เทคนิคการขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ

เทคนิคการขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ

รศ.สุนทร  ปุณโณทก

บทบรรยาย  เนื่องในการอบรมไม้ดอกไม้ประดับ หลักสูตรพิเศษ แก่ประชาชน “งานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ” ณ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว เมื่อวันที่ 15  สิงหาคม  2527  เวลา 13.00 – 18.00 น.

งานเพาะปลูกพืชต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพืชไร่ พืชสวน หรือการป่าไม้ก็ตาม  สิ่งหนึ่งที่นับเป็นหัวใจของการเพาะปลูก  ซึ่งผู้ประพฤติปฏิบัติต้องมีความรู้ความเข้าใจ  มิเพียงแต่รู้จดรู้จำเท่านั้น  ยังต้องรู้แจ้งรู้จริง นั่นคือ “งานขยายพันธุ์พืช” ถ้ารู้หลักการขยายพันธุ์เป็นอย่างดีแล้ว  ความสำเร็จในอาชีพด้านการเพาะปลูกจะมีมากขึ้น

มนุษย์เรียนรู้การขยายพันธ์พืชมาช้านาน  ด้วยอาศัยการสังเกตพินิจพิเคราะห์อย่างให้ความสนใจ  สันนิษฐานว่าเดิมทีคงเก็บผลไม้ในป่าบริโภค  เมื่อเห็นว่าอร่อยไม่เป็นพิษเป็นภัย  จึงเก็บไปฝากลูกฝากเมียที่บ้าน  เมื่อกินเนื้อผลไม้หมดแล้ว  เมล็ดที่เหลือก็โยนทิ้งรอบบริเวณบ้านนั่นเอง  เมล็ดเหล่านั้นพอได้รับสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม  ก็งอกงามขึ้นมาเป็นต้น  เจริญเติบโตออกดอกออกผล

เมื่อมนุษย์รวมตัวกันเป็นสังคมอยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง  รู้จักปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์บางชนิด  มีความจำเป็นต้องตัดไม้มาปักลงดินทำรั้วกั้นคอกป้องกันการรบกวนของสัตว์ป่า  ไม้ที่ปักลงดินเหล่านั้นเกิดแทงยอดแตกใบเจริญขึ้นเป็นพืชต้นใหม่ได้  จึงได้ความรู้การขยายพันธุ์ด้วยการตัดชำ

ต้นไม้บางชนิดแตกหน่อแทงยอดเจริญเป็นต้นขึ้นมาตามรากแก่ ก็สามารถสกัดรากขุดล้อมมาปลูกได้

กิ่งของไม้ยืนต้นที่เบียดกันนาน ๆ สามารถเชื่อมติดเป็นเนื้อเดียวกันได้  ซึ่งเป็นแนวคิดในการทาบกิ่งในเวลาต่อมา

มนุษย์เป็นสัตว์ที่ไม่หยุดยั้งความคิด มีความคิดคำนึงเพ้อฝันไปต่าง ๆ นานา ได้พัฒนาความคิดและฝีมือ  มีการค้นคว้าทดลองวิจัยปรับปรุงเปลี่ยนแปลงวิธีการขยายพันธุ์พืชให้เจริญก้าวหน้าเรื่อยมา  ได้ศึกษาและเรียนรู้เรื่องของต้นไม้ในแง่มุมต่าง ๆเสมอมา  จึงเกิดวิธีการขยายพันธุ์ไม้แปลก ๆ ใหม่ ๆ มากมาย

การขยายพันธุ์พืชจะบังเกิดผลดีหรือไม่เพียงไรนั้น  ผู้ปฏิบัติจะต้องมีพื้นฐานความรู้หรือกลไกของต้นไม้อยู่บ้าง  เช่นรู้รูปพรรณสัณฐาน รู้หน้าที่ในส่วนต่าง ๆ ของพืช รู้นิสัยต้นไม้แต่ละชนิดแต่ละพันธุ์ว่าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร มีความเป็นอยู่กันอย่างไร รู้แหล่งกำเนิดตามธรรมชาติตลอดจนสภาพแวดล้อมของต้นไม้นั้น ๆ ดีพอ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการขยายพันธุ์ไม้ต่าง ๆและบังคับให้ต้นไม้เหล่านั้นเจริญเติบโต ผลิตดอกออกผลตามที่ใจปรารถนา

