กระเจี๊ยบแดง

“กระเจี๊ยบแดง” มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ ไฮบิสคุ๊ส แซบดาริฟฟ่า ( Hibiscus Sabdariffa, Linn ) อยู่ในตระกูลมัลวาซี่ (Malvaceae ) ทางเชียงใหม่เรียก “ แกงแดง ” ( เนื่องจากสีจากกระเจี๊ยบละลายนํ้าออกเป็นสีแดง ) กระเจี๊ยบมีถิ่นกำเนิดแถวอินเดีย มาเลเซีย ถูกนำไปปลูกทั่วไปในเขตร้อน มีปลูกมากที่สุดในโลกแถวซูดานในอัฟริกา เดิมทีในประเทศไทยปลูกมากแถวสระบุรี ตามบ้านก็นิยมปลูกไว้ทำอาหารบริโภคได้หลายชนิด และต้นกระเจี๊ยบ ยังให้ความสวยงามแก่บ้านท่านอีกด้วย เพราะทั้งต้นมีสีแดงสวย เพาะปลูกด้วยเมล็ดปลูกไม่ยาก

กระเจี๊ยบแดงเป็นไม้พุ่มขนาดเล็กสูงประมาณ ๔-๖ ฟุต ใบเป็นแฉกเว้าลึก ลำต้น กิ่งก้านตลอดจนผลมีสีแดง ดอกสีชมพูตรงกลางสีแดงเข้ม กลีบที่แผ่หุ้มเมล็ดมีสีแดงเข้มเนื่องจากมีสารพวกแอนโธไซยานิน ( anthocyanin ) ซึ่งเป็นสีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ดอกกระเจี๊ยบ มีรสเปรี้ยวเนื่องจากมีกรดอินทรีย์ที่มีคุณสมบัติลดไขมันในเส้นเลือด นำกลีบดอกกระเจี๊ยบมาปรุงเป็นเครื่องดื่มผสมน้ำหวานดื่มแก้กระหายน้ำ ช่วยลดอุณหภูมิในร่างกาย แก้ร้อนใน นอกจากนี้ใช้ดอกกระเจี๊ยบทำเหล้าองุ่น เยลลี่ และทำขนมต่างๆ ที่ให้มีสีแดงตามธรรมชาติน่ารับประทานเหมือนสีสังเคราะห์ไม่ให้โทษ ยอดและใบอ่อนของกระเจี๊ยบมีรสเปรี้ยวเล็กน้อยใช้ปรุงอาหาร เช่น แกงส้ม

ทางประเทศเยอรมันนิยมดื่มน้ำชาดอกกระเจี๊ยบตากแห้งมานานแล้ว เพราะเขาเชื่อว่า ช่วยให้ระบบหายใจดีขึ้น แก้โรคเบาหวานและแก่เส้นโลหิตตีบตัน และยังเชื่อว่ารักษาโรค มะเร็งได้ด้วย

แพทย์ไทยโบราณก็รู้จักสรรพคุณของดอกและเมล็ดกระเจี๊ยบแดงมานานแล้วเช่นกัน โดยใช้เป็นยาช่วยแก้อ่อนเพลีย บำรุงธาตุ ขับปัสสาวะ และรักษาโรคไตพิการ

วงการกระเจี๊ยบในประเทศไทยเคยซู่ซ่ามาพักหนึ่ง ขอชักชวนท่านลองปลูกเป็นสวนครัวปลูกง่ายในดินทุกชนิด ปลูกประมาณ ๓-๔ เดือน ก็เก็บดอกและใบมาบริโภคได้ นำดอกมาทำอาหารและขนมได้หลายชนิดดังกล่าวมาแล้ว ใบใช้แกงและจิ้มน้ำพริกได้ ท่านสามารถปลูกเป็นอุตสาหกรรมตากแห้งส่งขายได้ราคาดีใช้เวลาไม่นาน

วิธีทำน้ำกระเจี๊ยบ

นำกลีบดอกกระเจี๊ยบสีแดงล้างน้ำให้สะอาดใส่หม้อเคลือบเติมนํ้าให้ท่วม ตั้งไฟ ต้มน้ำให้เดือด จนกลีบดอกกระเจี๊ยบอ่อนนุ่มจึงยกลง นำมากรองด้วยผ้าขาวบาง เอาน้ำกระเจี๊ยบที่ได้ประมาณ ๖ ส่วน เติมน้ำตาลทรายประมาณ ๓ ส่วน ชิมรสหวานตามชอบ เติมเกลือพอประมาณเพื่อให้มีรสหวานแหลม แล้วนำไปต้มให้เดือดประมาณ ๕ นาที ถ้าต้องการเก็บไว้นานต้องทำให้ข้นหน่อย ทิ้งไว้ให้เย็นเติมน้ำแข็ง เก็บไว้ดื่มได้นานเป็นปี แต่ต้องรักษาให้สะอาด ทั้งภาชนะบรรจุและระวังอย่าให้น้ำอื่นปนเข้าไปอาจทำให้เกิดเชื้อราได้ ภาชนะที่บรรจุควรเป็นภาชนะเคลือบหรือแก้ว

สรุปสรรพคุณ

ดอกกระเจี๊ยบมีสารเมือกมิวซิเลด ( Mucilage) ช่วยเคลือบแผลและรักษาแผลในกระเพาะลำไส้ได้ดี และประกอบด้วยกรดอินทรีย์มีสรรพคุณลดไขมันในเส้นเลือด ลดความดันโลหิตสูง และช่วยลดอุณหภูมิในร่างกาย แก้ร้อนในกระหายน้ำ

ดอกกระเจี๊ยบนำมาทำเป็นเครื่องดื่มจากสมุนไพรที่มีคุณค่าสูงมาก