ไม้ดอกไม้ประดับที่อยู่ในวงศ์กล้วยนี้มีที่น่าดูและน่าสนใจอยู่มากชนิดด้วยกัน แต่ในที่นี้จะกล่าวถึงที่เป็นไม้ดอกไม้ประดับที่ยังสับสนกันอยู่เท่านั้น ทั้งทางลักษณะรูปร่างที่เข้าใจผิดกันไป วงศ์กล้วย (Musaceae) แบ่งเป็นวงศ์ ย่อย (Sub family) และวงศ์ย่อย Strelitzioideae เป็นวงศ์ย่อยที่มีไม้ดอกไม้ประดับที่น่าสนใจอยู่หลายชนิด จากนั้นยังแบ่งออกเป็น 3 เผ่า (Tribes) แต่ละเผ่ามีเพียงสกุลเดียว แต่ละเผ่าก็ยังสับสนเข้าใจกันผิดอยู่ คือ
1. กล้วยพัด (Ravenala) มีบางคนเข้าใจผิด คิดว่าเป็นพวกปาล์ม กล้วยพัดเป็นไม้ประดับที่สวยสง่างามมาก มี 2 ชนิดคือ กล้วยพัดลังกา คือ Ravenala madagascariensis และ Re- venala guyanensis
กล้วยพัดลังกา (Revenala madagascariensis, Sonn. มีถิ่นเดิมในเกาะมาดากัสการ์ มีลักษณะลำต้นคล้ายต้นปาล์ม จึงทำให้คนเข้าใจผิดว่าเป็นพวกปาล์ม บางคนจึงเรียกว่าปาล์มพัด ซึ่งไม่ถูกต้อง เพราะปาล์มพัดนั้นเป็นพวก ปาล์มมีชื่อว่า Pritchardid spp. กล้วยพัดลังกามีลักษณะใบเหมือนกล้วยธรรมดา ผิดกันอยู่ที่ก้านใบยาวกว่าเท่านั้น และการเรียงใบคลี่ออกเป็นรูปพัดคลี่ มีผู้นำมาปลูกในเมืองไทยครั้งแรก โดยนำมาจากประเทศลังกา (พระสงฆ์ลังกา) เนื่องด้วยกล้วยพัดลังกา (Revenala madagascariensis) นี้ มีหน่อแตกออกโคนต้นได้มาก จึงขยายพันธุ์และปลูกกันทั่วไปในเมืองไทยซึ่งในตอนแรก ๆ ก็ปลูกกันอยู่ตามวัดต่าง ๆ ต่อมาก็นิยมมาปลูกกันเป็นไม้ประดับตามบ้านด้วย ลักษณะที่ใบเรียงกันเป็นรูปพัดคลื่นตามใบจึงมารวมกันที่จุดเดียวกันเหนือลำต้นและกาบใบ เป็นรูปถ้วยโค้งขึ้นซ้อนกัน จึงทำให้น้ำฝนไหลจากใบมาขังอยู่ที่กาบใบตอนชิดกับลำต้นและเก็บนํ้าไว้ได้นาน จึงทำให้ผู้เดินทางไกลใช้น้ำที่ขังอยู่ในกาบใบนี้ดื่มแก้กระหายได้ จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ต้นไม้สำหรับคนเดินทาง” (Traveller’s tree)
กล้วยพัดมีอายุยืนนานมาก ยิ่งอายุมากขึ้นลำต้นก็สูงมากขึ้นเหมือนต้นปาล์มทั่ว ๆ ไปแล้วจะมีลำต้นสูงถึง 30 ฟุต หรือมากกว่านั้นก็ได้ ใบคล้ายใบกล้วยทุกอย่าง ยาวประมาณ 15 ฟุต มีก้านใบยาว เมื่อหน่อยังเล็กอยู่มีแต่ก้านใบและตัวใบโผล่ขึ้นมาจากพื้นดินเท่านั้น ยังไม่มีลำต้น ดอกมีลักษณะคล้าย ๆ ดอกกล้วย หรือคล้ายจั่นมะพร้าว ลักษณะดอกเรียงสลับกันสองขัางของก้านช่อดอกแบบ spikes มีกาบช่อดอกเหมือนกล้วยที่เรียกว่า “กาบดอก” (bracts) คลุมช่อดอกอยู่เมื่อผสมพันธุ์แล้วจะเกิดเป็นผลที่มีเนื้อไม้แข็ง ภายในมีเมล็ดเรียงกันอยู่เป็น 2 แถว แต่ละเมล็ดมีขึ้นหรือเยื่อคล้ายปุยนุ่น มีสีน้ำเงินหรือสีเขียวห่อหุ้มอยู่ ในการขยายพันธุ์นั้นใช้หน่อที่แตกออกจากต้นเดิม
