ไม้ผลแปลกและหายากที่น่าปลูก

ทวีศักดิ์  ชัยเรืองยศ

นิสัยของชาวสวนผลไม้ไทยมักจะเลือกปลูกไม้ผลที่ฮือฮาตามกัน ผลไม้ชนิดไหนขายได้ราคาดีก็จะแห่ปลูกตามกันโดยไม่ยึดหลักการของ “การตลาดนำหน้าการผลิต” ผลสุดท้ายเมื่อ ผลผลิตของไม้ผลชนิดนั้น เกินความต้องการของตลาด ทำให้ชาวสวนขายผลผลิตได้ ราคาต่ำและมีไม้ผลเศรษฐกิจ หลายชนิดที่ต้องใช้ทั้งเวลาและเงินทุนสูง ชาวสวนผลไม้ไทยควรจะ ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมในการทำสวนผล ไม้เสียใหม่ อาทิ ไม่ควรเลือกปลูกไม้ ผลเพียงชนิดเดียวควรจัดแปลงปลูกไม้ผลหลากหลายชนิดและในแต่ละชนิด ไม่ต้องใช้เนื้อที่ปลูกมาก มีการบำรุง รักษาปรับปรุงคุณภาพผลผลิตให้ดียึดหลักว่า “ทำน้อยได้มาก” นอกจากนั้น ชาวสวนผลไม้จะต้องหมั่นศึกษาและหา

ข้อมูลทางด้านการตลาดผลไม้อยู่ตลอดเวลา อย่างกรณีของการนำไม้ผลแปลกและหายากมาปลูกเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่จะช่วยลดปัญหาทางด้านการตลาดลงได้ เนื่องจากไม้ผลชนิดนั้นยังมีการขยายพื้นที่ปลูกน้อย

“ไม้ผลแปลกและหายาก” ที่คิดว่ายังมีช่องทางทางการตลาดดีในอนาคต เริ่มจากมะม่วงไต้หวันที่ปลูกได้ในประเทศไทย การปลูกมะม่วงในเชิงพาณิชย์ในประเทศไทยขณะนี้ถ้าจะว่ากันไปแล้ว

ชาวสวนจะปลูกมะม่วงพันธุนํ้าดอกไม้สีทองมากที่สุด ด้วยคิดเพียงแต่ว่าตลาดต่างประเทศมีความต้องการมากกว่ามะม่วงสายพันธุอื่น โดยไม่คำนึงว่ามะม่วงนํ้าดอกไม้สีทองที่จะส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศนั้น จะต้องมีการคัดเกรดและการดูแลรักษาที่ยุ่งยากเพียงใด และด้วยมีการขยายพื้นที่ปลูกกันมากขนาดนี้ อนาคตการตลาดจะเป็นเช่นไร

เกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงในไต้หวันยังมีการรวมตัว จัดตั้งเป็นกลุ่มสหกรณ์ที่มีความเข้มแข็งมาก ทำให้เกษตรกรไต้หวันขายผลผลิตมะม่วงได้ราคาดี อย่างกรณีของมะม่วงพันธุอ้ายเหวิน ที่ไต้หวันส่งออกไปขายยังประเทศญี่ปุ่น เกษตรกรขายได้ไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 100 บาท ปัจจุบันไต้หวันยังได้มีการพัฒนาสายพันธุ์มะม่วงอย่างต่อเนื่องและมีบางสายพันธุที่มีการนำมาปลูกในบ้านเรา จนประสบผลสำเร็จ เช่น พันธุ์งาช้างแดง ด้วยมะม่วงสายพันธุ์นี้ รสชาติหวานอร่อยไม่แพ้พันธุ์จินหวงและพันธุ์ อี้เหวินเบอร์6 และจุดเด่นของมะม่วงงาช้างแดงมีขนาดน้ำหนักผลเฉลี่ย 2-3 กิโลกรัมและเมื่อแก่ผลจะมีสีม่วงเข้ม

