ความกลมกลืนของสวนประดับบ้าน

ที่มา:เสรี ทรัพยสาร

ปัจจัยสี่สำหรับมนุษย์เราประกอบด้วยอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัยและยารักษาโรค แต่ในปัจจุบันมีปัจจัยที่จำเป็นสำหรับชีวิตประจำวันของมนุษย์เพิ่มมาอีกอย่างน้อย 2 ปัจจัยด้วยกันคือ ยานพาหนะ และต้นไม้

เดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็อยากมีรถยนต์ เพื่อใช้ในการเดินทาง เป็นการส่วนตัว การที่จะหวังโดยสารรถประจำทางนั้น รู้สึกว่าจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากเต็มทีและค่อนข้างจะเสี่ยงต่ออันตรายเป็นอย่างยิ่ง ใครก็ตามที่ต้องเดินทางด้วยรถเมล์มาโดยตลอด ถ้าสามารถมีชีวิตอยู่จนถึงปลดเกษียณอายุราชการได้โดยไม่พลัดตกรถลงมาตายเสียก่อน หรือไม่ได้ผจญกับรถควํ่ารถหงายจนต้องง่อยเปลี้ยเสียขาพิกลพิการไปเสียก่อน ก็นับว่าเป็นผู้ที่มีโชคดีที่สุด

ปัจจัยอีกอย่างหนึ่งที่ขาดเสียมิได้คือ ต้นไม้ ต้นไม้ให้ประโยชน์แก่มนุษย์เราอย่างมากมายนานัปการ อาทิ เพิ่มความสวยงามและคุณค่าแก่อาคารบ้านเรือน เป็นที่เชิดหน้าชูตาเป็นสง่าราศีแก่บ้าน ให้ความร่มรื่นสบายตา ใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจในยามว่างจากภารกิจประจำวัน ช่วยเศรษฐกิจภายในครอบครัวได้ใช้ดอกไม้ ใบไม้ ปักแจกันประดับห้องรับแขกหรือบูชาพระ เมื่อปลูกต้นไม้ไว้ที่บ้านหลังจากเลิกงานก็ต้องรีบกลับบ้านเพื่อรดนํ้าต้นไม้ ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการเที่ยวเตร่นอกบ้านลงไปได้มาก การปลูกต้นไม้ทำให้มีโอกาสได้ออกกำลังกายเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการขุดดิน ในการตัดแต่งกิ่ง ในการรดนํ้าพรวนดิน ทำให้มีสุขภาพสมบูรณ์ นอกจากนั้น ยังทำให้เกิดความใกล้ชิด เกิดความสงบสุขภายในครอบครัว เช่น พ่อบ้านขุดดิน แม่บ้านถอนหญ้า ลูก ๆ ช่วยรดนํ้าต้นไม้ ไม่สุขตอนนี้ แล้วจะไปสุขตอนไหน?

มนุษย์เราเมื่อมีบ้านก็จะต้องนึกถึงต้นไม้ อยากจะปลูกต้นมะม่วงเอาไว้กินผล อยากปลูกต้นพุทธรักษาเอาไว้คุ้มครองคนในบ้าน อยากจะปลูกดอกไม้สวย ๆ งาม ๆ อยากจะปลูกต้นขนุนเอาไว้ช่วยหนุนนำให้เจริญก้าวหน้า ในหน้าที่การงาน อยากจะปลูกต้นมะยมเอาไว้ให้ใครต่อใครนิยมชมชอบเรา ฯลฯ ไหน ๆ ก็จะปลูกต้นไม้กันแล้ว ก็ควรจะปลูกให้ได้จังหวะให้ได้สัดส่วนกัน ปลูกให้มีศิลป การปลูกอย่างที่ว่านี้แหละที่เรียกกันว่า “การจ้ดสวน”

คนส่วนใหญ่กำลังต้องการ กำลังหลงใหลกับการจัดสวนแบบธรรมชาติ แทบทุกบ้าน แทบทุกธนาคาร แม้แต่ปั๊มนํ้ามันซึ่งมีเนื้อที่ว่างเพียงเล็กน้อยก็นิยมที่จะจัดสวนกัน ร้านอาหารหรือภัตตาคารหลายแห่งเปลี่ยนสภาพเป็น สวนอาหาร เพื่อสร้างบรรยากาศให้ถูกใจลูกค้า การจัดสวนดังกล่าวนี้กว่า 90 เปอร์เซ็นต์เป็นการว่าจ้างผู้อื่นมาจัดให้ ทำให้การค้าหรือการบริการในด้านการจัดสวนเจริญรุ่งเรือง อย่างกว้างขวาง ความจริงอันนี้มีข้อพิสูจน์ได้โดยขอให้ ไปเดินที่ตลาดต้นไม้ ไม่ว่าจะเป็นที่เทเวศร์หรือที่สวนจตุจักร ร้านขายต้นไม้เหล่านั้นส่วนใหญ่จะมีแผ่นป้ายติดไว้ที่หน้าร้าน มีข้อความคล้าย ๆ กันว่า “รับจัดสวน ปลูกหญ้า ราคา กันเอง” ก็เห็นมีใครต่อใครมาว่าจ้างกันเป็นประจำ เท่าที่สังเกตดูผู้ว่าจ้างเหล่านี้จะมีฐานะในระดับปานกลาง เพราะฝีมือในการจัดจะไม่จัดจ้านหรือวิจิตรพิสดารนัก สนนราคาค่าจ้างก็คงจะพอทนได้