Ravenala guyanansis คล้าย ๆ Ravenala madagascariensis แต่ต่างกันที่มีทรงต้นอ้วนเตี้ยกว่า ใบกว้างใหญ่ ปลายใบมนรูปงาม ก้านใบใหญ่กว่าและสั้นกว่า มีถิ่นกำเนิดอยู่ในลุ่มน้ำอะเมซอนและประเทศสุรินัมในอเมริกาใต้ ต้นสูง 6-8 ฟุต กาบดอก (bracts) ใหญ่ ดอกสีขาว เมล็ดมีกำมะหยี่สีชมพูห่อหุ้ม ส่วนมากมักไม่มีหน่อจะรู้สึกว่าจะมีรูปทรงงามกว่า Ravenala madagascariensis ปัจจุบันมีปลูกในเมืองไทยหลายแห่ง และมีผู้สั่งต้นเล็ก ๆ เข้ามาขายกันมาก ซึ่งเป็นกล้าที่เพาะจากเมล็ดขนาดสูง 15 ซม. ราคาต้นละประมาณ 30 บาท
2. ปักษาสวรรค์ (Strelitzia) หรือ Bird of Pardise เป็นพันธุ์ไม้ดอกที่ใช้ตัดดอกหรือปลูกประดับสถานที่ก็ได้ มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาใต้ แต่ได้นำมาปลูกเป็นไม้ตัดดอกและไม้ประดับกันอย่างแพร่หลายและเป็นการค้ามากในฮาวาย สหรัฐอเมริกาตอนใต้และญี่ปุ่น ดอกงามสง่า ชูลอยเด่น เวลาบานเต็มที่มีลักษณะคล้ายนกเกาะจริง ๆ พันธุ์ไม้พวกนี้ชอบขึ้นในที่ชื้น ลมสงบ ดินมีน้ำชื้นอยู่เสมอ มีแสงสว่างพอประมาณ พันธุ์ไม้ชนิดนี้มีลักษณะที่เห็นได้ง่าย 2 ชนิดด้วยกันคือ ชนิดหนึ่งไม่มีลำต้นอยู่เหนือพื้นดิน มีแต่กาบใบและตัวใบโผล่ขึ้นมาเท่านั้น ต้นจึงไม่สูงเกินกว่า 5-6 ฟุต ส่วนอีกชนิดหนึ่งมีลักษณะลำต้นเห็นได้ชัดเจน และมีลำต้นสูง ใบคล้ายกล้วยพัด (Revenala) บางชนิดสูงถึง 30 ฟุต ใบยาวถึง 6 ฟุตก็มี ในเมืองไทยขณะนี้ที่มีต้นใหญ่ ๆ และมีดอกหาดูได้ยาก แต่ก็มีผู้สั่งต้นเล็ก ๆ ขนาดเดียวกับกล้าของกล้วยพัดมาขายในราคาเท่ากันกับกล้วยพัด เนื่องจากคนไทยส่วนมากยังไม่เคยเห็นดอกของมันจึงเข้าใจผิดว่าดอกก้ามปู (Heliconia spp.) ซึ่งเป็นเผ่าของวงศ์ Strelitzoioideae เหมือนกันว่า ดอกก้ามปู (Heliconia spp.) เป็น Bird of Paradise พวกปักษาสวรรค์ (Bird of Paradise) Strelitzia spp. มีหลายต้นที่น่าสนใจ และบางชนิดก็ยังไม่เคยมีใครนำมาปลูกในเมืองไทยเลย
Strelitzia augusta อีกชนิดหนึ่งเป็นชนิดที่มีลำต้นสูงจากพื้นดินคล้ายกล้วยพัด (Ravenala) ลำต้นสูง 18-20 ฟุต หรือบางต้นสูงถึง 30 ฟุตก็มีใบยาว 4-6 ฟุต ใบตองมักแตกเป็นริ้ว เพราะถูกลมพัดตีใบแตก ช่อดอกใหญ่สั้น ติดกาบใบชิดลำต้น มีกาบช่อดอกที่เรียกว่า Bract หรือ Spaih ใหญ่แข็ง ภายในมีดอกสีขาว Strelitzia caudata เหมือน ๆ กับ Strelitzia augusta (แต่กาบดอก (braet) มีสีชมพู ดอกภายในสีขาว