คนรักต้นไม้ ปลูกต้นไม้ ต้องมีศิลปะหรือเทคนิคการขยายพันธุ์ มีความชำนาญ ที่สำคัญจะขาดเสียมิได้ก็คือ ต้องมีความรักความสนใจเป็นเดิมพัน  จึงจะประสบความสำเร็จง่ายเข้า

เคยตั้งคำถาม ๆ ลูกศิษย์ “เธอปลูกต้นไม้  ทำอย่างไรต้นไม้จึงจะงาม?”

“หมั่นรดน้ำใส่ปุ๋ยป้องกันโรคแมลงครับ” เกือบทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน

“ถ้าเธอผลัดวันประกันพรุงล่ะต้นไม้จะงามได้ไหม?”

ทุกคนพากันนั่งอึ้ง

“ปลูกต้นไม้ให้งามไม่ใช่แค่รดน้ำใส่ปุ๋ยเท่านั้น แต่ต้องใส่ความรักให้ด้วย” ถ้าเธอไม่รักไม่ชอบจริง ๆ แล้วจะคอยเฝ้าประคบประหงมหยอดน้ำให้ปุ๋ยไหม?

คนรักต้นไม้ ปลูกต้นไม้ ต้องมีธรรมะประจำใจเช่นเดียวกับการเลี้ยงสัตว์ เลี้ยงแมว เลี้ยงหมาก็ต้องมีใจเมตตา เรียนหนังสือก็ต้องมีธรรมะข้ออิทธิบาทสี่ มีความพากเพียรอุตสาหะวิริยะ

อันความรู้ความสามารถนั้นเป็นสิ่งจำเป็น แต่ไม่ใช่สิ่งสำคัญ ที่สำคัญและจำเป็นต้องมีก็คือ ความกระตือรือล้นต่างหาก  คนเราถึงจะมีความรู้ความสามารถสูง  ถ้าขาดความกระตือรือล้นในการประกอบกิจการงานก็เอาดีไม่ได้ เข้าตำรา “ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด” ดูอย่างเศรษฐีหลายคน  เขามีประวัติการทำงานตั้งหลักฐานน่าสนใจ  บางรายเริ่มตั้งแต่เข็นรถขายก๋วยเตี๋ยวเร่ขาย  พอขายดีก็อาศัยจอดหน้าร้าน  เผลอพักเดียวเซ้งห้อง ซื้อตึกแถวเข้าไปขายไปอยู่ในร้านเสียแล้ว  พูดถึงความรู้ความสามารถกันแล้วก็ไม่เห็นมีอะไร  การศึกษาก็ไม่ได้เรียนสูงส่งอะไรมากนัก  แต่ทว่าเขามีความกระตือรือล้นตรงที่พยายามหาทางปรับปรุงสินค้าของเขาให้ผู้ซื้อติดใจ  กิจการก็เจริญก้าวหน้าตามลำดับจนมีสาขาแยกออกไปหลายแห่ง  บรรลุความสำเร็จในอาชีพ

ชาวสวนจันทบุรีเมื่อสิบกว่าปีก่อนโน้นทาบกิ่งเงาะกิ่งทุเรียน  ตั้งร้านเล็ก ๆวางขายริมทางหลวง ขายได้บ้างไม่ได้บ้าง  เดี๋ยวนี้ผ่านไปพบมีตึก 2-3 ชั้นใหญ่โต ร่ำรวยกันทุกราย

เพื่อนเรียนเกษตรรุ่นเดียวกับผมคนหนึ่ง นับตั้งแต่เรียนจบออกมาทำงาน 20 กว่าปีมานี้ เขาจัดรายการวิทยุด้วย ขายพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ด้วย เอ่ยชื่อออกมาหลายคนคงร้องอ๋อ คุ้นเคยและรู้จักชื่อเสียงของเขาดี  เดี๋ยวนี้ทุกคนในรุ่นยอมรับว่า  เพื่อนของผมผู้นั้นมีฐานะทางการเงินดีที่สุด

ผมกำลังปลุกระดมทุกท่านที่มาเข้ารับการอบรมไม้ดอกไม้ประดับ หลักสูตรพิเศษในคราวนี้ โปรดหันมาให้ความสนใจการขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับกันให้มากเข้าไว้ เก็บเงินเก็บทองเอาไว้ส่งแชร์ ส่งดอกเบี้ยขจัดความยากจนกันเสียที  กลับไปเที่ยวนี้ผมเอาด้วยคนหนึ่ง

ขยายพันธุ์พืชกันไปทำไม?