นอกจากนั้นยังมีไม้ผลแปลกและหายากจากไต้หวันอีกชนิดหนึ่งที่ชมรม เผยแพร่ความรู้ทางการเกษตรได้นำมาทดลองปลูกคือ “ปีแป๋” ภาษาอังกฤษเรียก ว่า Pipa มีคนไทยเรียกทับศัพท์ว่า “ผี ผา’’ ผู้เขียนได้เมล็ดปีแป๋จำนวนหลายร้อย เมล็ดจากไต้หวันมาเพาะและปลูกลงดิน เมื่อต้นปีแป๋มีอายุต้นกล้า 2 ปีได้ทดลอง ราดสารแพคโคลบิวทราโซลเพื่อบังคับการออกดอก ผลปรากฎว่าหลังจากราดสารไปได้ 1 เดือน พบว่ามีการออกดอกและติดผล “ปีแป๋” นับเป็นไม้ผลแปลกและหายากอีกชนิดหนึ่งที่มีอนาคต เนื่องจากที่ไต้หวัน มีราคาขายถึงผู้บริโภคราคากิโลกรัมละ 100-300 บาท ในขณะเดียวกันไต้หวัน ได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ฟักให้มีขนาดผลใหญ่มากเพื่อรองรับการแปรรูปเป็นนํ้าฟักพร้อมดื่ม และได้มีการนำเมล็ดฟักยักษ์จากไต้หวันมาทดลองปลูกในประเทศไทย ได้ขนาดของผลใหญ่ใกล้เคียงกับที่ปลูกในไต้หวัน คือ มีนํ้าหนักผลเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 20 กิโลกรัมต่อผล “ฟักยักษ์’’ เป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ในดินทุกชนิด และสามารถปลูกได้ในทุกพื้นที่ของประเทศไทย

ประเทศไทยนั้นเป็นอันดับหนึ่ง ในการผลิตและส่งออกสับปะรดกระป๋อง เท่านั้น แต่ถ้าพูดถึงการส่งออกสับปะรด ในรูปสับปะรดผลสดนั้นถือว่าไทยเรามีการส่งออกน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งของไทยอย่างประเทศฟิลิปปินส์ ที่สามารถส่งออกสับปะรดผลสดได้ปีละกว่าแสนตันต่อปี หรือแม้แต่ไต้หวัน

ซึ่งมีพื้นที่ปลูกสับปะรดน้อยกว่าไทย แต่มีตัวเลขการส่งออกสับปะรดผลสดมากกว่า โดยเฉพาะส่งไปขายที่ประเทศญี่ปุ่น สับปะรดพันธุ์ MD2 เป็น สับปะรดที่นิยมบริโภคสดทั่วโลก โดยมีคุณสมบัติที่โดดเด่นทั้งภายในและ ภายนอก เช่น ภายในคือเรื่องของรสชาติที่หวาน มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เนื้อมีสี เหลืองเข้ม (คล้าย ๆ กับสับปะรดพันธุ์ภูเก็ตหรือตราดสีทองบ้านเรา) เนื้อตัน แน่น และไม่เป็นโพรง นํ้าหนักผลเฉลี่ย 1.7- 1.8 กิโลกรัม จากข้อมูลพบว่ามีวิตามินซีสูงถึง 4 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับสับปะรดพันธุ์อื่น ๆ เมื่อทานแล้วไม่กัดลิ้น สามารถทำให้คนทานได้มากขึ้นปัจจุบันนี้สับปะรด พันธุ์ “MD2” เป็นที่รู้จักและกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมากและมีการขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้นในประเทศ ไทย

นอกจากนั้นยังมีไม้ผลอีก 2 ชนิด ที่น่าสนใจและเป็นผลงานวิจัยของกรม วิชาการเกษตร คือ เรื่อง “มะพร้าวลูกผสมกะทิพันธุ์ชุมพร 84-1 และ 84-2” ต่อ ไปเกษตรกรที่คิดจะปลูกมะพร้าวกะทิไม่ต้องเสี่ยงว่าผลผลิตจะเป็นกะทิหรือไม่ มะละกอพันธุ์ “ขอนแก่น 80” สำหรับ ผู้บริโภคที่มีความต้องการที่จะบริโภคมะละกอสุกที่มีขนาดผลใหญ่ไม่มาก ผู้ เขียนขอแนะนำว่ามะละกอพันธุ์ขอนแก่น 80 จัดเป็นมะละกอกินสุกที่มีรสชาติอร่อยมาก จะว่าไปแล้วอร่อยกว่าพันธุ์เรดมาลา ดอล์ด้วยซํ้าไป