Strelitzia nicolai เหมือน ๆ กับ Strelitzia augusta หรือ Strelitzia caudata แต่มีกาบดอก (bract) สีแดง กลีบดอกสีนํ้าเงินอ่อนปนขาว Strelitzia reginae เป็นพวกที่ไม่มีลำต้น แตกกอได้ดี ก้านใบยาว ตัวใบกว้างมน ขอบใบห่อเข้าภายในเล็กน้อย กอของมันจะสูง 3-5 ฟุต รู้สึกว่าเจริญเติบโตได้ช้ามาก กาบใบมีสีเทาปนเขียวและสีชมพูอ่อน ๆ ใบหนาเป็นมัน เส้นกลางใบมีสีแดงหรือสีชมพูอ่อน ๆ ดอกชูขึ้น มีก้านดอกยาว มักเป็นช่อดอกเดี่ยว หรือมีสองดอกอยู่บนก้านเดียวกัน กาบดอก (bract) เป็นรูปเรือ (Boat shaped) สีส้มแก่ปนม่วง กลีบดอกในสีส้ม ปลายกลีบแหลม มีสีน้ำเงินงามมาก เมื่อเวลาบานเต็มที่ ดูคล้ายนกเกาะที่ก้านดอกหรือที่กาบดอก
Strelitzia parvifolia juncea ขึ้นเป็นกอใหญ่ ใบกลมคล้ายกก กอสูงประมาณ 4 ฟุต ไม่มีลำต้นสูงพ้นพื้นดิน ก้านดอกยาวชูตั้งตรงขึ้น ทำให้ดอกแลดูเด่น กาบดอก (bract) สีเหลือง ตัวดอกสีเหลืองม่วง มียอดกลีบดอกสีน้ำเงิน แลดูงามมาก
Strelitzia kewensis เป็นพันธุ์ลูกผสมระหว่าง Strelitzia reginae กับ Strelitzia augusta ดอกจึงมีสีเหลืองอ่อน ที่โคนกลีบมีสีชมพูอ่อน นอกจากพันธุ์นี้แล้ว พวก Strelitzia อื่น ๆ ที่กล่าวมาแล้วเป็นพันธุ์พื้นเมืองทั้งนั้น คงมีแต่พันธุ์ Strelitziakewensis ชนิดเดียวเท่านั้นที่เป็นพันธุ์ผสม
3. Heliconia พวกก้ามปูและธรรมรักษา พวกก้ามปูที่คนไทยส่วนมากเข้าใจว่าเป็นปักษาสวรรค์ (Strelitzia) ความจริงแล้วก้ามปูเป็นพันธุ์ไม้ในวงศ์เดียวกับปักษาสวรรค์เหมือนกัน แต่ Heliconia งามสู้ปักษาสวรรค์ไม่ได้ ราคา ของมันถูกกว่า การปลูกเลี้ยงง่าย ขยายพันธุ์ก็ง่าย ออกดอกก็ดกและสม่ำเสมอได้ดีกว่าปักษาสวรรค์ พวก Heliconia นี้มีลักษณะต่างกันมากกว่า 50 ชนิด เป็นไม้ตัดดอกและเป็นไม้ประดับ โดยความงามของใบก็มีในที่นี้จะกล่าวถึงพวก Heliconia หรือก้ามปูที่ใช้ตัดดอกเท่านั้น Heliconia ส่วนมากมีลักษณะต้นคล้ายพุทธรักษา (Cana indicxa) มีลำต้นอยู่ใต้ดิน ขยายพันธุ์โดยการแตกหน่อ ต้นที่ออกดอกแล้วก็ตายไป หน่อใหม่ก็ออกใหม่ต่อไป ต้นหนึ่งมีช่อดอกดอก เดียว ช่อดอกมีก้านยาวพอสมควร ดอกมีกาบดอก (bracts) ห่อหุ้ม และความงามของดอก อยู่ที่กาบดอกนั้นมากกว่าดอก เพราะกาบดอกมีสีสันสดุดตามาก ผลแบ่งเป็น 3 พู 3 เมล็ด เมล็ดแห้งและแตกง่าย ๆ เป็นพันธุ์ไม้เมืองร้อนทั่ว ๆ ไป Heliconia มาจากคำว่า Helicon หมายถึงภูเขาแห่งเทพนิยาย ปัจจุบันมีพบเห็นปลูกกันมากหรือขึ้นอยู่ทั่วไปในฟิลิปปินส์ ฮาวาย และฟิจิ และเกาะจาไมก้า ในเมืองไทยก็ปลูกกันมากทั่วไป