หลายท่านอาจตั้งคำถามอยู่ในใจ ผมขอสรุปสั้น ๆ “เราขยายพันธุ์ไม้ไว้แพร่ขยายปลูกเอง แจกจ่ายญาติมิตร ทำมาก ๆ ก็ขายเป็นรายได้พิเศษ และ

ก.  เพื่อถนอมรักษาต้นไม้พันธุ์ดีไว้มิให้สูญไป  สมมติว่าที่บ้านเรามีมะม่วงหรือขนุนพันธุ์ดีอยู่ต้นหนึ่ง  คือดีทั้งปริมาณ (ผลดก ออกตลอดปี) และดีทั้งคุณภาพ (รสชาติดี) เก็บเมล็ดมาเพาะกว่าจะใช้ผล ต้องใช้เวลาประมาณ 5-6 ปี ต้นที่ได้ใหม่มักจะกลายพันธุ์ ไม่เหมือนต้นเดิม  ใช้วิธีตัดชำไม่ได้ผล  ครั้นจะตอนกิ่งหรือก็เปลืองกิ่งพันธุ์ได้ผลน้อย  คงเหลือวิธีติดตา  ต่อกิ่ง และทาบกิ่ง ซึ่งต้องใช้ความชำนาญสูง  ถ้าเรามีฝีมือทำได้ จากต้นเดียวจะสามารถแพร่พันธุ์ออกไปเป็นร้อยเป็นพัน  นอกจากขยายปลูกเองจนพอใจแล้ว  ยังมีโอกาสจำหน่ายจ่ายแจกและสืบพืชพันธุ์ดีไว้ไม่ให้เสื่อมสูญ

ข.  เพื่อเพิ่มปริมาณทวีจำนวนต้นไม้พันธุ์ดีให้มีมากขึ้นอย่างรวดเร็ว  นักเลงต้นไม้ปลูกต้นไม้ให้สนุกเพลิดเพลิน ย่อมมีวิธีบังคับต้นไม้(ไม้ตาย) ให้เป็นไปตามที่ตนต้องการได้ เช่น ต้องการทวีพันธุ์ไม้ให้ได้จำนวนตามกำหนด อยากให้ต้นไม้แตกกิ่งก้านสาขามาก ๆ อยากให้ตกดอกออกผลเมื่อใดก็ทำได้  ปลูกต้นไม้เลี้ยงต้นไม้ บังคับกันไม่ได้ สั่งกันไม่ได้ก็หมดสนุก หมดความบันเทิง มีความวิตกกังวลไปต่าง ๆ นานา ไม่ทราบว่าต้นไม้ของเราปีนี้จะผลิดอกออกผลหรือไม่หนอ? จะเป็นหรือตายก็ไม่รู้ ทำยังไงต้นมันจึงจะโตจะงามตามใจเรา

หลายต่อหลายคนคิดเอาว่าร่ำเรียนทางเกษตรมา  ต้องปลูกต้นไม้อะไร ๆ ได้ ขยายพันธุ์ไม้ต้องเก่ง ผมว่าเรื่องพรรค์นี้มันอยู่ที่ความสนใจและมีใจรักมากกว่า  หมั่นฝึกซ้อมวิทยายุทธจนช่ำชอง  รู้ยุทธศาสตร์ของการขยายพันธุ์ ฝึกฝนจนกระทั่งเห็นต้นไม้ก็รู้ว่าจะขยายพันธุ์ได้อย่างไรนั่นแหละ  บางคนเวลาเรียนวิชาขยายพันธุ์พืชได้เกรดเอ หรือได้ ก. แต่เวลาทำจริงไม่ได้เรื่องซักที เก่งแต่ทฤษฎี บางคนจบปริญญาเอกทางเกษตรมา ปลูกต้นไม้ที่ไรตายทุกที