ส่วนที่เป็นเศรษฐีมีอัฐเหลือเฟือก็มักจะว่าจ้างสถาปนิก หรือนักจัดสวนมือโปรมาจัดให้ เนรมิตให้บ้านหรือคฤหาสน์ เป็นสวรรค์หรือวิมานชั้นไหนก็สุดแต่ความปรารถนาของเจ้าของบ้าน เจ้าของบ้านยิ่งมีสตางค์มากผู้จัดก็ยิ่งคิดราคาแพง เพื่อให้สมกับฐานะ นักจัดสวนที่มีระดับอย่างที่ว่านี้คนเดินดิน ธรรมดา ๆ คงไม่มีปัญญาไปว่าจ้าง ค่าจ้างในการจัดสวนไม่ว่าจะเป็นฝีมือระดับไหน ส่วนใหญ่ราคาค่าจ้างก็จะต้องแพงทั้งนั้น สาเหตุที่แพงก็เนื่องมาจากซื้อต้นไม้กระถาง เล็ก ๆ จากสวนบางบำหรุมากระถางละ 10 บาท ก็คิดจากเจ้าของบ้าน 20 บาท ซื้อหินก้อนใหญ่มาก้อนละ 500 บาท ก็คิดจากเจ้าของบ้าน 1,000 บาท หรือ 1,500 บาท เป็นราคาที่ค่อนข้างจะมัดมือชก ก็เจ้าของบ้านอยากฉลาดน้อยกว่า ทำไมล่ะ? นอกจากนั้นยังมีค่าปุ๋ย ค่าแรงคนสวน และที่แพงที่สุดก็คือ ค่าความคิด หรือค่าวิชาของผู้ออกแบบ หรือผู้จัด

ค่าจ้างแพงใช่ว่าต้นไม้จะเจริญงอกงาม ทั้งนี้ เพราะถ้าเตรียมหลุมปลูกใหญ่ ๆ ขุดลึก ๆ ก็จะต้องเปลืองแรงงาน และเสียเวลามาก ถ้าใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์มาก ๆ ก็จะทำให้ต้นทุนสูง ผู้รับจ้างจัดจำเป็นจะต้องเลือกวิธีที่ง่ายและลงทุนน้อย เพื่อผลกำไรมาก ๆ โดยขุดหลุมเล็ก ๆ ตื้นๆ พอฝังต้นไม้ได้ส่วนปุ๋ยก็เอาปุ๋ยอินทรีย์ของกทม.โรยบาง ๆ บริเวณรอบโคนต้นหลังจากปลูกเสร็จแล้วพอให้เจ้าของบ้านได้เห็นเท่านั้น หลังจากนั้นอีกไม่กี่เดือน ต้นไม้ในสวน ส่วนใหญ่ก็จะเริ่มมีอาการทรุดโทรมบ้างเหี่ยวเฉาบ้าง แห้งตาย ต้นที่เคยออกดอกสะพรั่งก็กลายเป็นสีเขียวมีแต่ใบ ไม่มีช่อดอกรุ่นใหม่ปรากฏให้เห็น ไม่สวยไม่งามเหมือนตอนที่จัดเสร็จใหม่ ๆ

การจัดสวนที่ได้รูปได้แบบและถูกใจเรา ประหยัดค่าใช้จ่าย ต้นไม้ต้นหญ้าเจริญงอกงามมีชีวิตอยู่ได้นาน ๆ ไม่ต้องเสียเวลาและเสียเงินในการซื้อหาต้นไม้มาปลูกซ่อมบ่อย ๆ ไม่มีวิธีไหนดีเท่า เราจดของเราเอง อย่าเพิ่งออกตัวว่า “จัดไม่เป็น” ศิลปอย่างนี้สามารถที่จะศึกษาทำความ เข้าใจและลอกเลียนแบบกันไดไม่มีการสงวนลิขสิทธิ์ ใช่ว่าเราจะลอกเลียนส่วนต่าง ๆ มาทั้งหมด เพียงแต่เราจดจำบางส่วนที่ถูกใจเราแล้วนำแบบอย่างมาจัดเองเท่านั้น ส่วนไหนที่เราไม่ชอบหรือต้นไม้ชนิดไหนที่เราไม่ต้องการเราก็ตัดออกไปหรือหาชนิดอื่น ๆ มาใส่แทนจนเป็นที่พอใจของเรา ก่อนจะปลูกต้นไม้ทุกต้นไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ใหญ่หรือต้นไม้ เล็กตลอดจนการปลูกหญ้า เราก็จะเตรียมหลุม เตรียมดิน ใส่ปุ๋ยคอก ใส่อินทรีย์วัตถุเพื่อให้ดินโปร่ง ร่วนซุย ราก จะได้มีอากาศเพื่อการหายใจอย่างพอเพียง มีธาตุอาหารให้ต้นไม้ต้นหญ้า ได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ สามารถดูดซับนํ้าหรือความชื้นไว้ให้รากได้ดูดและส่งขึ้นไปยังส่วนที่อยู่เหนือดินได้อย่างสม่ำเสมอ ต้นไม้และต้นหญ้าก็จะเจริญงอกงามเป็นที่ชื่นตาชื่นใจแก่เราเองตลอดจนทุก ๆ คน ที่ได้พบเห็น

