กุหลาบตัดดอกในประเทศและเอเชีย

กุหลาบตัดดอกที่ปลูกจำหน่ายภายในประเทศและประเทศแถบเอเชียด้วยกัน พันธุ์

ดอกสีแดง ได้แก่พันธุ์ :

คริสเตียน ดิออร์ (Christian Dior)

บราโว (Bravo)

มีแรนดี้(Mirandy)

ราวดัลเลย์ (Roundaley)

มาเจสตีค (Magestic)

สวาทมอร์ (Swarthmore)

โสรายา (Soraya)

วอร์ดานส์ (War Dance)

สคาร์เลทไนท์ (Scarlet Knight)

ในจำพวกดอกสีแดงทั้งหมดที่กล่าวชื่อมาแล้วนั้น พันธุ์คริสเตียนดิออร์ นับว่ามีคุณสมบัติเด่นกว่าทุก ๆ พันธุ์ เพราะให้ดอกดก หนามน้อย ฟอร์มดอกดี ทนโรคใบจุดพอสมควร และมีสีแดงสดเป็นที่สะดุดตา อย่างไรก็ตามยังมี ข้อเสียในบางประการ คืออ่อนแอต่อโรคราแป้ง (powdery mildew) และมีลักษณะก้านดอกคด ไม่เรียบตรง ดอกที่โรยมักมีสีอมฟ้า ส่วนพันธุ์อื่น ๆ มีลักษณะดีเลวแตกต่างกันไป ซึ่งจะกล่าวลักษณะที่เด่น ๆ ในแต่ละพันธุ์ไว้ย่อ ๆ ดังนี้ :

พันธุ์บราโว ลักษณะดอกสีเข้ม ดอกค่อนข้างโต คอดอกอ่อน มักออกดอกข้างและดอกไม่ค่อยดก

พันธุ์มิแรนดี้ ดอกสีแดงคล้ำ ออกดอกค่อนข้างดก ดอกมีกลิ่นหอมหวาน แต่คอดอกอ่อน

พันธุ์ราวดัลเลย์ เป็นกุหลาบพวง ทรงดอกแบบกุหลาบตัดดอก ให้ดอกค่อนข้างดก ดอกสีแดงสด แต่ดอกค่อนข้างเล็ก และต้นมักแผ่กิ่งก้านเกะกะ

พันธุ์มาเจสติค ดอกสีแดงสด ดอกขนาดปานกลางถึงใหญ่ แต่กลีบดอกด้านนอกมักมีลายสีขาวและหยิกเป็นตำหนิ

พันธุ์สวาทมอร์ ดอกสีแดงออกชมพู ก้านคอยาวตรง หนามน้อย ทรงดอกสวยมากในฤดูหนาว แต่กลีบดอกด้านนอกมักหยิกหนึ่งกลีบเสมอ กลีบดอกมีสีแดงไม่ค่อยบริสุทธิ์ และกลีบดอกมักเสียในฤดูร้อน

พันธุ์โสรายา ดอกสีแดงออกแสด ให้ดอกค่อนข้างดก แต่ก้านดอกมักคด กลีบดอกน้อย และบานเร็ว

พันธุ์วอร์ดานส์ ดอกค่อนข้างโต ดอกสีแดงออกแสด ทนโรคใบจุดเป็นพิเศษ แต่ดอกไม่ค่อยดก หนามมาก และต้นแผ่สาขาเกะกะ

พันธุ์สคาร์เลทไนท์ เป็นพันธุ์กุหลาบพวงที่มีขนาดและทรงดอกแบบกุหลาบตัดดอก เป็นพันธุ์ใหม่ที่พอจะใช้ปลูกตัดดอกได้ ให้ดอกค่อนข้างดก ทนร้อนเป็นพิเศษ แต่ขนาดดอกค่อนข้างเล็กไป

ควรเลือกพันธุ์คริสเตียนดิออร์เป็นอันดับแรก รองลงไปควรเป็นพันธุ์สวาทมอร์และพันธุ์สคาร์เลทไนท์ สำหรับสองพันธุ์หลังนี้ควรปลูกในแหล่งที่มีอากาศเย็น

