วิธีการปลูกและบำรุงรักษาไม้กระถาง

การปลูกไม้กระถางเพื่อใช้ไม้กระถางเป็นไม้ประดับนั้นไม่เหมือนกับการปลูกไม้กระถางเพื่อเลี้ยงไม้เล็กให้เป็นไม้ใหญ่ เพราะการปลูกไม้กระถางเพื่อใช้เป็นไม้กระถางประดับนั้นเราต้องการความสวยงามมากกว่าต้องการให้ ต้นไม้ในกระถางเติบโตเร็ว ๆ ตัวอย่างเช่น ถ้าหากเราปลูกไม้กระถางเพื่อให้โตเร็ว ๆ แล้วเราจะปลูกต้นไม้บางชนิดเพียงต้นเดียวในกระถางใบหนึ่งเท่านั้น เช่นเราปลูกต้นฤๅษีผสมลงในกระถางก็ปลูกลงไปในกระถางเพียงต้นเดียว แต่ ถ้าเราปลูกต้นฤาษีผสมลงในกระถางเพื่อใช้เป็นไม้กระถางประดับแล้ว เราอาจปลูกต้นฤาษีผสมลงไป 2 หรือ 3 หรือ 4 หรือ 5 หรือมากกว่านี้ลงไปในกระถางเดียวให้แน่นเต็มอยู่ในกระถางใบเดียวกันนั้น เมื่อต้นฤาษีผสมเหล่านั้นเจริญ งอกงามก็จะเบียดกันเต็มกระถางไม่มีช่องว่างทำให้ดูฤาษีผสมในกระถางนั้นงดงามมากกว่าในกระถางเดียวมีต้นไม้ต้นเดียว เห็นแต่ดินในกระถางหรือเห็นขอบกระถาง จึงเห็นได้ว่าการปลูกต้นไม้ลงในกระถางเพื่อใช้เป็นไม้กระถางประดับแล้ว ส่วนใหญ่ควรปลูกลงไปมากกว่าหนึ่งต้นในหนึ่งกระถาง เช่นเราปลูกหมากเหลืองลงในกระถางเพื่อใช้เป็นไม้กระถางประดับเราก็ควรปลูกหมากเหลืองลงไปอย่างน้อย 2 ถึง 3 ต้น เมื่อหมากเหลืองโตแตกกอแล้วก็จะเต็มกระถางสวยงามมาก เฟิร์นก็เหมือนกันถ้าจะปลูกเป็นไม้กระถางประดับแล้วก็ควรปลูกลงไปหลายต้นในกระถางเดียวกัน ยิ่งถ้าใช้กระถางที่มีรูปทรงเตี้ยปากกว้างซึ่งเหมาะแก่ต้นไม้ที่แตกกอรากตื้นแล้วยิ่งควรปลูกให้เต็มกระถางด้วยยิ่งดี

ถ้าหากต้นไม้ที่ต้องการใช้เป็นไม้กระถางที่มีรูปทรงสูง มีลำต้นเดี่ยวขึ้นตั้งตรงแล้วไปแตกกิ่งก้านสาขาตอนบนแล้ว ก็ต้องปลูกต้นเดียวและให้อยู่กึ่งกลางของกระถางด้วย และต้นไม้ที่จะปลูกในลักษณะนี้ก็ควรใช้กระถางปากทรงกลมด้วยไม่ใช่กระถางเหลี่ยม ในต่างประเทศนิยมปลูกต้นไม้ในลักษณะนี้กันมากโดยเฉพาะต้นกุหลาบซึ่งตัดแต่งให้เป็นลำต้น ตั้งตรงและให้แตกกิ่งเป็นพุ่มเพียงที่ยอดตอนบนเท่านั้น วิธีการนี้เรียกว่า “แสตนดาร์ดทรี (Standard Tree)” นอกจากกุหลาบแล้วก็ใช้กับไม้ดอกไม้ประดับอีกหลายอย่าง เช่นพวกสน ฟรุสเซีย หรือแม้แต่องุ่น สำหรับเมืองไทยเรานั้น ต้นไม้ที่ควรปลูกต้นเดียวในกระถางเพื่อใช้เป็นไม้กระถางประดับก็คือพวกปาล์มบางชนิด โดยเฉพาะปาล์มที่มีใบรูปพัด และเป็นต้นเดี่ยวไม่มีหน่อไม้เป็นกอเช่นปาล์มจีบ ปาล์มจีน ปาล์มพัด ปาล์มยะวา ส่วนพวกปาล์มใบขนนกนั้น ถ้าจะปลูกต้นเดี่ยวเพียงต้นเดียวในกระถางก็ควรปลูกในกระถางเพื่อใช้ประดับเป็นกลุ่มร่วมกัน เช่นปลูกปาล์มเยอรมันหรือหมากนวล กระถางละต้นแต่เอามาจัดรวมกันเป็นกลุ่ม สรุปได้ว่าการปลูกไม้กระถางเพื่อใช้เป็นไม้กระถางประดับนั้น ประการแรกขึ้นอยู่กับจำนวนต้นว่าควรจะปลูกที่ต้นในกระถางเดียวกัน ถึงจะเกิดความสวยงาม ดูเต็มกระถางไม่เกิดที่ว่างมากเกินไป