Heliconia caribaca ชนิดนี้มีช่อดอกที่มีฟอร์มงามมาก เพราะกาบดอก (bract) มีรูปมนงาม ซ้อนตัวกันอยู่บนก้านดอกเรียงเป็น 2 แถว สลับกันสองข้างในระดับตรงข้ามกันข้าง ละ 5-6 ดอก กลีบกาบดอก (bract) แข็ง ริมกาบดอกมีสีชมพูแก่ มีเส้นขอบสีเขียว โคนกาบดอกสีเหลืองทอง ดอกภายในสีชมพูดอกเล็ก ๆ เรียงอยู่ในกาบดอก ลักษณะต้นเป็นกอ คล้ายพุทธรักษา (Cana indica) หรือคล้ายกล้วยป่า ใบกว้าง 3 ฟุต
Heliconia platystachys ดอกเรียวยาว เรียงอยู่ในช่อดอกห่าง ๆ กัน ไม่อยู่ชิดกันเหมือน Heliconia cavibaca ตัวดอกห้อยย้อยออกมานอกกาบดอก (bract) เห็นเกสรได้ชัดเมื่อช่อดอกยาวสูงขึ้นจะห้อยลงสู่พื้นดิน ทำให้หมด ความสง่างามไป รูปร่างเหมือนฟอร์มไม่ดี เมื่อแก่จะมีเมล็ดสีดำเป็นลูก 3 ลูกเห็นได้ชัด ในเมืองไทยจะดูก้ามปูชนิดนี้ได้ที่วังตะไคร้ จังหวัดนครนายก
Heliconia humilis ชนิดนี้ปลูกในเมืองไทยทั่ว ๆ ไปและเข้าใจกันว่าเป็นปักษาสวรรค์ (Strelitzia) คือที่กาบดอก (bract) ใหญ่ ดอกและเกสรโผล่ออกมาแต่ห้อย กาบดอกมีสีชมพู หรือแดงก้ามปูทะเล ลักษณะเหมือนก้ามปูทะเลจริง ๆ ช่อดอกตั้งตรงไม่อ่อนช้อยลงเหมือน Heliconia platystachys และมักไม่ถูก ผสมเกสรเกิดเป็นเมล็ดได้ง่าย ๆ ตามธรรมชาติ จึงใช้หน่อขยายพันธุ์กันได้อย่างรวดเร็ว เมื่อดอกแก่เข้ากาบดอกจะเปลี่ยนเป็นสีซีดลง เมื่อดอกออกใหม่ ๆ สวยมาก ขอบของกาบดอกจะมีสีเขียวอ่อนปนเหลือง ตัดกับพื้นกาบดอกที่มีสีชมพู ดอกของมันจริง ๆ สีเหลืองและดอกเล็ก ๆ
Heliconia psittacorum กาบกลีบดอกแยกจากกัน เวลาบานเห็นดอกและเกสรได้ชัด ช่อดอกหนึ่งมี 2-4 ดอกเท่านั้น ไม่น่าดูนัก
Heliconia bihai คล้าย ๆ Helicoria humilis แต่ต้นสูงถึง 18 ฟุต ดอกสีเหลืองม่วง กาบดอก (bract) สีแดงเข้ม ตรงปลายกาบดอกมีสีเหลือง ขอบ ๆ กาบดอกสีเขียวปนเหลือง Heliconia choconiana แปลกไปกว่าที่กล่าวมาแล้วคือ มีกอเป็นลำต้นคล้ายกกน้ำ ในช่อดอกหนึ่ง ๆ มีกลีบดอกใหญ่ปิดอยู่ และ ในกลีบดอกนั้น ๆ มีดอกเล็ก ๆ ซึ่งต่างกับช่อดอกใหญ่อยู่อีก 3-4 ดอก แต่ละช่อดอกเรียงกันอยู่บนช่อดอกใหญ่เพียง 2-3 ช่อดอกเท่านั้น กอสูงประมาณ 3 ฟุต
Heliconia aurantiaea คล้าย ๆ Heliconia choconiana แตกต่างกันที่ช่อดอกเดียว งามกว่าช่อดอกหลายช่อดอกที่อยู่บนก้านดอกเดียวกัน ต้นคล้ายกก สูง 2-3 ฟุต กาบดอก (bract) สีส้ม ขอบเขียว และปลายกาบดอกสีขาว กาบดอกบนสีแดงแสด ส่วนดอกสีม่วงแดง
Heliconia augustifolia (braziliensi) คล้าย ๆ Heliconia choconiana กอสูง 3 ฟุต กาบดอกสีส้มแก่ สีจะเข้มเข้าเมื่อดอกมีอายุนานขึ้น ดอกใบสีขาวครีม ผลครั้งแรกสีส้มแก่ แล้วมีสีน้ำเงินแก่
นอกจากนี้ยังมีพวกก้ามปู Heliconia อีกหลายชนิดที่ใช้เป็นไม้ตัดดอกได้ดี เช่น Heliconia lastispatha, H.metallica, H. jacquinii, H. illnstris, H. vellutina