การปลูกแอสเทอร์

Common name : Starworl, Michaelmas Daisy

Scientific name : Callistephus spp.

Family : Compositae

แอสเทอร์ เป็นพันธุ์ไม้ดอกที่มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาเหนือ ซึ่งปลูกเป็นไม้ดอกในแปลงบนดินในสวนดอกไม้ ออกดอกในฤดูร้อน ลำต้น และกิ่งเป็นไม้เนื้อสดอวบน้ำพวกผัก (herbs) ส่วนมากเป็นพันธุ์ไม้ดอกที่มีอายุมากกว่า 2 ปี (perennial) บางชนิดตอนโคนต้นมีเนื้อไม้แข็ง บางชนิดเป็นพันธุ์ไม้ล้มลุก (annual) ออกดอกเป็นช่อ บางชนิดก็ออกดอกเดียวชูสูงจากต้น มีกลีบดอกออกเป็นรัศมี 1-2 ชั้น เรียงรอบ ๆ ใจกลางดอก บางชนิดดอกแบน สีขาว แดง ม่วง เหลือง บางชนิดเปลี่ยนสีเป็นสีม่วงหรือสีกุหลาบ เมื่อดอกแก่เข้า แอสเทอร์เป็นภาษาลาตินแปลว่า ดาว ซึ่งหมายถึงดอกที่มีกลีบออกเป็นรัศมีรอบ ๆ คล้ายดาว แบ่งออกเป็น 2 พวกด้วยกันคือ

1. Callistephus หรือ Annual Aster เป็น แอสเทอร์ พวกพันธุ์ไม้ดอกล้มลุกที่มี species เดียวคือ c. chinensis มีกำเนิดในถิ่นเอเซีย Cal­listephus เป็นภาษากรีก (Callis = สวยงาม, tephus = มงกุฎ) หมายถึงลักษณะเกสรกลางดอกเป็นรูปมงกุฎสวยงาม c. chinensis หรือ เรียกว่า china Aster มีหลายพันธุ์ (varieties)

2. Michaelmas Daisy หรือ Perennial Aster เป็นพันธุ์ไม้ดอกยืนต้นที่มีถิ่นกำเนิดในเมืองหนาว เช่น อเมริกาเหนือ และยุโรปตอนใต้ มีประมาณ 22 species หลายร้อยหลายพันชนิด

Annual Aster เป็นไม้ดอกล้มลุกที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย เป็นไม้ตัดดอกที่มีความต้องการมากชนิดหนึ่ง เนื่องจากความงามของดอก มีสีสันต่าง ๆ ก้านดอกยาวจึงเป็นไม้ตัดดอกที่ดี นอกจากปลูกเป็นไม้ตัดดอกแล้วยังใช้ปลูกเป็นแปลงในการจัดสวนดอกไม้ได้ดีอีกด้วย ดอกมีลักษณะคล้ายกับดอกเบญจมาศมาก แอสเทอร์เป็นพันธุ์ไม้ดอกเก่าแก่ชนิดหนึ่งที่มีกำเนิดใน ประเทศจีน เช่น Callistephus chinensis ในปัจจุบันมีพันธุ์ลูกผสมใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย แอสเทอร์ชอบอากาศเย็นและดอกจะบานเมื่อ อากาศอบอุ่น หรืออากาศร้อนที่มีความชื้นสูง ในเมืองไทยจึงเหมาะที่จะปลูกในฤดูหนาว หรือปลายฤดูฝน

