บัวดิน (Zephyranthas sp.) เดิมทีบางคนเรียกบัวสวรรค์ แต่ปัจจุบันนิยมเรียกบัวดินหรือบัวจีนมากกว่าเมื่อประมาณ 2 ปีก่อนมีไม้ตัดดอกชนิดหนึ่งที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายดอกบัวสีชมพู มีลักษณะต้นและใบคล้ายพุทธรักษา ในตลาดเรียกพืชชนิดนี้ว่าบัวสวรรค์แทนที่บัวดิน อย่างไรก็ตาม หากพูดถึงบัวดินทุกคนคงนึกถึงไม้หัวขนาดเล็ก มีใบติดดิน แล้วเวลาฝนตกก็จะชูช่อดอกออกมาให้ชื่นชม ลองมาดูในรายละเอียดดีกว่า
บัวดินนี้อยู่ในวงศ์ Amaryllidaceae ซึ่งมีพืชชนิดอื่น ๆ ร่วมอยู่หลายอย่าง เช่น ว่านสี่ทิศ พลับพลึง หอม กระเทียม ฯลฯ จัดเป็นไม้หัวขนาดเล็กหัวจะมีลักษณะกลม ใบมีขนาดเล็ก แบนบางชนิดเป็นเส้นมีใบยาวประมาณ 15-30 ซม. ดอกเป็นรูปกรวย มีกลีบ 6 กลีบ ชั้นเดียว ก้านช่อดอกยาวประมาณ 10-30 ซม. กลวงและตั้งตรง มีหลายสีหลายพันธุ์ พอจะกล่าวถึงได้ดังนี้คือ
1. สีชมพูดอกเล็ก (Zephyranthas rosea) เป็นพันธุ์ที่เก่าแก่ พบบ่อยมากในประเทศไทย ดอกจะมีขนาดเล็กในแบนสั้น
2. สีขาว (Z.candida) ดอกสีขาวบริสุทธิ์ ใบจะแคบหนา บางครั้งอาจจะเห็นเป็นเส้น มักจะให้หัวที่มากทำให้สามารถขยายพันธุ์ได้เร็ว พบได้ทั่วไปเช่นกัน ดอกจะออกง่ายกว่าพันธุ์อื่น ๆ
3. สีเหลืองทอง (Z.citrina) ดอกสีเหลืองทองใบแคบเกือบเป็นเส้นสีของดอกจะสะดุดตาที่สุดในบรรดาบัวดินทั้งหมด แม้ใน 1 ปี จะให้หัวที่น้อย แต่เป็นพันธุ์เก่าแก่พันธุ์หนึ่งก็พอจะพบเห็นได้
4. สีเหลือง (Z.ajax) ดอกเป็นสีเหลือง ขนาดดอกเท่ากับพันธุ์สีขาว มีใบแบนขอบมน คาดว่าเป็นลูกผสมของชมพูดอกเล็กกับพันธุ์ดอกสีขาว พอจะหาได้เช่นกัน
5. สีชมพูดอกใหญ่ (Z.grandiflora) ดอกจะใหญ่ที่สุดในบรรดาบัวดินทั้งหมด ดอกใหญ่ประมาณ 7-8 ซม. ในขณะที่พันธุ์อื่น ๆ ประมาณ 3-6 ซม. ใบกว้างแบน สังเกตง่ายเพราะใบมักจะตก ๆ ปรกดิน เริ่มจะมีมากและหาได้ทั่วไป
6. สีส้ม (Z.rosea x Z aigax) ดอกเป็นสีส้มขนาดใหญ่เท่ากับพันธุ์สีขาว เป็นลูกผสมที่เกิดขึ้นจากการเพาะเมล็ด คาดว่าเกิดจากสีชมพูดอกเล็กผสมกับพันธุ์ดอกสีเหลืองใบกว้างแบนยาว หายากไม่พบเห็นทั่วไป
นอกจากนี้ยังพบลูกผสมอีกมากมาย ซึ่งอาจมีลักษณะกลีบดอก สีดอก ใบ แตกต่างกันไปบ้าง เช่น ขาวขลิบชมพู ส้มกลีบดอกยา เป็นต้น เท่าที่พบเห็นส่วนใหญ่มักอยู่ตามหนังสือต่างประเทศ แต่ก็ไม่เป็นที่นิยมมากนัก เพราะดอกบานไม่ทน ประมาณ 1-3 วัน ไม่สามารถทำเป็นไม้ตัดดอกหรือไม้กระถางได้ ส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้จึงเน้นเป็นไม้คลุมดินประดับแปลงปลูกมากกว่า