การปลูกไม้กระถางที่มักเกิดปัญหาอีกเรื่องหนึ่งก็คือ การปิดรูกระถาง เพราะกระถางต้นไม้ทุกลักษณะทุกชนิดต้องมีรูเพื่อระบายนํ้าในกระถางออก การปิดรูกระถางจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก หากปิดสนิทนํ้าก็จะระบายออกยาก และนานไปก็จะทำให้รูนั้นตันได้ ลักษณะนี้ก็จะดีเฉพาะต้นไม้ที่ต้องการดินเปียกแฉะ แต่ต้นไม้ส่วนมากที่ต้องการระบายนํ้าดีแล้วก็จะทำให้รากไม่เน่าตายง่าย ๆ ตัวอย่างเช่นถ้าท่านปิดรูกระถางสนิทก็จะดีสำหรับต้นไม้พวกพันธุ์ไม้นํ้าเช่นพวก กกอียิปต์ กกลังกา กกหนวดแมว หรือบอนบางชนิด แต่ถ้าเป็นพวกต้นไม้ที่มีกำเนิดมาจากทะเลทราย เช่นพวก กระบองเพชร ศรนารายณ์ โป๊ยเซียน ว่านสี่ทิศ ฯลฯ แล้ว พวกนี้อาจเน่าตายในไม่ช้า

วิธีการปิดรูกระถางนั้นส่วนใหญ่ถ้าเป็นกระถางที่มีส่วนลึกก็ใช้เศษกระถางแตกปิด การปิดก็สามารถปิดได้หลายวิธี ถ้าต้องการให้ระบายนํ้าได้ปานกลางก็ใช้เศษกระถาง 3 ชิ้นวางเกยกันปิดรู ถ้าต้องการให้ระบายนํ้า มากกว่านั้นก็ใช้ 3 ชิ้น วางข้างรู 2 ชิ้น อีกชิ้นหนึ่งปิดอยู่ตอนบน หรือการใช้เศษกระถางแตกที่มีลักษณะแบนจะปิดรูสนิทมากกว่าใช้เศษกระถางแตกที่มีส่วนโค้งโดยให้ส่วนโค้งโค้งขึ้นเหนือรูกระถาง หากเป็นกระถางที่ตื้น ๆ โดยเฉพาะกระถางพวกไม้แคระด้วยแล้วไม่อาจใช้เศษกระถางแตกปิดได้ เพราะจะทำให้ดินที่ใส่ลงไปในกระถางบางหรือตื้นขึ้นมาอีก จึงจำเป็นต้องใช้ลวดตาข่ายละเอียดตัดเป็นแผ่น โตกว่ารูกระถางปิดไว้ เช่นลวดตาข่ายมุ้งลวด ถ้าหากเกรงว่า จะผุเร็วก็อาจซ้อนกัน 2 หรือ 3 ชิ้นก็ได้ ก็ไม่ทำให้หนาหรือสูงขึ้นมาในกระถาง

การปลูกต้นไม้ในกระถางเพื่อใช้เป็นไม้ประดับทั่ว ๆ ไปแล้วก็ต้องคำนึงเสมอว่าทำอย่างไรถึงจะให้กระถางนั้นสวยงามทั้งตัวของมันเอง และไปรวมกับกระถางอื่น ๆ ก็ช่วยให้สวยงามขึ้น ปัญหาอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดกับไม้กระถางก็คือ มีวัชพืชหรือหญ้าชอบขึ้นบนดินในกระถางนั้นด้วย และดินที่อยู่ในกระถางนั้นมักทำความสกปรกให้เมื่อรดนํ้าหรือกระเด็นออกไปนอกกระถาง หรือดูไม่สวยงาม ซึ่งจะเป็นเหตุให้คนอื่นซํ้าเติมใช้เป็นที่เขี่ยบุหรี่บ้างหรือเป็นถังขยะ ไปเลย วิธีที่ดีจึงพยายามปลูกต้นไม้ในกระถางให้แน่นปิดหน้าดินให้หมด ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องเป็นต้นไม้ชนิดเดียวกันหมดก็ได้เช่นกระถางนั้นมีต้นปาล์มเยอรมันปลูกอยู่ต้นเดียว โคนต้นหน้าดินในกระถางก็ปลูกเฟิร์นหรือต้นดาษตะกั่วคลุมดินเสียก็ได้ หรือหากเกรงจะรกไปต้องการให้สะอาดเรียบร้อยก็อาจใช้กรวดหินโรยปิดหน้าดินในกระถางก็ได้

