สมุนไพรรักษาสิว

สิว (Acne)

สิวเป็นเรื่องที่สร้างความหนักอกหนักใจในหมู่วัยรุ่นเป็นจำนวนมาก นอกจากจะทำให้เกิดความไม่สวยงาม ในปัจจุบันแล้ว ถ้าหากเราชอบบี้สิว หรือสิวที่เกิดมีจำนวนมากมาย เมื่อสิวหายไป จะเกิดรอยแผลเป็นเป็นหลุมๆเหมือนผิวดวงจันทร์เป็นยิ่งนัก หลุมเหล่านี้ยิ่งอายุมาก ก็ยิ่งลึกแก้ไขได้ยากวิธีที่ดีที่สุดคือพยายามอย่าให้เกิดรอยหลุมโดยอย่าบี้สิวหรือปล่อยให้สิวเกิดมากเกินไป วิธีการจะทำอย่างไร ลองอ่านรายละเอียดในเรื่องนี้ดู อาจพอช่วยเหลือผ่อนคลายปัญหาเรื่องสิวลงไปได้บ้าง ไม่มากก็น้อย

สิว เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งมีต่อมไขมันมาเปิด มีหลายชนิดที่พบบ่อยคือ สิวในวัยหนุ่มสาว สิวอาจเกิดจากการสัมผัสสาร ยา เครื่องสำอางค์ ในกรณีที่เป็นรุนแรงและมีโพรงหนองขนาดใหญ่ เรียกว่า สิวหัวช้าง อาจเป็นสิวหัวขาว หรือหัวดำ เป็นตุ่มนูนแดง ตุ่มหนอง โพรงหนอง ผิวหนังเมื่อหายแล้ว จะมีรอยแผลเป็น พบได้ทั่วไป พบมากบริเวณใบหน้า คอ หน้าอก และหลัง ท่านที่สิวชอบเกิดที่หลัง ก็ถือว่าดวงดีไป เพราะที่หน้าจะมีน้อย

การรักษา

ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารที่จะทำให้เกิดสิวเครื่องสำอางค์ ฯลฯ ความเครียดจะทำให้ต่อมหมวกไตหลั่งสารแอนโดรเจน ซึ่งเป็นสารก่อให้เกิดสิว การแกะเกาบีบ จะทำให้หัวสิวแตกแล้วเกิดหัวสิวเล็กๆ หลายหัว ขึ้นใหม่อีกได้

การใช้ยาสมุนไพร

ยารับประทาน

ขนานที่ 1

ฝางเสน

ฝักส้มป่อย

ใบมะขามแขก

ใบส้มเสี้ยว

รกมะดัน

ดอกคำฝอย

แกแล

กฤษณา

กลัมพัก

ยาทั้งนี้ หนักสิ่งละ 2 บาท เติมน้ำท่วมยา ต้มให้เดือด 20 นาที รินเอาน้ำดื่ม ครั้งละ 1 ถ้วยกาแฟ ก่อนอาหาร เช้า – เย็น

สรรพคุณ รักษาประจำเดือนที่มาไม่ปกติ หน้าเป็นสิวฝ้า ด่างดำ เพราะเลือดไม่ปกติ ใช้ได้ทั้งหนุ่มสาวและผู้สูงอายุ

ขนานที่ 2

ใช้มะขามเปียก ประมาณ 1 กำมือ จิ้มเกลือรับประทาน กะให้พอระบายอ่อนๆ ถ้าถ่ายมาก ก็ลดจำนวนลง วันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน

สรรพคุณ ระบายท้อง ขับถ่ายสิ่งสกปรกในร่างกาย ฟอกโลหิตให้สะอาด แก้สิวฝ้า

ยาทาขจัดสิว

ขนานที่ 1

ใช้ ใบเสลดพังพอนตัวเมีย จำนวน 1 กำมือ ตำให้แหลก แช่แอลกอฮอ (ชนิดที่ใช้เช็ดแผล) ผสมพิมเสน การะบูนเล็กน้อย ปิดฝาทิ้งไว้ 7 วันจึงกรอง เอาน้ำมาละลายดินสอพอง ครั้งละประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ พอข้นๆ นำมาทาหรือแต้มหัวสิว ถ้าเป็นมากให้ทาทั้งใบหน้า วันละ 1 ครั้งก่อนนอน

