จำพวกว่านเศรษฐีนี้ สมัยโบราณครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี รู้จักว่านชนิดนี้กันเพียง 3 อย่างเท่านั้น คือ
1. ว่านเศรษฐีธรรมดา หรือที่เรียกกันว่า ว่านเศรษฐีเรือนกลาง
2. ว่านเศรษฐีเรือนนอก
3. ว่านเศรษฐีเรือนใน
3 อย่างนี้ ต่อมาถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ จึงเกิดมีพวกว่านเศรษฐีเพิ่มขึ้นมาอีก 5 อย่าง คือ
1. ว่านเศรษฐีขอด หรือกวัก
2. ว่านเศรษฐีชะม่อม
3. ว่านเศรษฐีด่าง(หรือโคนด่าง หรือว่านกวักเงินกวักทอง)
4. ว่านเศรษฐีมงคล (หอมดำ)
5. ว่านเศรษฐีนางกวัก หรือมหาเศรษฐี(หัวเท่าว่านนางล้อมดอกขาวเป็นขอบกระด้ง)
ต่อมามีพวกไม้จำพวกเลี้ยงง่าย งอกงามเจริญรวดเร็ว เป็นของเสี่ยงทายถึงวาสนาเจ้าของผู้ปลูกในต่างประเทศนิยมกัน ซึ่งแต่เดิมมานั้น พืชเหล่านี้ ท่านพวกเศรษฐีคฤหบดีผู้มีทรัพย์นิยมไม้ประดับใส่หรือปลูกไว้ในกระถางลายคราม ที่หายากมีราคาแพงๆ ตั้งไว้ในที่รับแขก เป็นการอวดมั่งอวดมีของตน ต่อมาความนิยมอันนี้จึงได้ติดต่อมาจนถึงประเทศไทยเราด้วย เพราะเหตุว่าเป็นไม้ที่พวกท่านเศรษฐีชอบปลูกเลี้ยง จึงพลอยได้ชื่อว่าเป็นพวกเศรษฐีไปด้วย
ในสมัยตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ได้ประมาณ ค่อนศตวรรษ ประมาณ พ.ศ. 2470-75 มีว่านจำพวกเศรษฐีนำหน้าพืชที่ปลูกใส่กระถางรวม 11 ชื่อด้วยกัน ในหนังสือว่านกับคุณลักษณะของท่านอาจารย์เลื่อน กัณหะกาญจนะ ท่านเขียนไว้ว่า คุณจงรักษ์ ศรีสมบูรณ์ ได้เขียนวิจารณ์ ไว้ใน วารสารปีที่ 21 ฉบับที่ 1 มกรา-มีนา 2506 แต่หน้า 63 ถึง 71 โดยละเอียด เพื่อให้ท่านเข้าใจเรื่องราวของท่านเศรษฐีบ้างพอสมควร จึงได้ลอกมารวมไว้ในที่นี้ เพิ่มเติมว่านเศรษฐีอีก 3 ชนิดคือ
1. ว่านเศรษฐีจีน
2. ว่านเศรษฐีญวน
3. ว่านเศรษฐีเแขก
ว่านเศรษฐี ทั้ง 11 ชนิดนี้ ได้แพร่หลายออกมาจากบ้านพวกคฤหบดี และบ้านเจ้าบ้านนาย หลังจากเปลื่ยนแปลงการปกครองเมื่อ พ.ศ. 2475 จนเป็นที่รู้จักกันบ้างในพวกคฤหบดี และบ้านเจ้าบ้านนายหลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ พ.ศ. 2475 จนเป็นที่รู้จักกันบ้างในพวกสามัญชน จนแพร่หลายได้รู้จักกันมาเป็นที่นิยม จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ ได้เกิดมีว่านเศรษฐีนี้เพิ่มขึ้นอีก ตามหนังสือของอาจารย์เลื่อนลงไว้อีก 5 ต้น คือ
1. ว่านเศรษฐีขอด (กอบทรัพย์)
2. ว่านเศรษฐีใบพาย หรือ ว่าน
นางกวักทอง
3. ว่านเศรษฐีเรือนเตี้ย
4. ว่านเศรษฐีใยโพธิ์
5. ว่านเศรษฐีเรือนใหญ่ และได้รับคำแนะนำจากอาจารย์หล่อ ขันแก้ว อีก 1 ต้น คือ ว่านเศรษฐีเรือนแก้ว