หลักสำคัญในการปลูกไม้กระถางที่จะให้ไม้กระถางนั้นเจริญเติบโตดีก็คือ ก้นกระถางควรมีดินหรือวัสดุอื่น ๆ เช่นหินหรือกรวด หรืออิฐทุบเป็นก้อน ที่มีลักษณะหยาบอยู่ก้นกระถางตอนบนจึงเป็นดินปลูกที่ร่วนและละเอียดขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้ตอนก้นกระถางระบายนํ้าได้ดีและดินไม่ไปอุดตันที่รูกระถาง

การบำรุงรักษาดูแลไม้กระถางที่ใช้ประดับนั้นก็ต้องดูแลในเรื่องความสวยงามเป็นอันดับแรก เช่นความสะอาดของต้นไม้โดยเฉพาะที่ใบความสะอาดที่กระถาง รองลงมาก็คืออย่าให้รกรุงรังเกินไปต้องคอยตัดแต่งบ้างตามสมควร โดยเฉพาะกิ่งหรือใบที่ไม่น่าดูเช่นใบที่ฉีกขาดกิ่งที่แห้ง หรือกิ่งที่แตกออกมาทำให้รูปทรงเสียไป ถ้าเป็นต้นไม้ที่มีรูปทรงคงที่เช่นพวกปาล์ม ปรง แล้วก็ดูแลความสะอาดและตัดใบเสีย ๆ ออกเท่านั้น นอกจากนี้การใช้ไม้กระถางประดับ ตกแต่งนั้นก็ต้องคำนึงถึงปัจจัยหรือภัยที่จะเกิดขึ้นแก่ต้นไม้นั้นด้วยเช่น.-

1. ไม่ควรตั้งไม้กระถางประดับในที่ที่มีลมพัดแรง ๆ หรือมีไอร้อนพัดออกมาเช่นอยู่ใกล้เครื่องทำความร้อนอย่างเช่นในประเทศหนาว หรือใกล้เตาไฟหุงต้มอาหาร หรือใกล้เครื่องทำความเย็นที่มีลมเป่าอยู่ตลอดเวลา ต้นไม้กระถางส่วนมากไม่ชอบให้ลมพัดโกรก หรือมีอุณหภูมิสูง ๆ เพราะจะท่าให้มีการระเหยนํ้ามากจนต้นไม้นั้นเหี่ยวเฉาตายได้ โดยเฉพาะใช้ไฟฟ้าส่องแสงสว่างอย่างแรงใกล้ต้นไม้เกินไป

2. ต้องสังเกตหรือพิจารณาถึงแสงแดดหรือแสงสว่าง เพราะไม้กระถางนั้นมีต้นไม้ที่ต้องการแสงแตกต่างกัน บางชนิดอาจต้องการแสงมากก็อาจตั้งใกล้ประตูหน้าต่าง หรือในที่มีแสงส่องสว่างมาได้มาก แต่บางชนิดก็ต้องการ ร่มมากก็ไม่ควรอยู่ใกล้ประตูหน้าต่างที่มีแสงแดดส่องเข้ามา โดนได้นาน ๆ

3. ไม้กระถางที่มีกิ่งก้านเป็นพุ่มและต้องการเนื้อที่มาก ไม่ควรนำมาประดับใกล้ทางเดินโดยเฉพาะทางเข้าออก เช่นริมทางเดินริมประตู เพราะจะทำให้กีดขวางหรือถูกผู้คนที่เดินไปมาเป็นอันตรายต่อต้นไม้นั้นได้ หรือแม้แต่ใกล้ที่นั่งพักก็อาจถูกคนทำลายรบกวนได้เช่นทิ้งก้นบุหรี่ เทเครื่องดื่มที่เหลือลงในกระถาง

4. ไม่ควรนำสิ่งอื่น ๆ มาผูกมัดพันต้นไม้ในกระถาง เพื่อตกแต่งประดับสถานที่เช่นนำหลอดไฟหรือสายไฟมาผูกมัดต้นไม้กระถาง อย่าใช้ไม้กระถางมาทำเป็นต้นไม้คริสต์มาส หรือใช้ต้นไม้ที่มีชีวิตมาทำเป็นต้นไม้เพื่อทอดกฐิน หรือทอดผ้าป่า