ขนานที่ 2

ใช้น้ำมะนาว 1 ช้อนชาผสมกับไข่ขาว 1 ช้อนชา ผสมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน ใช้แต้มที่หัวสิว หรือทาบางๆ ทั่วทั้งใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออก ด้วยนำสบู่ให้สะอาด ผิวจะนิ่มนวลอยู่เสมอ

ขนานที่ 3

ใช้วุ้นของใบว่านหางจระเข้ ทาใบหน้าทิ้งไว้ให้แห้ง แล้วล้างหน้าให้สะอาด วันละ 2-3ครั้ง จะช่วยลดความมันบนผิวหน้ารักษาการอักเสบต่างๆ ทำให้หัวสิวแห้งหลุดง่าย

ขนานที่ 4

ยาทาลบรอยแผลเป็น ที่เกิดจากสิว นำใบว่านหางจระเข้ขนาดพอเหมาะมาปลอกเปลือกออกให้เกลี้ยง ตัดเอาเฉพาะวุ้นใสๆ ล้างด้วยน้ำสะอาดให้หมด ยาง ระวังอย่าให้ยางซึ่งมีสีเหลืองถูกผิวหนัง เพราะจะคันมาก ไม่ควรทำทิ้งไว้ค้างคืน ทาผิวหน้าให้ทั่วเพียงบางๆ ในตอนเช้าและก่อนเข้านอน ติดต่อกัน ประมาณ 6 เดือน ผิวหน้าจะไร้รอยสิวและรอยแผลเป็นและทำให้ผิวหน้ามีน้ำมีนวลอีกด้วย

ขนานที่ 5

ใช้นำผึ้งแท้ 1ช้อนโต๊ะ กับน้ำมะนาว ครึ่งช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน ทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด วันละหนึ่งครั้ง

การอบสมุนไพร

นับว่าเป็นวิธีที่ใช้ในการรักษาสิวได้ดีและเร็ว เพราะช่วยเปิดรูขุมขน ทำความสะอาด บริเวณผิวหน้าได้ดี ช่วยทำให้เกิดการหมุนเวียนของเลือดที่บริเวณผิวหนัง การอบทำได้ทั้ง เฉพาะใบหน้า หรือทั้งตัวโดยเข้ากระโจม

ตัวยาที่ใช้

ชลูด

ไพร

ขมิ้นอ้อย

ต้นเหงือกปลาหมอ

อบเชย

ขอนดอก

เบญจกานี

ใบหมากผู้หมากเมีย

ใบหนาด

ใบตะไคร้หอม

หนังสิ่งละ 1 บาท

เกสรทั้ง 5 สิ่งละ 2 สลึง

(มี ดอกมะลิ, ดอกพิกุล, ดอกบุนนาค, ดอกสาระภี, เกสรดอกบัวหลวง)

การะบูน หนัก 2 สลึง

พิมเสน หนัก 2 สลึง

นำตัวยาห่อผ้าขาว ใส่ในหม้อ เติมน้ำให้ท่วมยา ยกขึ้นตั้งไฟ ต้มให้เดือด นั่งให้สูงพอ เหมาะเอาผ้าคลุมศีรษะก้มหน้าลงมารับเอาไอนำจากหม้อ นาน 15นาที พัก 10 นาที อบอีก 15 นาทีทำ 3 ครั้ง ทิ้งไว้ให้แห้งไปเอง จึงล้างหน้าได้

ข้อควรระวังในการอบสมุนไพร

อย่าให้ผิวหน้าใกล้เกินไป ต้องรักษาระดับความร้อน อย่าให้ร้อนเกินไป จะทำให้ผิวเสียหรือเป็นฝ้าความร้อนได้

การปฏิบัติตน

ให้ควบคุมการรับประทานอาหาร แม้นว่าบางท่านเห็นว่าอาหาร และ ความรู้สึกทางเพศ ไม่เกี่ยวกับการเกิดสิวแต่อาจมีผลในบางราย ที่เกิดภูมิแพ้ในอาหารบางชนิด เช่น อาหารทะเล ฯลฯ แต่ก็มีบางท่าน ที่ใช้วิธีควบคุมอาหาร ในการรักษาสิว ปรากฎว่าได้ผลดี จะอย่างไรก็ตาม