การขยายพันธุ์ไม้ จะว่าง่ายมันก็ง่ายจะว่ายากมันก็ยาก เลียนแบบกันไม่ได้  ไม่ใช่เอาตำรามากางแล้วทำตามก็ทำได้ มันมีขั้นตอน มีจังหวะจะโคนของมัน ต้องเป็นคนช่างสังเกต รู้ธรรมชาติของพืชชนิดนั้น ๆ ใช้ศิลปะอย่างสูง  ผมเองตลอดระยะเวลา 20 กว่าปีที่ผ่านมานี้  ไม่เคยว่างเว้นจากการฝึกซ้อม เพราะเกรงว่า “สามวันเว้นซ้อมขยายพันธุ์  เป็นอื่น” ที่พูดมานี้ไม่ได้หมายความว่าผมยกตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญอะไรดอกนะ

“เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนืออาจารย์สุนทรก็ยังมีอาจารย์สนั่น”

ใช่ครับ/ผู้ช่วยศาตราจารย์สนั่น  ขำเลิศ แห่งภาควิชาพืชสวนและเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขนนี่แหละ  ท่านเป็นเอกทางด้านนี้ เยี่ยมวรยุทธจริง ๆ ข้าฯ ผู้น้อยขอคาระวะ

การขยายพันธุ์ เราถือหลักที่ว่าใช้วิธีที่ง่ายที่สุด  ประหยัดกิ่งพันธุ์ที่สุด  ทำได้คราวละมาก ๆ และคงลักษณะประจำพันธุ์เดิมไว้ไม่เปลี่ยนแปลง”

ผมมีความคิดอย่างนี้ “ถ้าเราฝึกฝนการขยายพันธุ์ไม้ให้เป็นไว้ทุกรูปแบบ ผสมดินถุงได้ยุคไหนสมัยไหนใครเขาเล่นอะไร ไม่ว่าจะเป็นว่าน บอนสี บอนไซ โกสน ไม้ดอกไม้ประดับอะไรเราก็เล่นกับเขา ขยายพันธุ์ขายก็ได้ ผสมดินถุงขายก็เอา รับรองได้กินหมดทุกตา”

เจอชะบาดอกสวย ๆ ขอยอดมาสัก 2 ยอด ใส่ถุงพลาสติก เอายางรัดปากถุง หิ้วกลับบ้าน พอถึงบ้านก็จัดแจงจัดการติดตาต่อกิ่งเข้ากับต้นตอที่เรามีอยู่ เป็นได้ความ ไม้ดอกไม้ประดับบางชนิดเด็ดมาเพียงใบสองใบใส่ถุงอย่างว่า ก็นำมาชำใบให้เกิดรากแทงยอดเป็นต้นได้ครับ

“นักเพาะชำที่ดี ต้องมีความรู้สึกไวต่อพันธุ์พืชใหม่ ๆ แปลกหูแปลกตา เป็นนักสะสมพันธุ์ไม้และกระหายใคร่ลองวิชาอยู่เสมอ”

ขอยกอุทาหรณ์สักเรื่องหนึ่งมาเล่าสู่กันฟังพอเป็นแนวทาง สมมติว่าท่านมีมะนาวดีอยู่ต้นหนึ่ง ต้นเตี้ยผลดก ให้ผลทั้งปี เปลือกบาง น้ำมาก รสดีอะไรทำนองนี้ คิดจะตอนกิ่งต้นหนึ่งจะตอนไม่ได้กี่กิ่ง ไม่เกินสิบกิ่ง เพราะเปลือกกิ่งพันธุ์ ต้องการสิบ ๆ กิ่ง ใช้วิธีตัดชำก็พอได้ พอข่าวนี้แพร่กระจาย ผู้คนอยากได้พันธุ์ไปปลูกบ้าง สั่งซื้อเป็นร้อย ๆ กิ่ง ราคาไม่เกี่ยง  ท่านอาจตัดทอนกิ่งให้เหลือยาวเพียงข้อสองข้อ ยังพอทำได้ ข่าวยิ่งแพร่สะพัดไปเหมือนเมื่อครั้งว่านโด่งบอนดัง มีคนมารุมขอซื้อเป็นพัน ๆ กิ่งล่ะ  ท่านจะทำอย่างไร เงินรึก็อยากได้ แต่ไม่มีของให้เขา

