มะผู้มะเมีย

Common name : Cordiline

Scientific name : Cordiline spp.

Family : Liliaceae

มะผู้มะเมียเป็นไม้ใบที่มีสีสันงดงาม และเป็นไม้ประดับต้นหนึ่งที่มีความงามและนิยมกันมากในเมืองไทยเราพบมะผู้มะเมียปลูกเป็นไม้ประดับกันอยู่ทั่ว ๆ ไป นอกจากจะมีคุณสมบัติในความงามแล้วยังขยายพันธุ์และปลูกได้ง่าย ๆ ไม้ประดับต้นหนึ่งที่มีความงามและนิยมกันมาก ในเมืองไทยเราพบมะผู้มะเมียปลูกเป็นไม้ประดับกันอยู่ทั่ว ๆ ไป นอกจากจะมีคุณสมบัติในความงามแล้วยังขยายพันธุ์และปลูกได้ง่าย ๆ จึงนิยมปลูกกันเป็นไม้ประดับทั่ว ๆ ไป ทั้งที่ปลูกลงดินและปลูกเป็นไม้กระถาง ลักษณะของมะผู้มะเมียนั้นคล้ายกับพันธุ์ไม้พวกดราแคนน่า ในทางพฤกษศาสตร์นั้น ดอกของมะผู้มะเมียมีขนาดดอกเล็กกว่าดอกของพวกดราแคนน่า และรังไข่ของมะผู้มะเมียก็ต่างกันกับของดราแคนน่า คือ รังไข่ของมะผู้มะเมียนั้นประกอบด้วยไข่อ่อน (ovules) หลายฟอง หรือเมื่อเกิดเป็นเมล็ดมีหลายเมล็ด ส่วนของดราแคนน่ามีรังไข่ที่มีไข่ (ovules) ฟองเดียว เมื่อเกิดเป็นเมล็ดก็มีเมล็ดเดียวในรังไข่หนึ่งรังไข่

มะผู้มะเมีย ทั้งชนิดที่เป็นต้นไม้ (Trees) และเป็นไม้พุ่ม (shrubs) ส่วนมากมีลำต้นเดี่ยว แต่บางชนิดบางพันธุ์หรือบางโอกาสก็แตกกิ่ง แตกแขนงออกจากต้นเดิมก็ได้ ใบจะแตกออกที่ยอดของลำต้น หรือยอดกิ่งที่แตกออก บางชนิดมีลำต้นสูง 35-40 ฟุต ใบมีสีสันต่าง ๆ กัน ตั้งแต่สีเขียวแก่ สีเขียวอ่อน สีชมพู สีแดง สีกุหลาบ หรือหลาย ๆ สีรวมกันในใบเดียวกัน เช่นพวกที่เรียกว่า “สามสี” (Ti-plant) ดอกไม้สวยงามเป็นช่อ ดอกมีขนาดเล็ก ๆ สีชมพูหรือ สีขาว มะผู้มะเมียอยู่ในวงศ์ Lily หรือ Family Liliaceae

มะผู้มะเมียมีถิ่นกำเนิดในเขตร้อน เช่น อินเดีย ไทย มาเลเซีย หมู่เกาะทะเลใต้ (South Pacific) บราซิล ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์

พันธุ์

มะผู้มะเมียมีหลายชนิดหลายพันธุ์โดยเฉพาะ ชื่อภาษาไทยมีมากมายเช่นเดียวกับพวกบอน, โกสน, เยอร์บีร่า, หน้าวัว ฯลฯ จนไม่ทราบว่าชื่อนั้น ๆ เป็นชื่อสกุล (genus) และชนิด (spe­cies) ใด แต่ส่วนมากเป็นพันธุ์ลูกผสม เช่นลูกผสมของ Cordiline terminalis ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในอินเดีย ใบมีสีหลายสีเรียกว่า Ti-plant of Flawaii ต้นสูง 6-8 ฟุต

Cordiline stricta

เป็นพันธุ์ของออสเตรเลีย เจริญงอกงามได้ดีในที่กลางแจ้ง ลำต้นสูงชลูด 6-10 ฟุต ถ้าตัดแต่งต้นแล้วจะแตกกิ่งแตกแขนงเป็นพุ่มได้เหมือนกันใบแคบยาว 18-30 นิ้ว สีเขียว ใบกว้าง 1 นิ้วถึง 1.5 นิ้ว ต้นโตและแก่จะออกดอกเป็นช่อสีน้ำเงินอ่อน

ส่วนพันธุ์ที่มาจากนิวซีแลนด์มี 2-3 ชนิด ขึ้นได้ดีในที่กลางแจ้ง ต้นสูง 10-14 ฟุต

Cordiline banksii ใบแคบยาว ชนิด (Variety) erythorachis ขอบใบสีแดง

Cordiline indivisa ใบใหญ่หนากว้าง ใบยาว 3-4 ฟุต กว้าง 2-4 นิ้ว มีสีส้มที่เส้นกลางใบ ชนิด cuprea ใบมีสีทองแดง

การขยายพันธุ์

มะผู้มะเมียขยายพันธุ์ได้ง่าย โดยการตัดชำ (cutting) กิ่งหรือตอนยอด นาน 2-3 อาทิตย์ ก็ออกรากตาอยู่รอบ ๆ ต้นและรอบกิ่ง ถ้าใช้กิ่งปักชำ ให้ตัดต้นหรือกิ่งเป็นท่อนยาวประมาณ 3-5 นิ้ว ปักลงในกระบะชำทรายหรือถ่านแกลบก็ได้ ถ้าหากจะใช้วิธีขยายพันธุ์โดยการแบ่งกอ ก็อาจทำได้ ถ้าหากปลูกในกระถางมีหน่อแตกขึ้นมาจากโคนต้นได้ดีนี้ เมื่อเปลี่ยนกระถางใหม่ อาจใช้มีดคม ๆ ตัดโคนต้นใต้ดินให้หน่อใหม่มีรากติดมาด้วยนำไปปลูกก็ได้ การขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดทำกันในเมื่อต้องการลูกผสมในการผสมพันธุ์เท่านั้น

การดูแลรักษา

มะผู้มะเมียชอบดินที่มีอาหารพืชมาก ๆ มีพวกอินทรีย์วัตถุสูงและมีความชื้นสูงด้วย บางชนิดไม่ชอบแสงแดดจัด จะเจริญเติบโตได้ดีในที่ร่มรำไร แต่ก็มีหลายชนิดที่ชอบขึ้นในที่กลางแจ้งถูกแสงแดดโดยตรง บางชนิดถูกแสงแดดชนิดที่มีลำต้นสูงชลูดและลำต้นไม่แข็งแรงพอที่จะต้านทานน้ำหนักของใบที่ยอดได้ จะทำให้ต้นอ่อนโน้มลง อาจทำให้ต้นหรือกิ่งหักได้ จึงควรมีหลักไม้ปักมัดผูกยึดลำต้นให้ตั้งตรงไว้ด้วย

ส่วนการดูแลอื่น ๆ เช่นการให้น้ำ และโรคแมลงคงเหมือนพันธุ์ไม้ทั่ว ๆ ไป

ในเมืองไทยปัจจุบันนี้มีผู้ปลูกมะผู้มะเมียไว้ตัดใบขาย เพราะตลาดต้องการใบมะผู้มะเมียที่มีสีสันไปจัดดอกไม้ด้วย จึงตัดใบขายได้ในราคาร้อยละ 15-20 บาท อาจสูงกว่านั้น ทั้งนี้แล้วแต่ฤดูกาลและความต้องการของตลาด ดอกไม้ โดยตรงจะทำให้ใบไหม้เป็นวงกลมหรือปลายใบไหม้ มะผู้มะเมียส่วนมากที่มีสีเขียวจะทนแดดได้ดีกว่าพวกที่มีสีสันมาก ๆ

ในการปลูกมะผู้มะเมียในกระถางนั้น ดินปลูกควรมีส่วนผสมระหว่างดินร่วนอย่างดี 3 ส่วน ใบไหม้ผุหรือปุ๋ยหมัก 2 ส่วน ทรายหยาบหรืออิฐหักขนาดเล็ก 2 ส่วน ปุ๋ยคอกที่แห้งดีแล้ว 1 ส่วน ใบปีที่สอง หลังจากที่ปลูกในกระ ถางแล้ว ถ้าหากรากแตกจากลำต้นเหนือดิน ให้เติมดินร่วนลงในกระถางอีกเพื่อปิดรากหรือกลบโคนต้น