จากความเป็นจริง อาหาร มีส่วนสัมพันธ์กับการเพิ่มหรือลดฮอร์โมนของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในวัยหนุ่มสาว ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดการขับไขมันออกมาทางรูขุมขนมากกว่าปกติ เมื่อเกิดการตีบตันของรูขุมขน อันเนื่องมาจากความเครียดหรืออารมณ์หรือเชลล์ผิวหนังที่ตายแล้วหรือมีสิ่งใด เช่น ผุ่น มาอุดรูขุมขน ก็ทำให้เกิดสิวได้

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง

ในรายที่เป็นสิวมากและรุนแรง ควรเว้นหรือลดอาหารจำพวกต่างๆ เช่น

1. อาหารมัน

2. อาหารที่เผ็ดจัด เค็มจัด หวานมาก

3. อาหารที่มีฮอร์โมนมาก เช่น โสม กระชาย กุ้งนาง (กุ้งที่เพิ่งลอกคราบใหม่ๆ)

4. ยาที่เข้าพวก ชะมดเช็ด ชะมดเชียง เขากวางอ่อน โสม เป็นต้น

5. อาหารที่เคยรับประทานแล้ว ทำให้แพ้เกิดผื่นคัน เช่น พวกปลาร้า อาหารทะเล อาหารคาวมากๆ ปลาที่มีเกล็ด เป็นต้น

6. อาหารที่ทำให้ท้องผูก

อาหารที่ควรรับประทาน

อาหารพวก ผักสด ผลไม้ อาหารที่มีกากมาก จะช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติดี

ข้อควรปฏิบัติ

1. ออกกำลังกายอย่างสมํ่าเสมอ

2. อย่าทำให้เกิดความเครียด และกังวล

3. อย่าเอามือ ลูบ แคะ แกะ เกา ถู ใบหน้าการเช็ดหน้า ควรใช้ผ้าที่นุ่มและสะอาด

4. ควรล้างหน้าให้สะอาดด้วยสบู่อ่อนๆ ไม่ควรใช้สบู่ยาที่มีฤทธิ์แรงอย่าล้างหน้าบ่อยเกินไปอย่าถูแรงเกินไป ไม่ควรนวด หรือขัดหน้า

5. ไม่ควรใช้เครื่องสำอางค์ใดๆ

6. ไม่ควรบีบบี้สิว เพราะสิวที่เกิดในบางส่วนของใบหน้า เมื่อแตกออกแล้ว อาจกระจายเชื้อเข้าสู่เส้นเลือด ซึ่งติดต่อโดยตรงกับสมอง ทำให้สมองอักเสบ อาจถึงแก่ชีวิต หรือพิการได้โดยง่าย

7. การทำให้รูขุมขนขยายตัว โดยใช้ผ้าสะอาดชุบนํ้าร้อน และน้ำเย็น เช็ดหน้า ทำสลับกัน วันละหนึ่งครั้งก่อนนอน จะช่วยได้มากกว่าการที่ต้องไปรับประทานยาเสียอีก แต่ระวังอย่าเช็ดแรงเกินไป ห้าม ขัด หรือถูผิวหน้า เพราะอาจทำให้เกิดสิวหรือเกิดการอักเสบได้

ข้อควรระวัง

ถ้าเกิดอาการบวมที่ใบหน้า หรือบวม แดง ร้อน แถวกระบอกตา อาจเนื่องจากการแกะหรือบี้สิวหรือจากการที่มีสิวเกิดอยู่บริเวณแนวศูนย์กลางของใบหน้าหัวสิวเปิด ซึ่งอาจติดเชื้อได้ ให้ไปพบแพทย์โดยด่วน เพราะอาจเกิดจากการกระจายของเชื้อโรค เข้าสู่สมอง หรือกระแสเลือด ถ้าแก้ไขไม่ทันอาจถึงแก่ชีวิตได้