เอาอย่างนี้สิครับ  เด็ดใบแก่ ๆ มาปักชำในทราย ทรายหยาบที่ใช้ในการก่อสร้างนั่นแหละครับ หรือ ในทรายผสมถ่านแกลบครึ่งต่อครึ่งก็ได้  โดยปักก้านใบและฐานให้จมลึกลงไปในทรายกะดูว่าแผ่นใบตั้งชี้  และเวลารดน้ำก้านใบไม่ลอยขึ้นมาเหนือทรายเป็นใช้ได้ รดน้ำให้ชุ่มวันละ 2 เวลา  วางไว้ในที่รำไรประมาณ 15-20 วัน รากจะงอดที่โคนของก้านใบ  ทิ้งไว้ 1-2 เดือน บริเวณโคนของก้านใบจะขยายโตขึ้น และค่อย ๆแทงยอดขึ้นมา ใบหนึ่งจะให้กำเนิดมะนาวต้นหนึ่ง

เอาล่ะซี ต่างจังหวัดสั่งซื้อมาเป็นเรือนหมื่น จะว่าอย่างไร

เป็นผมเลือกใช้วิธีนี้ครับ ตัดใบออกเป็นชิ้น ๆ นำไปวางบนอาหารวุ้น เช่นเดียวกับการเพาะกล้วยไม้ในขวดวุ้นยังไงยังงั้น  ประมาณ 1 เดือน  ใบมะนาวชิ้นหนึ่งจะงอกรากแทงยอดได้มะนาว 1  ต้น

ทีนี้ว่ากันเป็นแสนเรือนล้านต้นจะทำได้ไหม? ได้ซีครับ เราก็นำใบหรือตามะนาวเข้าครกไฟฟ้า เติมน้ำกลั่นลงไปปั่นจนแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย  ใช้หลอดแก้วดูดเอาชิ้นส่วนที่ปั่นได้นี้  พ่นและเกลี่ยบนผิวหน้าวุ้นอาหารภายในขวด  ปิดปากขวด วางขวดไว้ในร่มในราว 1 เดือน คราวนี้ต้นมะนาวงอกขึ้นเหมือนแหนเลย นับไม่ถ้วน เช่นเดียวกับการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อต้นไม้อื่น ๆ

เห็นไหมครับ  จากมะนาวพันธุ์ดีเพียงต้นเดียว  ถ้ารู้ยุทธศาสตร์การขยายพันธุ์อย่างลึกซึ้งอาจจะหาเงินมาใช้สอยได้ไม่ยากใช่ไหมครับ  ดีเสียว่าขายต้นละร้อย ชั่วระยะเวลาเพียงเดือนสองเดือน จะโกยเงินเป็นเรือนแสนเรือนล้านทีเดียว

รวบรวมพันธุ์ไม้ชนิด “หนึ่งในสยาม” ดีด้วยคุณภาพ มากด้วยปริมาณจำนวนหนึ่ง ขยายพันธุ์ขายเลี้ยงตัวตอนแก่ สบายไปหลายอย่าง เป็นหลักประกันอนาคต

กลวิธีการขายต้นไม้ ต้องว่ากันอีกตอนหนึ่งต่างหาก ขอมอบคาถาการขายต้นไม้ไว้ให้หน่อยหนึ่งก็แล้วกัน

“ซื่อสัตย์(ตรงตามพันธุ์)ราคายุติธรรม บริการทุกระดับประทับใจ”

คนขายต้นไม้บางคนมีใจโลภเห็นแกได้ ถือโอกาส ขาดคุณธรรม ไม่ละอายใจ  ไร้สัตย์ซื่อมีอย่างที่ไหน ถามซื้อกิ่งตอนกุหลาบมีไหม?..มี/สีชมพู สีขาวมีไหม..?…มีทั้งนั้น พอเอาไปปลูกออกดอกมาเป็นสีแดงหมด