พันธุ์ดอกสีชมพู มีพันธุ์ต่าง ๆ ดังนี้

เบนแองจ์(Bel Ange)

ควีนเอลิซาเบท(Queen Elizabeth)

ทิฟแฟนนี่(Tiffany)

คอนฟิเดนส์ (Confidence)

ไอเฟล ทาวเวอร์ (Eiffel Tower)

คริสเตียนดิออร์(กลาย) (Christian Dior)

เซาท์ ชี(Sought Sea)

อินช์ อัลลาห์(Inch Allah)

มีสออลอเมริกันบิวตี้ (Miss All American Beauty)

โจวังแซลล์  (Jouvincelle)

ในจำนวนพันธุ์ที่มีดอกสีชมพูดังกล่าว พันธุ์ เบนแองจ์นับว่ามีข้อได้เปรียบกว่าพันธุ์อื่น ๆ ที่ให้ดอกดก ฟอร์มดอกดี ต้นตั้ง หนามห่าง ข้อเสียอยู่ที่อ่อนแอต่อโรคราสนิม (rust) ซึ่งจะมีระบาดในเดือนกันยายนและตุลาคม ถ้าสามารถ ป้องกันโรคนี้ได้ นับว่าพันธุ์นี้จะหาข้อตำหนิได้ยาก ส่วนคุณสมบัติที่เด่น ๆ ของพันธุ์อื่น ๆ ก็มีเช่น :

พันธุ์ควีนส์เอลิซาเบธ ให้ดอกสีชมพูบานบัว ซึ่งเป็นสีที่น่ารัก ให้ดอกดก ต้นตั้ง เจริญเติบโตได้ดีแทบทุกลักษณะอากาศ แต่ดอกมีขนาดเล็กไป แต่ถ้าเลือกปลูกในแหล่งที่มีอากาศเย็น นับว่าเป็นพันธุ์ที่ดีเด่นไม่แพ้พันธุ์เบนแองจ์

พันธุ์ทิฟแฟนนี่ ต้นค่อนข้างตั้ง ทรงดอกยาว ก้านดอกตรง หนามปานกลาง แต่ดอกมีสีไม่บริสุทธิ์ และมักดื้อดอก

พันธุ์คอนฟิเดนส์ ฟอร์มดอกดี สีดอกสวยน่ารัก เจริญเติบโตดี หนามห้อย ต้นค่อนข้างแผ่ ก้านดอกสั้น

พันธุ์ไอเฟลทาวทอร์ ต้นสูงใหญ่และแผ่กว้าง หนามน้อย ถ้าเลี้ยงดูให้สมบูรณ์จะให้ดอกดก ก้านดอกยาว แต่ถ้าเลี้ยงดูไม่สมบูรณ์พอ ต้นมักแตกเป็นฝอย ก้านดอกเล็ก คอดอกอ่อน ข้อเสียอีกประการหนึ่งก็คือใบเล็ก ไม่สมดุลย์กับขนาดของกิ่ง ใบบางและมักเป็นโรคใบจุดได้ง่าย ลักษณะที่เด่นของพันธุ์นี้ก็คือ ดอกมีกลิ่นหอม

พันธุ์คริสเตียน ดิออร์ (กลาย) เป็นพันธุ์ที่ กลายมาจากพันธุ์สีแดง ต้นลดความแข็งแรงลงไปบ้าง ดอกยังไม่ได้รูปร่างที่สม่ำเสมอเหมือนพันธุ์สีแดง และสีของดอกยังไม่สะดุดตาพอ

พันธุ์เซาท์ซี เป็นพันธุ์ที่ให้ดอกใหญ่ สีแดง สวยพอใช่ได้ แต่ต้นมักแผ่กว้าง ใบโตเทอะทะ ไม่สมส่วน กลีบดอกน้อยและบานเร็ว ที่สำคัญก็คือต้นมักทรุดง่าย เมื่อทำการตัดมาก ๆ

