ปัญหาที่ชาวสวนมะม่วงมักพบบ่อย ๆ ในระยะมะม่วงออกดอกหรือมะม่วงออกดอกแล้วจะไม่ติดผล ส่วนใหญ่ดอกร่วงมาก กรมส่งเสริมการเกษตร ชี้เหตุที่ทำให้มะม่วงไม่ติดผล เพื่อให้เกษตรกรหาทางป้องกันและแก้ไข ดังนี้ คือ
– เพลี้ยจั๊กจั่น เพลี้ยจั๊กจั่นจะเข้าดูดน้ำเลี้ยงจากช่อดอก ทำให้ช่อดอกไม่สมบูรณ์ ขณะเดียวกันยังขับถ่ายสารที่เป็นอาหารของราดำ ซึ่งเป็นผลให้มีราดำระบาดมากพร้อมกันด้วย
– อายุของต้นมะม่วง อายุน้อยเกินไป ยังไม่ถึงวัยที่ควรจะติดผล เมื่อออกช่อดอกแล้วส่วนใหญ่จะร่วงหมด
– น้ำและอากาศ ดอกมะม่วงจะแห้งและร่วงเมื่อพบสภาพอากาศร้อนมากและสภาพพื้นที่ปลูกเป็นที่ดอน ทำให้มะม่วงขาดน้ำ
– ความสมบูรณ์ของมะม่วง ในสวนที่ขาดการบำรุงรักษาต้นมะม่วงมักจะไม่สมบูรณ์ แม้จะออกช่อดอกมากก็ตามจะร่วงหมดหรืออาจติดผลบ้างเพียงเล็กน้อย
– ไม่มีแมลงช่วยผสมเกสร ส่วนใหญ่จะเป็นแหล่งที่มีการใช้สารเคมีฆ่าแมลงมาก จนมีผลกระทบต่อแมลงที่ช่วยผสมเกสรด้วย ทำให้ดอกไม่มีการผสมเกสรจึงร่วงไปหรืออาจเจริญต่อไปเป็นผลที่มีขนาดเล็ก เรียกว่า มะม่วงกระเทยก็ได้
– ลักษณะประจำพันธุ์ของมะม่วง มะม่วงแต่ละพันธุ์จะมีปริมาณดอกกระเทยหรือดอกสมบูรณ์เพศมากน้อยต่างกัน ดังนั้น โอกาสที่มะม่วงแต่ละพันธุ์จะติดผลจึงมีมากน้อยต่างกันด้วย
สาเหตุต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้มะม่วงไม่ติดผลหรือเกิดผลน้อย ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรจะได้แนะนำวิธีการแก้ไขให้ทราบเป็นระยะ ๆ ต่อไป หรือท่านที่สนใจรายละเอียดสอบถามได้ที่ กลุ่มงานพืชสวน กองส่งเสริมพืชพันธุ์ กรมส่งเสริมการเกษตร โทร. 5793804 หรือ ที่เกษตรตำบล ประจำสำนักงานเกษตรอำเภอ สำนักงานเกษตรจังหวัดใกล้บ้านท่าน
เตือนเกษตรกรระวังเพลี้ยไฟทำลายมะม่วง
ในขณะนี้ ชาวสวนมะม่วงหลายจังหวัดต่างประสบปัญหาการระบาดของเพลี้ยไฟ ซึ่งจัดเป็นศัตรูร้ายของมะม่วง ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเพลี้ยจั๊กจั่น
เพลี้ยไฟเป็นแมลงขนาดเล็กลำตัวยาวประมาณ 1-2 มิลลิเมตร มีสีน้ำตาลปนเหลือง ขยายพันธุ์ได้รวดเร็วในสภาพอากาศร้อนและแห้งแล้ง โดยตัวเต็มวัยจะดูดน้ำเลี้ยงบริเวณใบอ่อน ขั้วของผล หากเกิดขึ้นหรือมีการระบาดรุนแรง จะทำให้ดอกและผลร่วง ถ้าการระบาดไม่รุนแรงนัก ผลมะม่วงจะเจริญเติบโตได้ตามปกติ แต่จะมีรอยด้านสีน้ำตาลปรากฎชัดเจนบนผิวมะม่วงบริเวณใกล้ผล นอกจากนี้ อาจทำให้ผลบิดเบี้ยวได้
กรมส่งเสริมการเกษตร ขอแนะนำเกษตรกรให้ป้องกันและกำจัดโดยฉีดพ่นด้วยสารคาร์โบซัลแฟน หรือ ไดเมทเอท ในอัตรา 3 ช้อนแกง/น้ำ 1 ปี๊บ ทำการฉีดพ่น 2-3 ครั้ง ระยะเวลาห่างกัน 2 สัปดาห์ สนใจรายละเอียดสอบถามได้ที่เกษตรตำบล ประจำสำนักงานเกษตรอำเภอ สำนักงานเกษตรจังหวัดใกล้บ้านท่าน