ก่อนอื่นควรทำความเข้าใจกับหลักต่าง ๆ ในการแต่งสวนเสียก่อน ถ้าเข้าใจดีแล้วการจัดสวนก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นนัก ในที่นี้จะขอกล่าวเฉพาะหลักต่าง ๆ ที่เห็นว่าสำคัญและจำเป็นเท่านั้น

ความกลมกลืน (harmony)

ความกลมกลืนในการจัดสวนแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ ด้วยกัน คือ

1. ความกลมกลืนในลักษณะทางพฤกษศาสตร์ (botany)

ในสวนหย่อมกลุ่มหนึ่ง ถ้าเราต้องการจะให้ต้นไม้ เกิดความกลมกลืนกัน เราก็จะต้องหาต้นไม้ที่มีลักษณะใบเหมือนกันหรือคล้ายกันมาปลูก อาจใช้ต้นไม้หลายชนิดก็ได้แต่ต้องมีลักษณะใบเหมือนกัน ดังตัวอย่างต่อไปนี้

กลุ่มพืชผักสวนครัวซึ่งอาจใช้ประดับบ้านก็ได้ ใช้ประกอบเป็นอาหารก็ได้ จากภาพ ต้นโหระพา และต้นพริก มีลักษณะใบเหมือนกัน ส่วนต้นสะระแหน่ ถึงแม้ว่าใบจะไม่เหมือนโหระพาและพริก แต่ก็มีส่วนที่คล้ายกัน เมื่อนำมาปลูกรวมอยู่ในกลุ่มเดียวกันก็ย่อมจะกลมกลืนกัน

ต้นพลบพลึง ต้นเตย และต้นจ้นทน์ผา มีลักษณะใบยาว ปลายใบแหลมเหมือนกัน จะมีต่างกันก็เฉพาะความสูงของพุ่มใบเท่านั้น เมื่อนำมาปลูกรวมอยู่ในกลุ่มเดียวกัน ต้นไม้ทั้ง 3 ชนิดก็ย่อมจะกลมกลืนกัน

กลุ่มต้นมะพร้าว ต้นปาล์มขวด และต้นปาล์มมนิลา ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้ในตระกูลปาล์มเหมือนกัน มีลักษณะลำต้นตั้งตรงสูงชะลูด ไม่มีกิ่งก้าน ใบเป็นรูปขนนกเรียวยาวและอ่อนย้อยเหมือนกัน เมื่อนำมาปลูกให้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน

2. ความกลมกลืนในลักษณะของวัตถุ (material)

ภายในบริเวณสวนมักจะต้องมีวัตถุชนิดต่าง ๆ เป็นส่วนประกอบอยู่เสมอ บ้างก็ใช้ประดับเพื่อความสวยงาม บ้างก็มีประโยชน์เพื่อการใช้สอย การเลือกวัสดุมาตกแต่ง เพื่อให้เกิดความกลมกลืนเป็นสิ่งที่จำเป็น เช่น

ถ้าเราเลือกก้อนหินที่มีขนาดต่าง ๆ กัน แต่มีลักษณะของผิวพรรณ (texture) เหมือนกัน และมีสี (colour) เหมือนกันทุกก้อน เมื่อนำมาจัดวางไว้ในกลุ่มเดียวกันก็จะเกิดความกลมกลืนและเป็นความกลมกลืนที่เหมือนกับการเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

การจัดสวนให้เป็นธรรมชาติเช่น สวนป่า ถ้าต้องการให้วัตถุต่าง ๆ กลมกลืนกันก็จำเป็นจะต้องใช้วัสดุที่มีลักษณะ และสภาพเหมือนธรรมชาติมากที่สุด เช่น สะพานข้ามลำธาร โต๊ะ ม้านั่ง ฯลฯ จะต้องไม่ใช้ไม้แปรรูปที่ได้มาจากโรงเลื่อย หรือร้านค้าไม้ ควรใช่ใม้เสากลมทั้งเปลือกจึงจะเกิดความ กลมกลืนและมีบรรยากาศเหมือนในป่าจริง ๆ