กิ่งตอนมะลิ ก็เอาข้าวเปลือกคลุกดินหุ้มกิ่งตอนแช่น้ำคืนหนึ่ง รากข้าวสีขาวแทงออกมายุ่บยั่บก็เอามาหลอกขาย

เสนอราคาเท่าไรก็ว่ากันไป พอใจซื้อก็ซื้อ ซื้อไปแล้วไม่ตรงตามพันธุ์ถูกย้อมแมวขาย เสียเงิน เสียเวลา เสียรู้ เสียใจ เสียความรู้สึก พวกเราจะว่าอย่างไร ที่มาชุมนุมกัน ณ ที่นี้ในวันนี้  มีทั้งนักเลงต้นไม้ขนานแท้และนักเลงต้นไม้สมัครเล่น  มีทั้งผู้มีอาชีพขายต้นไม้และนักซื้อต้นไม้ เราจะขจัดสิ่งเลวร้ายเช่นนี้ให้หมดไปได้อย่างไร  ควรที่พวกเราน่าจะคิดสร้างค่านิยมที่ดีเอาไว้บ้าง

เราเล่นว่านเล่นบอนดังสุดขีดแล้วก็ดับ เล่นบอนไซฮือฮาทั่วสักครู่ก็เลิกรา  ไม้ดอกไม้ประดับต่าง ๆ เล่นกันมานักต่อนักไม่เห็นทนสักอย่าง ที่เป็นเช่นนี้เพราะเราไม่ได้เล่นต้นไม้เพื่อแสวงหาความสุขอย่างแท้จริง แต่เล่นต้นไม้เพื่อหวังร่ำรวย เราไม่ได้เล่นต้นไม้เพื่อศิลปะ แต่เล่นต้นไม้ โดยใช้ต้นไม้เป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ใส่ตัว มันก็พังเท่านั้นเอง

ค.  เพื่อหาความรู้ความชำนาญ ในการขยายพันธุ์ไม้ในรูปแบบต่าง ๆ

“ความรู้หรือทฤษฎีต่าง ๆ อาจบอกกันได้ แต่ประสบการณ์และความชำนาญบอกกันไม่ได้” ความรู้ที่ได้จากการบอกเล่าหรือจากการอ่านหนังสือเป็นประสบการณ์รอง ความรู้ที่เกิดจากการปฏิบัติด้วยตนเอง เป็นประสบการณ์ตรง ประสบการณ์และความชัดเจนนี่บางครั้งได้มาด้วยความเจ็บปวด หรือบางทีต้องซื้อความโง่ในราคาแพง  เรื่องการขยายพันธุ์พืชก็เช่นกัน เราวัดผลความสำเร็จกันที่ผลงาน  ไม่ใช่จากการคุยโม้โอ้อวด ตอนกิ่งออกรากได้ก็ถือว่าสำเร็จ ติดตา ต่อกิ่ง ทาบกิ่งได้ ก็ถือว่าใช้ได้ มีความรู้ความสามารถ

ความรอบรู้ มีประสบการณ์และความจัดเจนนี่แบ่งกันไม่ได้  ซื้อขายกันไม่ได้  อย่างอยู่ ๆ มีคนมาหาผม แล้วพูดว่า “อาจารย์ครับ กรุณาผมเถอะผมต้องหาเลี้ยงครอบครัว มีลูกก็หลายคน หาไม่ทันกิน อยากได้วิชา(ความรู้) ขยายพันธุ์พืชที่อาจารย์มีอยู่ ขอเงินสัก 3,000 บาท วิชาจัดสวนสัก 5,000 บาท เอาไปเป็นอาชีพ” ผมสงสารครอบครัวนี้อย่างสุดซึ้ง อยากจะสงเคราะห์ จะทำได้ไหม? ถึงอยากจะเถือขายแบ่งขายก็ทำไม่ได้ อย่างที่โบราณว่า “มีความรู้ติดตัวไปจนตาย” นั่นแหละ ใครอยากได้ความรู้อะไร ต้องฝึกปรือด้วยตนเอง  วันนี้ยังทำไม่เก่ง ทำบ่อย ๆนานไปก็เก่งเอง

