เทอร์นิพ(Turnip)


ลักษณะทั่วไป
เป็นพืชใช้กินหัว ปลูกง่าย อายุสั้น ไม่แนะนำให้ปลูกในฤดูร้อน
ข้อมูลการผลิต
พันธุ์ Tokyo Market, Tokyo Cross
ฤดูปลูก ฤดูหนาวและฤดูฝน (ถ้าปลูกฤดูร้อนได้ผลผลิตต่ำ)
ระดับความสูง 300-1500 เมตรขึ้นไป
ความเป็นกรดด่างของดิน 6.0-6.8
ชนิดของดิน ร่วนปนทราย มีการระบายน้ำดี
ระยะปลูก(ต้นxแถว)    10 ซม.x 20 ซม.
ความลึก 0.5 ซม.
จำนวนต้น 25 ต้น/100 ตร.ม.
ความกว้างของแปลง 1 เมตร
ระยะห่างของแปลง 50 ซม.
ข้อมูลต้นทุนและผลตอบแทน(ต่อพื้นที่ปลูก 100 ตร.ม.)


หมายเหตุ ข้อมูลต้นทุน ผลตอบแทนและราคา เป็นข้อมูลในอดีตที่มีการเปลี่ยนแปลง
ข้อสังเกตเกี่ยวกับต้นทุนและผลตอบแทน (ต่อพื้นที่ปลูก 100 ตร.ม.ป
การผลิต
ผลผลิตฤดูฝนมากกว่าฤดูหนาวเล็กน้อย เพราะลักษณะอากาศช่วยให้หัวโตมีน้ำหนักมาก ไม่แนะนำให้ส่งเสริมปลูก ช่วง เม.ย.-ปลาย มิ.ย. เนื่องจากอากาศผันผวน ทำให้ข้างในหัวกลวง ถ้าดินแข็งเกินไป จะเป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโตของหัว ไม่ทนทานต่อการขาดน้ำและต้องการน้ำสม่ำเสมอ
ผลผลิต
ฤดูหนาว 150-170 กก. เป็นเกรด A ระหว่าง 50-60% ฤดูฝน 170-190 กก. แต่ได้เกรด A น้อย เพียง 30% คุณภาพต่ำเนื่องจากน้ำมากเกินไป ทำให้หัวปริแตก การสูญเสียผลผลิตระหว่างการขนส่งจากดอยมาเชียงใหม่ จะสูงกว่าในฤดูฝน (15-20% ของผลผลิต)
ราคาขายของเกษตรกร
ฤดูฝน 7-9 บาท/กก. และฤดูหนาว 5-7 บาท/กก.
ต้นทุนปัจจัยการผลิต
ค่าใช้จ่ายของยากำจัดศัตรูพืชและยากำจัดเชื้อรา จะสูงกว่าในการปลูกฤดูฝน ต้นทุนส่วนใหญ่เป็นค่าเมล็ดพันธุ์และปุ๋ย
ผลตอบแทน
ผลตอบแทนจะสูงกว่าในการปลูกฤดูหนาว เพราะทั้งราคาและน้ำหนักจะสูงกว่าฤดูอื่น
สำหรับเจ้าหน้าที่ส่งเสริม
ต้องระมัดระวังเรื่องการให้น้ำ ถ้ามากไปหัวจะปริแตก และถ้าน้อยไปพืชจะลงหัวไม่งาม
การตลาด
ตลาดปัจจุบันยังแคบ เป็นที่รู้จักกันน้อย การสูญเสียผลิตผลระหว่างขนส่งไปกรุงเทพฯ ต่ำ ข้อมูลราคาตลาดยังไม่ทราบแน่นอน เนื่องจากเป็นพืชใหม่ คาดว่าอยู่ระหว่าง 8-10 บาท/กก. ในฤดูฝน และ 11-15 บาท/กก. ในฤดูหนาว
ข้อแนะนำเกี่ยวกับเทคนิคการเพาะปลูก
ศัตรูพืชและโรค
ศัตรูพืช
เสี้ยนดิน (Dorylus orientalis) หนอนกระทู้ดำ (Black Cut Worm) และหนอนม้วนใบ (Tip-eating Worm) ดูรายละเอียดจากพืชแรดิช
เพลี้ยอ่อน (aphids) เข้าทำลายช่วงฤดูร้อน ดูดกินน้ำเลี้ยงที่ปลายใบ ป้องกันแก้ไขโดยฉีดพ่น แลนเนท (Lannate) หรืออโซดริน (Azodrin) ทุกๆ 7 วัน
โรค
โรคโคนเน่า(Damping Off) รายละเอียดดูพืชแรดิช ป้องกันโดยใส่ยาไดเทนเอ็ม45 (Dithane M45) 1 ครั้งหลังปลูกและให้ใช้ เทอราคลอร์ ซูเปอร์เอ็กซ์ (Terraclor Super X) เมื่อปรากฎอาการโรค
โรครากเน่า (Root Rot) เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย พบระยะเริ่มลงหัว สังเกตจากกลิ่นเน่าเหม็นของหัวที่เป็นโรค ให้ใช้ยากำจัดเชื้อราที่มีสาร Copper (โคแมค หรือ คูปราวิท)
อื่นๆ
การขาดธาตุอาหาร เกิดระยะก่อนการเก็บเกี่ยว สาเหตุจากขาดธาตุโบรอน หรือดินขาดความชื้น หรือได้รับน้ำไม่สม่ำเสมอ ป้องกันโดยฉีดพ่นโบแรกซ์ (Borax) แก่พืช หรือผสม โบแรกซ์ ในดินก่อนปลูกและใส่ปูนขาว
ปัจจัยที่ต้องการ (ต่อพื้นที่ปลูก 1 ตร.ม.)


