ลั่นทมแดง

(Pagoda Tree, Temple Tree)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Plumeria spp.
ชื่อวงศ์ APOCYMACEAE
ชื่ออื่น ลั่นทมแดง ลั่นทมเหลือง ลีลาวดี
ถิ่นกำเนิด เม็กซิโก อเมริกากลางและอเมริกาใต้
ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 3-8 ม. ขนาดทรงพุ่ม 6-8 ม. ผลัดใบ ทรงพุ่มรูปไข่ หรือรูปร่ม แผ่กว้าง โปร่ง ลำต้นและกิ่งอวบน้ำ เปลือกต้นสีน้ำตาลปนเทา เรียบ ทุกส่วนมีน้ำยางสีขาว


ใบ ใบเดี่ยว เรียงเวียนสลับถี่ที่ปลายกิ่ง รูปใบหอกแกมรูปขอบขนาน มีลักษณะป้อมสั้นกว้าง 10-15 ซม. ยาว 20-35 ซม.ปลายใบเป็นติ่ง แหลมโคนใบสอบ แผ่นใบค่อนข้างหนาและย่นเป็นลอนผิวใบด้านบน สีเขียวเข้มเป็นมัน ผิวใบด้านล่างสีเขียวนวลและมีขนละเอียด ก้านใบอวบยาว 4-8 ซม.


ดอก สีเหลือง ชมพู ส้ม แดง ม่วง หรือมีหลายสีปนกันในดอกเดียว มีกลิ่นหอม ออกเป็นช่อแบบช่อเชิงลดที่ปลายกิ่ง ช่อดอกตั้งยาว 15-25 ซม. ดอกย่อย 8 -16 ดอก กลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันปลายแยกเป็น 5 แฉก กลีบดอกโคนเชื่อมติดกันเป็นหลอด ภายในมีขน ปลายแยกเป็น 5 แฉก ซ้อนเหลื่อมกัน ปลายกลีบดอกมีติ่งแหลมและโค้งออกเล็กน้อย เกสรเพศผู้ 4-5 อัน เส้นผ่านศูนย์กลางดอก 5-7 ซม.
ผล ผลแห้งแตกตะเข็บเดียว เป็นฝักคู่ รูปยาวรี กว้าง 1.5 ซม. ยาว 15 ซม. สีเขียวเข้ม เมื่อสุกสีน้ำตาลอมดำ เมล็ดแบน และมีปีก เมล็ดสีน้ำตาลจำนวนมาก ออกดอกติดผลตลอดปี ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด หรือปักชำกิ่งควรปักชำในทราย
นิเวศวิทยา พบทั่วทุกภาคของไทย
การใช้ประโยชน์ แต่ก่อนไม่ปลูกตามบ้าน เพราะถือว่ามีชื่อพ้อง กับคำอัปมงคล แต่ปัจจุบันนำมาปลูกเป็นไม้ประดับเนื่องจากต้นทรงสวย และดอกมีสีสันสวยงาม และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ปลูกไว้ตกแต่งสวน หย่อม หรือสวนตามบ้าน
การใช้ประโยชน์ด้านสมุนไพร เป็นยารักษาโรค เปลือกรากใช้เป็น ยาขับน้ำเหลือง ยาระบาย เมล็ด ใช้เป็นยาห้ามเลือด ยาง แก้งูสวัด หิด ใช้ใส่แผล
ที่มา:วัลลิ์รุกขบุปผชาติ ตามรอยพระบาทบรมราชกุมารี โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชฯ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย