การทำไร่กาแฟ


พันธุ์กาแฟมีอยู่มากมายหลายชนิด แต่ที่นิยมปลูกกันเป็นการค้า มีอยู่ ๓ ชนิด คือ
๑. กาแฟอราบิก้า มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Coffea Arabica มีความสำคัญมากที่สุด ประมาณ ๙๐ เปอร์เซนต์ของกาแฟที่ปลูกทั่วโลก เป็นกาแฟอราบิก้า  ซึ่งมีคุณภาพเมล็ดหรือคุณภาพในการชง มีกลิ่นหอมดีเยี่ยม
๒. กาแฟโรบัสต้า มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า coffea canephora มีความสำคัญรองลงมา ประมาณ ๙ เปอร์เซนต์ ของกาแฟที่ปลูกทั่วโลก คุณภาพเมล็ด หรือคุณภาพในการชง เป็นกลาง กลิ่นหอมสู้กาแฟอราบิก้าไม่ได้
๓. กาแฟลิเบอริก้า มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Coffea liberica มีความสำคัญน้อยที่สุด ประมาณ ๑ เปอร์เซนต์ คุณภาพต่ำ มีรสขมกว่า ใช้เป็นตัวผสมในกาแฟอื่น
ประเทศไทยได้ปลูกกาแฟมาแล้วไม่น้อยกว่า ๖๐ ปี มีอยู่ทั่วๆ ไปถึง ๕๔ จังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางภาคใต้  แต่ก็ยังไม่ปลูกกันเป็นการค้าอย่างจริงจัง  โดยมากจะปลูกเป็นพืชแซมสวนยาง  เพื่อเพิ่มพูนรายได้เสียมากกว่า กาแฟที่ปลูกเป็นกาแฟโรบัสต้า ส่วนทางภาคเหนือก็มีปลูก เช่นที่ อ.ฝาง และหมู่บ้านห้วยตาด เขตนิคมเชียงดาว เชียงราย ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ ฯลฯ
ปัจจุบันกาแฟกำลังเป็นพืชเศรษฐกิจที่ขึ้นหน้าขึ้นตา บนที่สูงในภาคเหนือของประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กาแฟอราบิก้า ในการพิจารณาว่าเป็นพืชที่เหมาะสม สำหรับการส่งเสริมเพื่อปลูกทดแทนฝิ่น หรือช่วยหยุดยั้งการทำไร่เลื่อนลอย  ทำให้ใช้ประโยชน์ที่ดินภูเขาได้ถูกต้องตามความเหมาะสมส่วนหนึ่ง  เพราะกาแฟอราบิก้าสามารถปลูกได้ดีในพื้นที่ที่มีความลาดชันสูง  ซึ่งไม่เหมาะแก่การปลูกพืชไร่ เพราะทำให้เกิดการพังทะลายของดิน กาแฟเป็นไม้พุ่มยืนต้น เก็บเกี่ยวผลผลิตได้หลายปี ทำให้ช่วยยับยั้งการทำไร่เลื่อนลอยได้ส่วนหนึ่ง การเก็บเกี่ยวและกรรมวิธีผลิตเมล็ดกาแฟไม่ยุ่งยาก  ผลผลิตเก็บไว้ได้ไม่เน่าเสียเหมือนผลผลิตเกษตรอื่นๆ บางอย่าง และสะดวกในการขนส่งในบริเวณที่การคมนาคมไม่สะดวก เพราะเมล็ดกาแฟแข็งไม่ชอกช้ำเสียหายระหว่างการขนส่ง ราคาสูงพอสมควร เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ (ตลาดโลก) อย่างไรก็ดี  การที่จะให้ผลดีประสบความสำเร็จก็เช่นเดียวกันกับการผลิตทางเกษตรทั้งหลาย คือ ต้องใช้พันธุ์ดี ให้ผลผลิตสูง โตเร็ว