การใช้แรงงาน (ต่อพื้นที่ปลูก 100 ตร.ม.)


*ข้อมูลแรงงานและระยะเวลาได้จากข้อมูลสนาม
*ให้เอาใจใส่เป็นพิเศษในการเพาะเมล็ดและถอนเอาต้นอ่อนแอทิ้ง พืชต้องการความชุ่มชื้นสม่ำเสมอ
ข้อควรปฏิบัติ
ช่วงการปลูก
ขุดพลิกดิน ตากแดดทิ้งไว้ 7 วัน กำจัดวัชพืช ขึ้นแปลงกว้าง 1 เมตร ย่อยดินให้ละเอียดใส่ปุ๋ย 12-24-12 ปูนขาว ปุ๋ยคอกและโบแรกซ์ คลุกผสมกับดินให้ทั่ว ปรับหน้าแปลงให้เรียบ ขีดร่องลึก 0.5 ซม. ให้ได้ระยะปลูก 40 ซม. ระหว่างแถว และ 10 ซม.ระหว่างต้น หยอดเมล็ดแล้วกลบดิน ราดยา โคแมค ในอัตราที่แนะนำตามความจำเป็น แล้วรดน้ำ
ช่วงดูแลรักษา
หลังเมล็ดงอก ใช้ ลอร์สแมน หรือ แลนเนท เพื่อป้องกันเชื้อรา และฉีดพ่นยาฆ่าแมลง ถ้ามีความจำเป็น ทำการถอนเอาต้นอ่อนแอทิ้งและกำจัดวัชพืช เมื่ออายุได้ 10-15 วัน ใส่ปุ๋ย 8-24-24 โดยทำร่องลึก 2-3 ซม. ระหว่างต้น โรยปุ๋ยลงร่อง กลบดินแล้วรดน้ำ ฉีดพ่นอาหารเสริม โทนา ถ้าสังเกตว่าต้นพืชไม่แข็งแรง ระยะนี้หากพืชขาดธาตุโบรอน จะทำให้หัวกลวง
ช่วงเก็บเกี่ยว
เก็บเกี่ยวได้เมื่อพืชอายุ 40-50 วัน ขณะที่หัวมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ 3 นิ้ว หัวกลมและผิวเรียบ ใช้มือถอน ตัดแต่งใบให้เหลือความยาว 10 ซม. ล้างทำความสะอาดหัวถ้ามีดินเปรอะเปื้อนมาก ผึ่งให้แห้งในที่ร่ม บรรจุในตะกร้าพลาสติค เก็บเกี่ยวในวันเดียวกัน หรือตอนเย็นก่อนที่ทำการขนส่ง
ที่มา: ภาควิชาส่งเสริมและเผยแพร่การเกษตร คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่