พันธุ์อินช์อัลลาห์ ดอกสีสวยพอสมควร ดอกค่อนข้างโต แต่ก้านดอกเล็กและคอดอกอ่อนง่าย

พันธุ์มิสออลอเมริกันบิวตี้ เป็นพันธุ์ที่ค่อนข้างใหม่ ฟอร์มดอกดีมาก ดอกโต สีดอกสวย ต้นค่อนข้างตั้ง ใบสวย แต่หนามค่อนข้างถี่ และดอกยังไม่ค่อยดกพอ

พันธุ์โจวังแซลล์ เป็นพันธุ์ใหม่ ฟอร์มดอกดี สีดอกสวย ก้านตรง หนามน้อย กำลังปลูกทดสอบกันอยู่ ก้านสั้นไป เและดอกยังไม่ดกพอ จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์อะไรย่อมมีข้อดีและข้อเสียอยู่ในตัว เพียงแต่ว่าพันธุ์ใดจะมีข้อดีข้อเสียมากน้อยกว่ากัน และลักษณะใดจะมีความสำคัญกว่าในด้านผู้ปลูกซึ่งมีโอกาสเลือกก่อน ก็ต้องเลือกพันธุ์ที่มีลักษณะให้ดอกดกไว้ก่อน ส่วนข้อเสียอย่างอื่นที่พอแก้ไขกันได้ค่อยแก้ไขกันไปทีหลัง ถ้าจะให้เลือกควรเลือก พันธุ์เบลแองจ์เป็นอันดับแรก พันธุ์ควีนส์เอลิซาเบธเป็นอันดับรอง และพันธุ์

มีสออลอเมริกัน บิวตี้เป็นอันดับสาม

พันธุ์ดอกสีแสดหรือสีส้ม มีพันธุ์ที่ใช้ปลูกกันอยู่ดังนี้

ซุปเปอร์สตาร์ (Super Star)

คามีลอท (Camelot)

เบลแองจ์ (กลาย) (Bel Ange)

ในจำนวน 3 พันธุ์ดังกล่าวข้างต้น พันธุ์ซุปเปอร์สตาร์นับว่าเป็นพันธุ์ที่เด่นที่สุด เพราะให้ดอกสีสวย ฟอร์มดอกดี ต้นแข็งแรง แต่ต้นค่อนข้างแผ่ มีหนามมาก และมีขนาดกิ่งไม่สมดุลย์กับขนาดดอก คือกิ่งมักมีขนาดอวบโต แต่ ขนาดดอกค่อนข้างเล็ก โดยเฉพาะในแหล่งปลูกที่มีอุณหภูมิค่อนข้างสูงหรือในฤดูร้อน แต่ข้อเสียในเรื่องนี้อาจช่วยได้ ถ้าปลูกในแหล่งที่มีอากาศเย็นหรือปลูกให้ชิดขึ้น ส่วนพันธุ์คามีลอท เป็นกุหลาบพวงทรงดอกแบบกุหลาบตัดดอก ต้นแข็งแรง สีดอกและความหนาของกลีบดอก ยังสู้พันธุ์ซุปเปอร์สตาร์ไม่ได้ ที่สำคัญก็คือมักออกดอกข้าง ดอกไม่ดกเหมือนพันธุ์ซุปเปอร์สตาร์

พันธุ์เบลแองจ์(กลาย) เป็นพันธุ์ที่กลายมาจากพันธุ์เบลแองจ์สีชมพู ลักษณะทั่วไปยังเหมือนพันธุ์เดิม แต่ความแข็งแรงยังไม่เหมือน คอก้านเล็กและบางกว่า และขนาดดอกก็เล็กกว่าพันธุ์เดิม

พันธุ์ดอกสีชาหรือสีส้มอ่อน

ธัญญา (Tanya)

โบเต้  (Beaute’)

ธาอิส (Thais)