พันธุ์

แอสเทอร์ แบ่งออกเป็นชนิดต่าง ๆ (types) เช่น Ostrich Plume ต้นสูง 18 นิ้ว มีกิ่งก้าน แตกออกเป็นพุ่ม ดอกสวยงามมีกลีบยาวรี ดอก ใหญ่ Giant Comet สูง 15-18 นิ้ว คล้าย ๆ กับ Ostrich Plume มีสีเหลืองอ่อน และสีอื่น อีกมาก Peony flowered สูง 2 ฟุต มีกิ่งและแขนงแตกออกเป็นพุ่ม ดอกใหญ่กลางดอกนูนสูง California Giant สูง 2-3 ฟุต ต้นเป็นพุ่มใหญ่ ดอกโต รูปร่างดอกคล้าย Ostrich Plume และพันธุ์แคระ dwarf Chrysanthemum-flowered Miniature pompon และ Lilliput เป็นต้นที่นิยมปลูกกันเป็นแปลงดอกไม้ตามริมถนนและประดับสวน ส่วนดอกชั้นเดียวไม่ชอนนั้น ปลูกกันเป็นไม้ตัดดอก ชนิดไม้ตัดดอกใหญ่ก็มีพันธุ์ Southcote Beauty strain ซึ่งเป็นพันธุ์ที่มีดอก ใหญ่ และมีความต้านทานโรคได้ดี

การขยายพันธุ์และการดูแลรักษา

การขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดในกระบะเพาะ หรือในแปลงเพาะก็ได้ หว่านเมล็ดให้ห่างอย่าให้แน่นทึบเกินไป จะเกิดโรคเน่าที่กล้าได้ ง่าย ๆ ถ้ามีกระจกใสปิดกระบะเพาะ หรือใช้แผ่นพลาสติคปัดแปลงเพาะเพื่อให้เกิดความชื้นสูง และลดแสงสว่างลงบางแล้ว จะทำให้เมล็ดงอกภายใน 10-15 วัน เมื่อเมล็ดงอกแล้วจึงค่อย ๆ เพิ่มแสงสว่างให้มากขึ้น จนให้กล้าถูกแสงแดดได้เต็มที่ การให้น้ำในตอนนี้ให้ระวังให้มาก ถ้าให้น้ำมากไปจะเกิดโรคราเน่าหมด โดยเฉพาะการระบายน้ำต้องดี ให้มีความชื้นอยู่เสมอ เมื่อกล้าสูง 1 นิ้วก็แยกต้นกล้าออกจากกระบะเพาะ มาชำลงในกระบะชำ หรือแปลงชำให้ต้นห่างกัน 2 นื้ว ใช้ดินปลูกเป็นดินผสมระหว่างปุ๋ยหมัก(compost) ดินร่วนทราย และมีการระบายน้ำดีเมื่อต้นตั้งตัวได้ดีและสูงขนาด 5-6 นิ้วแล้ว จึงนำมาปลูกในแปลงกลางแจ้งให้ห่างกันระหว่าง 9-12 นิ้ว แล้วแต่ชนิดและพันธุ์ของแอสเทอร์ เมื่อปลูกครั้งแรกให้บังแดดให้ด้วย เมื่อต้นตั้งตัวได้แล้วสูง 15 นิ้ว จึงเริ่มให้ปุ๋ยน้ำอ่อน ๆ ไปก่อน และเพิ่มปุ๋ยขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงเวลาที่จะออกดอก จึงงดให้ปุ๋ย ถ้าหากต้นไหนสูงชลูดก็เด็ดยอดออกทิ้งเสียเพื่อให้แตกพุ่ม โรคที่เกิดง่าย ๆ แก่แอสเทอร์ คือโรคโคนเน่าเท่านั้น ที่เป็นอันตรายร้ายแรง จึงต้องระวังเรื่องการให้น้ำให้มากกว่าอย่างอื่น ๆ

Perennial Aster หรือ Michaelmas Daisy

Michaelmas Daisy ซึ่งเป็นแอสเทอร์ใน ตระกูล Compositae ด้วยกัน แอสเทอร์ชนิดนี้ เหมาะที่จะนำมาปลูกในสวนหิน (rock garden) ปลูกลงในแปลงสวนดอกไม้ แอสเทอร์ชนิดนี้ ส่วนมากเป็นชนิดดอกไม่ซ้อน กลีบบางชั้นเดียว ดอกเล็ก ๆ