การปลูกบัวดิน
หากบางทีท่านพบชาวต่างชาติเรียกบัวดินว่า “Rain Lily” ก็อย่าแปลกใจว่า บัวดินออกดอกช่วงฝนอย่างเดียวหรือเปล่า จริง ๆ แล้วบัวดินสามารถออกดอกได้ตลอดทั้งปีเพียงแต่จะพบเห็นมากในช่วงฤดูฝนและต้นฤดูหนาว ในช่วงฤดูหนาวนี้เองดอกจะบานได้นานถึง 2-3 วัน ผู้เขียนเคยนำดอกบานไปไว้ในแอร์ก็สามารถบานได้นาน 3 วันเช่นกัน บัวดินปลูกง่าย ใช้หัวหรือเมล็ดก็ได้ แต่ส่วนใหญ่ใช้หัวจะง่ายกว่า เพราะเมล็ดบัวดินพันธุ์ลูกผสมทั้งหลายส่วนมากจะฝ่อไม่ติดเมล็ด และการเพาะต้องใช้เวลานานประมาณ 4-6 เดือนจึงงอก บัวดินชอบแสงแดด ดังนั้นควรปลูกกลางแจ้งแดดจัด
หากปลูกรำไรใต้ต้นไม้ใหญ่ ชายคาบ้าน ใบจะยืดยาว ดอกจะน้อยและสีดอกจะเพี้ยน ถ้าอากาศหนาวเย็นนอกจากดอกบานทนแล้ว สีสันและขนาดของดอกจะสวยงามสะดุดตาเป็นพิเศษ ส่วนของดินปลูกนั้นก็ควรระบายน้ำดี เพราะหากน้ำขัง หัวจะไม่เจริญเติบโต และเน่าในที่สุด หากปลูกในกระถางปัญหาการระบายน้ำจะหมดไป แต่ใน 1 ปี ก็ต้องแยกหัวและเปลี่ยนกระถางใหม่ เพื่อคุณภาพหัวและดอกที่ดีกว่า
เทคนิคการทำให้บัวดินออกดอก
หลังจากฝนตกหนักประมาณ 2-3 วัน หรือ 1 อาทิตย์ จะเห็นบัวดินมีดอกบาน ซึ่งหลายคนคงสงสัยว่าในช่วงไม่มีฝนแต่มีการรดน้ำสามารถหลอกให้บัวดินมีดอกได้รึเปล่า ขอตอบว่าได้ แต่มีข้อแม้คือ
1. บัวดินต้องมีความสมบูรณ์ คือมีการได้รับปุ๋ยและน้ำ
2. บัวดินต้องมีหัวขนาดใหญ่พอสมควร
สำหรับพันธุ์ที่มีการให้ปุ๋ยและน้ำสม่ำเสมอแล้วทำให้มีดอกได้ ได้แก่ พันธุ์สีขาว สีชมพูดอกใหญ่ ส่วนพันธุ์อื่นอาจยาก ให้ขุดหัวขึ้นมาผึ่งลมสัก 6-10 อาทิตย์ แล้วนำไปปลูกใหม่ก็ได้ดอกเช่นกัน
อีกวิธีหนึ่งก็คือการงดน้ำให้ทำดังนี้
1. นำบัวดินของท่านมาปลูกในกระถาง จะบังคับดอกได้ง่ายกว่าอยู่ในแปลง เพราะในแปลงปลูกจะมีปริมาณน้ำใต้ดินอยู่ ทำให้การงดน้ำไม่เป็นผล
2. งดน้ำประมาณ 1-2 เดือน หลังจากนั้นให้รดน้ำให้ชุ่ม 3 วันติดกัน บัวดินก็จะออกดอกได้ ส่วนในแปลงก็ควรจะงดน้ำนานกว่านี้ประมาณ 2-3 เดือน ก็พอช่วยได้
คงไม่ยากเกินไปสำหรับท่านที่เริ่มคิดจะปลูกไม้หัวชนิดนี้ เพราะพันธุ์หาง่าย มีหลายสีให้เลือก ปลูกง่าย ไม่ค่อยพบโรคและแมลงรบกวน หลังฝนตกไม่นานก็ชูช่อดอกสวยงามเหมือนจะบอกเราว่าที่ใดมีน้ำที่นั่นก็มีชีวิตชีวา
ข้อมูล: สาธิต พุทธวรรักษ์,สุนทร พลอยมีรัศมี