จากพันธุ์ทั้งสามข้างบนนี้ ไม่มีลักษณะของพันธุ์อื่นใดที่พิเศษกว่าพันธุ์อย่างเด่นชัด ทุกพันธุ์มีข้อดีข้อเสียพอ ๆ กัน ดังนั้นพันธุ์ธัญญา ฟอร์มดอกพอใช้ได้ ต้นแข็งแรงปานกลาง ต้นค่อนข้างแผ่ การทนโรคแมลงปานกลาง พันธุ์โบเต้ดอกค่อนข้างดกเล็กน้อย ทรงดอกยาว กลีบดอกน้อยและบานเร็ว ที่สำคัญก็คือกิ่งก้านแผ่เกะกะมาก พันธุ์ธาอิส ต้นค่อนข้างตั้ง ทรงดอกแบบรูปถ้วย กลีบดอกหนา ดอกดกปานกลาง แต่ใบไม่สวย ปลายใบใกล้ ๆ ดอกมักไหม้เป็นตำหนิ ถ้าจะเลือกปลูกขอจัดลำดับดังนี้ คือ พันธุ์ธัญญา พันธุ์โบเต้ และพันธุ์ธาอิส

พันธุ์ดอกสีเหลือง มีพันธุ์ดังต่อไปนี้

คิงส์แรนซัม (king’s Ransom)

โกลเด้นบาสเตอร์พิส (Golden Masterpiece)

กริสบี้          (Grisbi)

โบเต้ (กลาย) (Beaute’)

หลุย มีแอร์ (Lumie’re)

จากพันธุ์สีเหลืองดังกล่าวข้างต้น

พันธุ์คิงส์ แรนซัม นับว่าเด่นที่สุดในขณะนนี้ แม้จะไม่มีลักษณะที่ต้องการครบทุกอย่างก็ตาม ลักษณะที่เด่นของกุหลาบพันธุ์นี้ก็คือ การเจริญเติบโต แข็งแรงดี โดยเฉพาะเมื่อขยายพันธุ์โดยวิธีติดตา ให้ดอกดก ฟอร์มดอกดี และเมื่อปลูกอยู่ในแปลงปลูก สามารถเจริญเติบโตได้ในฤดูร้อนดีกว่าพันธุ์อื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ก็มีข้อเสียบาง ประการเช่นเดียวกัน เช่น อ่อนแอต่อโรคใบจุดเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในปลายฤดูฝน ซึ่งมักจะมีสภาพทรุดโทรมเนื่องจากโรคนี้มากกว่าพันธุ์ อื่น ๆ ข้อเสียอีกอย่างหนึ่งก็คือ คอดอกมักอ่อน แต่ข้อเสียทั้งสองข้อนี้พอจะช่วยได้บ้างถ้าได้ เลี้ยงดูให้ถูกต้อง

พันธุ์โกลเด้นมาสเตอร์พิส มีคุณสมบัติในการตัดดอกปานกลางคือให้ดอกดกพอประมาณ ดอกสีเข้มกว่า ทรงดอกยาว แต่กลีบดอกน้อยและบานเร็ว ต้านทานโรคแมลงปานกลาง

พันธุ์กรีสบี้ ทรงต้นค่อนข้างตั้งให้ดอกดกพอควร ก้านดอกยาวพอใช้ได้ แต่ฟอร์มดอกไม่ค่อยสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในฤดูร้อนซึ่งกลีบดอกมักบิดและผิดปกติ ไม่เหมาะสมที่จะตัดดอกส่งตลาดร้านจัดดอกไม้ แต่อาจปลูกจำหน่ายในตลาดท้องถิ่นได้

