวลาที่ทำงาน ผิวแผ่นเหล็กด้านในมีรูลักษณะแบบเต้าขนมครกแต่เล็กกว่ามาก เพื่อให้เมล็ดข้าวที่หักที่เล็กเกาะอยู่ ขณะที่ปล่อยให้เมล็ดใหญ่กว่าผ่านไปได้
ข้าวที่ผ่านการคัดของตะแกรงกลมแล้วจะได้ขนาดและชนิดตามต้องการ ซึ่งแบ่งเป็นชนิดจากใหญ่ไปหาเล็ก คือ ต้นข้าว ปลายข้าว เอ.วันเลิศพิเศษ ปลายข้าว เอ.วันเลิศ ปลายข้าวซี
ข้าวเปลือก 1 ตัน หรือ 1,000 กก. หรือ 100 ถัง สีเป็นข้าว 100% ชั้น 2 จะได้รายละเอียดดังนี้
1. ต้นข้าว 405 กก.
2. ปลายข้าว เอ.วันเลิศพิเศษ 20 กก.
3. ปลายข้าว เอ.วันเลิศ 160 กก.
4. ปลายข้าว ซี 90 กก.
5. รำละเอียด 81 กก.
6. รำหยาบ 30 กก.
7. แกลบ+ละออง 214 กก.
(ตัวเลขนี้เป็นตัวเลขโดยประมาณของสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ)
ตัวเลขจากการสีข้าวข้างบนเป็นตัวเลขโดยประมาณ ต้นข้าวและปลายข้าวอาจจะได้มากหรือน้อยกว่านี้ก็ได้ ซึ่งขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ชนิดของข้าวเปลือก ประสิทธิภาพในการสี และคุณภาพของข้าวสาร และปลายข้าวที่ต้องการ
การสีข้าวจะสีตามกรรมวิธีที่อธิบาย ครั้งเดียว(หนเดียว) เท่านั้น