5. การใช้ไม้กระถางประดับตกแต่งภายในอาคารนั้น จำเป็นต้องมีไม้เพื่อสับเปลี่ยน ไม่ควรใช้ไม้กระถางชุดเก่า ตั้งประดับในที่เดียวกันนั้นนานเกินไป ควรได้มีชุดอื่นมาสับเปลี่ยนกันบ้าง

6. ไม้กระถางที่ใช้เป็นไม้ประดับนั้นควรมีจานรองก้นกระถางถ้าเป็นกระถางขนาดเล็ก เพราะนํ้าจะไหลออกจากรูกระถางทำให้เสียหายแก่พื้นหรือเป็นเหตุให้เกิดการสกปรกไม่น่าดูขึ้นได้ในบริเวณนั้น การรดนํ้าไม้กระถางนั้น จะต้องรดด้วยความประณีต 2 ประการ คือ 1. ต้องรู้ว่า ปริมาณนํ้าที่จะรดแต่ละกระถางควรมากน้อยแค่ไหน 2. บัว รดนํ้ากระถางในอาคารนั้นต้องไม่มีฝักบัวคงมีแต่ก้านเท่านั้น และให้รดที่โคนต้นในกระถางเท่านั้น ส่วนไม้กระถางนอก อาคารนั้นจะรดให้เปียกหมดทั้งต้นทั้งพุ่มใบก็ได้

7. ไม้กระถางที่ใช้ภายในอาคารทั่ว ๆ ไปไม่ควรมีส่วนสูงเกินกว่า 6 ฟุต เพราะจะทำให้รกเกินไปหรือขึ้นไปยันถึงเพดานบ้านได้ นอกจากในอาคารใหญ่ ๆ ที่มีหลังคาสูงเช่นห้องพักผู้โดยการสนามบิน ศูนย์การค้า สถานีรถไฟ โรงอาหารใหญ่ ๆ ที่เคยพบมาใช้ไม้กระถางเช่นกล้วยพัด สูงถึง 12 เมตรก็มี หรือในศูนย์การค้าแห่งหนึ่งในต่างประเทศ ใช้ต้นไทรย้อยปลูกในกระถางต้นไทรต้นนั้นสูงถึง 18 เมตร ก็มี

8. ต้นไม้ที่ปลูกในกระถางและใช้ประดับในอาคารแล้ว มีข้อควรระวังมากเช่นอย่าให้รกจะเป็นที่ซุกซ่อนสัตว์ร้าย เช่นงู หรือเป็นที่อยู่ของยุง โดยเฉพาะลักษณะอย่างเมืองไทยเรา นอกจากนี้ก็คือห้ามใช้สารเคมีต่าง ๆ เช่นยาปราบศัตรูพืช กระทำการในขณะที่ต้นไม้กระถางนั้นประดับอยู่ในอาคาร

9. ไม้กระถางที่ใช้ประดับนอกอาคารนั้นสำคัญที่สุด ก็คือการให้น้ำ ซึ่งจำเป็นต้องให้นํ้าโดยสมํ่าเสมอจะขาดเสียมิได้ ถ้าหากขาดนํ้าแล้วจะเหี่ยวเฉาทันที หากใช้จานรองก้นกระถางหล่อน้ำเอาไว้อาจช่วยได้บ้าง

10. อย่าลืมว่าการปลูกไม้กระถางนั้นเหมือนการเลี้ยงสัตว์ขังกรง ดังนั้นนอกจากนํ้าที่ขาดไม่ได้แล้วก็คือ อาหารของต้นไม้ ซึ่งจะต้องให้บ้างทั้งในระยะแรกที่มีอยู่ในดินผสมปลูกไม้กระถาง และให้ปุ๋ยนํ้าอีกในภายหลัง

ในประเทศยุโรปนั้น ไม้กระถางแต่ละกระถางที่ตั้งประดับในที่สาธารณะนั้น ถ้าแหวกดูโคนต้นในกระถางแล้ว ท่านจะพบว่ามีอุปกรณ์เครื่องมืออยู่ในกระถางนั้นมากเช่น มีเครื่องวัดความชื้น เครื่องวัดอุณหภูมิ เครื่องวัดความเป็นกรดเป็นด่างของดินและนํ้าที่รดลงไปเสียบอยู่ในกระถางนั้น เมื่อคนดูแลรักษามาตรวจก็จะบำรุงรักษาต้นไม้ให้ตามเครื่องวัดที่บอกว่าต้นไม้ต้องการอะไร ไม่ได้ทำอย่างในบ้านเราที่ถึงเวลารดน้ำก็รดลงไปทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นดินในกระถาง ยังไม่ต้องการนํ้าอีก ดังนั้นต้นไม้กระถางที่ใช้ประดับของเขาจึงสวยงามและงดงามมาก