พันธุ์โบเต้ เป็นพันธุ์ที่กลายมาจากพันธุ์โบเต้ สีชาหรือสีส้มอ่อน แม้จะกลายมาจากพันธุ์เดิม แต่ความเจริญเติบโตยังแข็งแรงคล้ายพันธุ์เดิม ผิดกว่าพันธุ์อื่น ๆ ลักษณะอื่น ๆ ยังคล้ายพันธุ์เดิม ผิดกันที่สีเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเท่านั้น นับว่าพอจะใช้ปลูกตัดดอกได้พอสมควรพันธุ์หนึ่ง พันธุ์หลุยมีแอร์ ดอกสีเหลืองปนสีส้มน่ารัก ฟอร์มดอกดี ทรงดอกยาว แต่กลีบดอกน้อยและ บานเร็ว นอกจากนี้ต้นมักแผ่เกะกะ กิ่งค่อนข้างเล็ก และคอดอกมักอ่อนง่าย ยิ่งกว่านั้น ยังตัดชำได้ยากมาก ต้องขยายโดยวิธีติดตาจึงจะสะดวก ฉะนั้นถ้าจะเลือกพันธุ์สีเหลืองในการปลูกตัดดอกแล้ว อันดับแรกควรจะเป็นพันธุ์คิงส์ แรนซัม อันดับสองควรเป็นพันธุ์โกลเด้นมาสเตอร์พิส อันดับสามควรเป็นพันธุ์โบเต้ หรือมิฉะนั้นก็เป็นพันธุ์ลูมิแอร์ พันธุ์ใดพันธุ์หนึ่ง ทั้งสองพันธุ์นี้มีข้อดีข้อเสียพอ ๆ กัน

พันธ์ดอกสีขาว ได้แก่

พันธุ์มิสตี้มอร์น (Misty Morn)

บลังเซมาแลง (Blanche Mallerine)

ไวท์ คริสมาส (White Chrismas)

แมทเตอร์ฮอนร์ (Matterhorn)

ปาสคะไล (Pascali)

เมาท์ซาสต้า (Mount Shasta)

พันธุ์มิสตี้มอร์น มีลักษณะที่ดีก็คือ ให้ขนาดดอกโต กลีบดอกมาก ลักษณะการบานเหมือนดอกเบญจมาศ ต้นเลี้ยงง่าย แต่มีขนาดต้นเตี้ย ก้านดอกสั้น หนามถี่ ถ้าตัดดอกมาก ๆ ต้นมักทรุดง่าย

พันธุ์บลังเซมาแลง กลีบดอกขาวบริสุทธิ์แต่กิ่งก้านผอมบาง กลีบดอกน้อย และบานเร็ว

พันธุ์ไวท์คริสมาส ลักษณะที่ดีก็คือ ทรงต้นตั้ง หนามน้อย ก้านดอกยาว ฟอร์มดอกดี แต่มักมีลักษณะของดอกผิดปกติสูงกว่าพันธุ์อื่น ๆ ซึ่งถ้าแก้ไขในเรื่องนี้ได้ นับว่าเป็นพันธุ์ที่มีความเหมาะสมที่จะใช้ปลูกตัดดอกได้ดีพันธุ์หนึ่ง

พันธุ์แบทเตอร์ฮอน พันธุ์นี้ไม่มีลักษณะใด ที่ดีเด่นชัด แต่ไม่มีลักษณะที่เสียเด่นชัดเช่นเดียวกัน การเจริญเติบโตโดยทั่ว ๆ ไปค่อนข้างดี ฟอร์มดอกดีพอใช้ และการให้ดอกจัดอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง

พันธุ์ปาสคะไล เป็นลูกผสมของพันธุ์ควีนเอลิซาเบธและมีลักษณะเหมือนต้นแม่มาก เว้นแต่มีขนาดดอกเล็กไป โดยเฉพาะเมื่อดอกเริ่มแย้ม

พันธุ์เมาท์ชาสต้า ตามที่สังเกตและศึกษาดู ลักษณะของพันธุ์นี้เห็นว่า แม้การเจริญเติบโตจะแข็งแรงดี ดอกขาวบริสุทธิ์ ก้านดอกยาว ฟอร์มดอกดี แต่ก็มีข้อเสียอยู่ 2 ประการ คือ กลีบดอกค่อนข้างบาง โดยเฉพาะปลายกลีบดอก ซึ่งมักช้ำง่าย และมักจะดื้อดอก

จากลักษณะดีและไม่ดีของพันธุ์ต่าง ๆ ที่กล่าวมาแล้วข้างต้นจะเห็นว่า ในพวกดอกสีขาวด้วยกันแล้ว ยังไม่มีพันธุ์ใดที่ดีเด่นกว่าพันธุ์อื่นเลย

พันธุ์ดอกสีม่วง มีอยู่ 2 พันธุ์ คือ

บลูมูน (Blue Moon)