พันธุ์แอสเทอร์

ที่นิยมปลูกเป็นสวนดอกไม้ก็มี Aster cor- difolius A. divaricatus, A. Lowrieanus, A. ericvides, A. melius สูง 18 นิ้วถึง 2 ฟุต ใช้ปลูกเป็นไม้ดอก

รวมกันเป็นกลุ่มกับชนิดอื่น ๆ อายุนาน 3-4 ปี มีถิ่นกำเนิดจากอิตาลี มีพันธุ์อื่น ๆ อีก (Variety) คือ King George สีม่วง ครามแก่ Queen Mary สีลาเวนเดอร์, Herman Lons สีน้ำเงิน, Beaute Parfait สีม่วง, Louise สีชมพูแก่, และSonia สีชมพู ส่วน A. novi- belgii และ A. novac-angliae ดอกกลีบชั้นเดียวหรือสองชั้น จัดว่าเป็นพวกที่ดอกไม่ซ้อน แต่ดอกมีขนาดใหญ่ มีสีสันมากมายเช่นกัน ต้นมีขนาดสูงต่าง ๆ กัน ตั้งแต่ 2.5-5 ฟุต เช่น

พันธุ์ Harrington’s Pink สีชมพูแก่สูง 4 ฟุต, Survivor ดอกสีชมพู สูง 4 ฟุต, Barn’s Pink ดอกงามมากสีสดชมพู

ชนิดดอกเล็กน่าดู เช่น

A. cordifolius สูง 4-5 ฟุต

A. linariifoluis ดอกม่วงอมชมพู

A. Kumleinii สูง 1.5 ฟุต ดอกสีน้ำเงินสด

A. acris กลีบเล็ก ๆ ดอกสีลาเวนเดอร์ สูง 2-3 ฟุต

A. nana สูง 2 ฟุต

A. Frikartii พันธุ์ Wonder of Staffa สูง 2-3 ฟุต ดอกสีน้ำเงินอ่อน

A. spectabilis สูง 2 ฟุต ดอกสีม่วง พันธุ์ดอกต้นแคระเตี้ย (Dwarf หรือ Cushion Michaelmas Daisies)

A. dumosus สูง 9-12 นิ้ว พันธุ์ Mauve Cushion พันธุ์ญี่ปุ่น

นอกจากนี้ก็มีพันธุ์ที่ใช้ปลูกประดับสวนหิน มี

A. alDinus สูง 6-9 นิ้ว มีหลายพันธุ์ มี สีขาว สีชมพู

A. Farreri สูง 15 นิ้ว สีม่วง, A. Forrestii สูง 7 นิ้ว สีลาเวนเดอร์บลู

พันธุ์ลูกผสมมีดอกสีเหลือง

พันธุ์ดอกสีเหลืองเป็นลูกผสม มีต้นสูง 2 ฟุต ดอกเหลืองเรียกกันว่า Solidaster lateus ส่วนพันธุ์เตี้ยดอกเหลืองก็มี Goldilocks, Linosris vulgaris สูงมากกว่า 2 ฟุต ดอกเหลืองขนาดเล็ก

การขยายพันธุ์

การแยกหน่อแยกกอเป็นวิธีขยายพันธุ์ที่ง่าย และได้ผลดี โดยขุดขึ้นมาจากดิน แล้วแยกแบ่ง ออกเป็น 5-6 กอเล็ก ๆ นำไปปลูกหรือชำไว้ให้ตั้งตัวก่อนจึงนำไปปลูกในสถานที่ที่ต้องการ

นอกจากนี้ยังอาจใช้กิ่งปักชำ โดยตัดกิ่งตอน โคนต้นที่แก่มาปักชำให้งอกราก แล้วจึงนำไปปลูก การขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดทำเมื่อได้พันธุ์ใหม่ ๆ มาปลูก การเก็บเมล็ดพันธุ์เองอาจกลายได้ การดูแลรักษาอีกอย่างหนึ่งก็คือทำหลัก หรือราวกั้นให้ต้นยึดไว้ไม่ให้ล้ม ถ้าหากต้นสูงมีใบดกมาก ดอกดกจะหนัก จะทำให้ต้นล้มได้