ต้านทานโรคและแมลง ปฏิบัติดูแลรักษาได้ง่ายและเหมาะสม ถึงแม้กาแฟอราบิก้าจะสามารถขึ้นได้ดีในที่สูง และให้เมล็ดที่มีคุณภาพดี ราคาดี แต่ก็ต้องการการปฏิบัติดูแลรักษาที่ดีด้วย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ปุ๋ยจำนวนมาก และการป้องกันกำจัดโรคแมลง  โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคราสนิม ซึ่งถือเป็นโรคร้ายแรงสำคัญที่สุดชนิดหนึ่ง ที่สามารถจำกัดการปลูกกาแฟอราบิก้าได้นอกเหนือจากความสูง เพราะมีประเทศผู้ผลิตกาแฟที่มีชื่อเสียงของโลกหลายประเทศ จำเป็นต้องเปลี่ยนจากการปลูกกาแฟอราบิก้า  เพราะทนต่อการระบาดของโรคนี้ไม่ไหว หันมาปลูกกาแฟโรบัสต้า ซึ่งต้านทานโรคนี้ได้ดี ทั้งที่คุณภาพเมล็ดต่ำกว่า และราคาถูกกว่า แต่การลงทุน การปฏิบัติดูแลรักษาก็ต่ำกว่าเช่นกัน
บริเวณพื้นที่ภาคเหนือมีระดับความสูงแตกต่างกันไป และสามารถปลูกกาแฟได้เหมาะสมทั้ง ๒ ชนิด ดังนั้น นอกจากระดับความสูงจะเป็นปัจจัยพิจารณาในการปลูกกาแฟชนิดใด โดยเฉพาะกาแฟอราบิก้า ควรปลูกในพื้นที่ที่มีระดับความสูง จะให้คุณภาพเมล็ดสูง และการระบาดของโรคราสนิมมีน้อยลงแล้ว จะต้องคำนึงถึงความรุนแรงในการระบาดของโรคและแมลงศัตรู รวมทั้งความสามารถในการปฏิบัติดูแลรักษาของกสิกรด้วย ปัจจุบันโรคราสนิมยังไม่เป็นปัญหาสำคัญนัก  เพราะพื้นที่ปลูกกาแฟอราบิก้ายังจำกัดอยู่ และมีหน่วยงานของรัฐคอยให้ความช่วยเหลือ สามารถควบคุมการระบาดของโรคนี้ได้ แต่ในอนาคตหากการปลูกกาแฟอราบิก้าได้ขยายตัวมากขึ้น จนต้องอยู่ในความดูแลของตัวเกษตรกรเองแล้ว การควบคุมและป้องกันอาจทำได้ไม่ดีพอ อาจเกิดปัญหาขึ้นได้  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ยาป้องกันกำจัดโรคแมลงบนที่สูงนั้น ยังไม่สะดวกในทางปฏิบัติมากมาย ด้วยบริเวณพื้นที่มีความลาดชันสูง ขาดแคลนแหล่งน้ำที่จะใช้ผสมยา การแบกถังฉีดพ่นยา เดินขึ้นลงตามพื้นที่ลาดชันนั้นเป็นงานหนักมาก และในทางปฏิบัติกสิกรชาวเขามักละเลยการฉีดพ่นยาในไร่กาแฟของตนเอง ทั้งๆ ที่ได้รับความสะดวกด้านเครื่องใช้และสารเคมีทุกอย่าง มีเพียงน้อยรายมากที่ปฏิบัติตามคำแนะนำและดูแลรักษาอย่างดี ซึ่งก็มักจะเป็นเพราะสภาพของไร่กาแฟอำนวนให้ด้วย เช่น ความลาดชันไม่สูงนัก มีแหล่งน้ำอยู่ใกล้พอสมควร
โดยเหตุดังกล่าว ถึงแม้กาแฟอราบิก้ากำลังเป็นที่กล่าวขวัญขึ้นหน้าขึ้นตามาก ในการส่งเสริมให้ปลูกกันอย่างกว้างขวาง ก็ไม่ควรมองข้ามกาแฟโรบัสต้าไปเสียทีเดียว
ที่มา:อนันต์  อิสระเสนีย์