เลดี้ เอกช์ (Lady X)

พันธุ์ดอกสีม่วงทั้งสองพันธุ์นี้มีลักษณะดี และไม่ดีพอ ๆ กัน เช่นลักษณะการเจริญเติบโต การให้ดอกและลักษณะของทรงต้น ผิดกันที่ลักษณะฟอร์มดอกและสีของดอก คือพันธุ์บลูมูน มีลักษณะดอกแบบแจกัน และสีม่วงอมฟ้า แต่พันธุ์เลดี้เอกซ์มีลักษณะดอกแบบปลายกลีบ ดอกแหลม และมีสีม่วงอมชมพูอ่อน อย่างไรก็ตาม ทั้งสองพันธุ์พอที่จะใช้ปลูกตัดดอกได้ดีพอใช้โดยเฉพาะพันธุ์บลูมูน

พันธุ์ดอกสีเหลือบ

มอนเต คาร์โล (Monte Carlo)

อเมริกันเฮอริเตจ (American Heritage)

พันธุ์ทั้งสองนี้ เป็นพันธุ์ตัดดอกประเภทแฟนซี คือในดอกเดียวมีสีมากกว่าหนึ่งสี เหมาะสำหรับปลูกตัดดอกจำหน่ายในตลาดท้องถิ่น ลักษณะทั่ว ๆ ไปของพันธุ์ทั้งสองนี้ก็คือ พันธุ์มอนเตคาร์ไล เป็นพันธุ์ที่นิยมปลูกอยู่ก่อน ลักษณะต้นและการเจริญเติบโตปานกลาง ค่อนข้างอ่อนแอต่อโรคใบจุด ขนาดดอกและก้านดอกปานกลาง กลีบดอกทั่วไปมีสีเหลือง แต่ริมกลีบดอกตอนบนมีสีอมม่วง ยังเป็นพันธุ์ที่นิยมอยู่ในตลาดปัจจุบัน

พันธุ์อเมริกันเฮอริเตจ ลักษณะต้นและใบคล้ายพันธุ์ควีนเอลิซาเบธซึ่งเป็นต้นแม่ เป็นพันธุ์ใหม่ที่ยังไม่มีใครปลูกตัดดอก ลักษณะการเจริญเติบโตและทรงดอก ตลอดจนสีของดอก แล้วคาดว่าจะใช้เป็นกุหลาบตัดดอกได้ดีไม่แพ้พันธุ์มอนเตคาร์ไล

จะเห็นได้ว่า มีพันธุ์กุหลาบที่จะใช้ปลูกตัดดอกให้เลือกได้มากมายถึง 40 พันธุ์ แต่ผู้ปลูกส่วนใหญ่มักจะเลือกปลูกแต่พันธุ์ที่มีดอกสีแดง คือพันธุ์คริสเตียนดิออร์และพันธุ์เบลแองจ์ที่มีดอกสีชมพูสองพันธุ์เท่านั้น ทั้งนี้เพราะพันธุ์ ทั้งสองนี้ให้ดอกค่อนข้างดกกว่าพันธุ์ที่มีดอกสีอื่น ๆ อย่างไรก็ตามในการปลูกกุหลาบตัดดอก มิใช่แต่จะมุ่งปลูกพันธุ์ทั้งสองที่ให้ดอกดกเท่านั้น แต่ควรจะปลูกพันธุ์ที่มีดอกสีอื่น ๆ คละกันไป อันจะทำให้ดอกกุหลาบที่ตัดดอกไปมีสี หลากสี แต่ก็ไม่ควรปลูกสีอื่น ๆ ให้มากนัก หรือถ้าจะปลูกให้มากขึ้นก็ควรจะมีราคาดอกสูงกว่าพันธุ์ที่ปลูกง่ายและดอกดก ทั้งนี้เพราะต้องเอาใจใส่มาก และเสียหายมากกว่า แต่ก็ควรจะมีพันธุ์แปลก ๆ ใหม่ ๆ ไว้เรียกความสนใจจาก ตลาดไว้บ้าง