พริก(CHILLI OR HOT PEPPER)
ชื่อของพริกที่มีปลูกกันในบ้านเรา มีผู้เรียกแตกต่างกันออกไปตามแต่ละภาค เช่น
พริกขี้หนู มีชื่อเรียกอื่นๆว่า…ดีปลี ดีปลีขี้นก พริกขี้นก พริกนก พริกแต้ พริกแด้ หมักเพ็ด
พริกชี้ฟ้า มีชื่อเรียกอื่นๆว่า…พริกหลวง พริกแล้ง พริกเดือยไก่ พริกหนุ่ม
พริกยักษ์ มีชื่อเรียกอื่นๆว่า…พริกหวาน พริกมะยม
ทุกคนคงทราบกันดีว่า “พริก” เป็นพืชชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญและผูกพันเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของคนไทยเรามาตั้งแต่โบราณกาล ดังจะเห็นได้จากอาหารที่รับประทานกันในแต่ละมื้อของแต่ละวันนั้นต้องมีพริกเป็นส่วนประกอบในการปรุงแต่งรสอาหาร เครื่องแกงต่างๆ กันทุกครัวเรีอน นอกจากนี้ยังใช้เป็นส่วนผสมของยาต่างๆ ทั้งรับประทานและถูทาภายนอกร่างกาย เช่น ยาช่วยเจริญอาหารและขับลม ขับปัสสาวะ แก้ไข้หวัด แก้ไอ ฯลฯ ตลอดจนใช้ผสมสุราทาบริเวณที่ถูกแมลงกัด หรือต่อย สามารถบรรเทาอาการเจ็บปวดได้ และความเผ็ดร้อนจะช่วยให้ร่างกายขับเหงื่อออกมาเป็นจำนวนมาก จึงเป็นการช่วยกำจัดสารพิษออกจากร่างกายได้อีกทางหนึ่งด้วย
ในปัจจุบันนี้พริกเป็นพืชหนึ่งที่นิยมปลูกกันทั่วไป ทั้งเป็นพืชผักสวนครัวและมีการปลูกกันเป็นอาชีพในทุกภาคของประเทศ ซึ่งสามารถทำรายได้ให้กับผู้ปลูกได้มากพอสมควร จากสถิติการปลูกพริกของประเทศไทยในปีเพาะปลูก ๒๕๒๕/๒๕๒๖ ของกรมส่งเสริมการเกษตร รายงานว่าพริกเล็ก (พริกขี้หนู) มีการปลูกกันมากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ ๗๙,๙๖๘ ไร่ และปลูกรองๆ ลงไปในภาคเหนือ ๗๖,๙๘๑ ไร่ ภาคดะวันตก ๔๓,๗๘๑ ไร่ ภาคใต้ ๓๕,๘๗๒ ไร่ ภาคตะวันออก ๗,๕๐๐ ไร่ และภาคกลางมีการปลูกน้อยที่สุดประมาณ ๖,๘๙๐ ไร่ นอกจากที่กล่าวมาแล้วยังมีการปลูกพริกชนิดอื่นๆอีกมาก โดยเฉพาะพริกใหญ่(พริกชี้ฟ้า) เพื่อใช้ทำเป็นพริกแห้งอีกเป็นจำนวนไม่น้อยเช่นกัน
คุณค่าทางอาหารของพริกขี้หนูและพริกชี้ฟ้า ในส่วนที่รับประทานได้ ๑๐๐ กรัม (จากหนังสือคู่มือเกษตรกร: ๒๕๒๔) มีดังนี้
พลังงาน ๑๐๓.๐ แคลอรี่
ไขมัน ๒.๔ กรัม
คาร์โบไฮเดรต ๑๙.๙ กรัม
เยื่อใย ๖.๕ กรัม
โปรตีน ๔.๗ กรัม
แคลเซียม ๔๕.๐ มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส ๘๕.๐ มิลลิกรัม
เหล็ก ๒.๕ มิลลิกรัม
ไวตามินเอ ๑๑,๐๕๐.๐ หน่วยสากล
ไวตามินบี ๑ ๐.๒๔ มิลลิกรัม
ไวตามินบี ๒ ๐.๒๙ มิลลิกรัม
ไนอาซีน ๒.๑๐ มิลลิกรัม
ไวตามินซี ๗๐.๐ มิลลิกรัม