1. การใช้ยาบังคับให้ออกดอก ชาวสวนส่วนมากยังไม่รู้หลักการใช้ยาประเภทนี้ เห็นสวนอื่นใช้ได้ผลก็ใช้ตาม ส่วนมากไม่ประสบผลสำเร็จ ถึงกับกล่าวคำว่า “เข็ดไม่ใช้แล้ว ปล่อยให้มันออกเองตามธรรมชาติดีกว่า”
จากการสอบถามผู้รู้และเคยใช้ได้ให้หลักการไว้น่าคิด ดังนี้
ประการแรก จะต้องดูความสมบูรณ์ของต้นมะม่วง โดยดูลักษณะใบต้องมีสีเขียวเข้มเป็นมัน บนต้นมีใบมากพอสมควร มีความพร้อมที่จะรับสารกระกตุ้นได้
ถ้าต้นมะม่วงไม่สมบูรณ์ใช้ยาบังคับไปจะไม่ได้ผล ถ้าออกต้นอาจจะโทรมตายภายหลัง
เมื่อพ่นสารบังคับแล้วฝนเกิดชะล้าง จำเป็นต้องพ่นซ้ำ บางครั้งแทนที่ช่อจะออกกลับเป็นใบอ่อนออกแทน ชาวสวนบางคนให้ทัศนะว่า “ปล่อยให้มันออกของมันเองตามธรรมชาติดีกว่า ยังมีโอกาสได้มะม่วงบ้าง เงินค่ายาก็ไม่ต้องเสีย”
ประการที่สอง การใช้สารพิษฆ่าแมลง จะต้องมีความรู้ความเข้าใจเช่นเดียวกันกล่าวคือ ในระยะที่มะม่วงออกช่อได้ประมาณ 1 สัปดาห์ ถ้ามีแมลงรบกวนก็ยังสามารถพ่นสารพิษป้องกันได้แต่ถ้าดอกมะม่วงเริ่มบาน ถ้าไปใช้สารพิษฆ่าแมลง จะไปกำจัดทำลายแมลงที่ช่วยผสมเกสร เป็นต้นว่า แมลงพวกแมลงภู่ ผึ้ง ผีเสื้อ ระยะนี้ต้องงดการใช้สารพิษฆ่าแมลง
พ้นจากระยะนี้ไป มะม่วงจะติดผลเป็นตุ่มเล็ก ๆ เรียกว่า “ระยะหัวแมลงวัน” ตอนนี้ต้องหมั่นดูแลอย่างใกล้ชิด จะมีเพลี้ยจักจั่น(แมลงกะอ้า) คอยดูดน้ำเลี้ยงตามบริเวณโคนช่อ ซึ่งเป็นเหตุให้ผลร่วง ถ้าไม่พ่นสารพิษฆ่าแมลงป้องกันกำจัด ผลจะร่วงหมดช่อในที่สุด
วิธีสังเกตว่ามีเพลี้ยจักจั่นหรือแมงกะอ้า ถ้ามีแมลงดังกล่าว ให้สังเกตที่ใบมะม่วงจะพบขี้ของมันติดอยู่ ดูใบจะเปียกเป็นมัน