ผมเคยเห็นเด็กอายุ 10 ขวบเห็นจะได้  แถวบางขุนนนท์ บางกอกน้อย ตอนกิ่ง ทาบกิ่งคล่องแคล่วมาก  ทั้งนี้เพราะพ่อแม่มีอาชีพทางขายต้นไม้

เด็ก ๆ ลูกหลานของเรา ถ้าหัดขยายพันธุ์เป็นไว้บ้างก็จะดี อย่างเช่น ปิดเรียนภาคปลาย ผลมะม่วงกำลังสุกมากในตอนนั้น เก็บเมล็ดมาเพาะลงถุงพลาสติก รดน้ำให้ชุ่ม วางตั้งไว้ในที่รำไรประมาณ 2 เดือน พอลำต้นโตเท่าหลอดกาแฟ  ขายได้ตนละ 2-3 บาท ทำไว้สัก 1,000 ถุง จะได้เงินช่วยค่าเล่าเรียน ค่าขนม  ช่วยครอบครัวได้

บางฤดูต้นตอเหล่านี้ขาดแคลนรับซื้อกันต้นหนึ่งถึง 5 บาท

ถ้ามีฝีมือในการทาบกิ่ง ติดตาหรือต่อกิ่งมะม่วงขาย ต้นหนึ่ง ๆ 30-50 บาท ขายได้สบาย ๆ

เข็มเชียงใหม่ ต้นเล็ก ดอกเล็ก ๆ ชำยอดใส่น้ำไว้ในถุง เพียง 15-20 วัน รากจะงอกออกมาขาวโพลนจับใส่ถุงพลาสติกเล็ก ๆ ก็ขายได้ถุงหนึ่ง 2-3 บาท

ชะบา ต้นดอกสีแดงที่เราปลูกข้างรั้ว ให้ใครก็ไม่มีใครอยากได้ ตัดชำเลี้ยงให้ออกราก ปลูกทำเป็นต้นตอไว้ในกระถาง  นำตาหรือยอดไปติดตาต่อกิ่งบนต้นตอนั้น  ต้นหนึ่งติดหรือต่อเอาไว้สัก4-5 สี ขายต้นหนึ่ง 10-20 บาท  ก็พอมีค่าขนมให้ลูกหลาน

ทำบ่อย ๆ ในไม่ช้าก็ชำนาญไปเอง  สนุกก็สนุก เงินทองจะมีใช้จ่ายไม่ขาดมือ

ง.  เป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองและครอบครัว  ระยะนี้รายได้ไม่สมดุลกับรายจ่าย ค่าครองชีพสูง  อำนาจการซื้อมีกำลังอ่อนตัวลง  เราอาจใช้ความรู้ความสามารถในการขยายพันธุ์ที่มีอยู่เพิ่มพูนรายได้ ช่วยเศรษฐกิจในครอบครัว พ่อลงมือทำ แม่และลูก ๆ ช่วยกัน ความสามัคคีกลมเกลียวในครอบครัวจะเกิดขึ้น สุขภาพกายดี สุขภาพจิตแจ่มใส

ปลูกต้นไม้  อยู่กับต้นไม้ให้ความร่มรื่น ยังความร่มเย็น จิตใจผ่องใส ลดความเครียดจากกิจการงานประจำได้ดี  ชลอความแก่ เป็นยาอายุวัฒนะขนานเอก

 

การขยายพันธุ์พืชแบบ อาศัยเพศ

หมายถึงการขยายพันธุ์พืชที่เกี่ยวข้องกับการใช้เครื่องเพศ คือส่วนของเพศผู้ อันได้แก่ ละอองเกสรตัวผู้(เรณู)กับส่วนของเพศเมีย ได้แกยอดชูเกสรตัวเมีย  รังไข่ และไข่อ่อนเป็นสำคัญ ผลจากการผสมเกสรและจากการผสมพันธุ์จะได้เมล็ดพืช  เมื่อเมล็ดแก่ชำไปเพาะจะงอกเป็นต้นใหม่ขึ้นมา  ฉะนั้นการเพาะเมล็กก็คือ เป็นการขยายพันธุ์พืชแบบอาศัยเพศนั่นเอง

การเพาะปลูกด้วยเมล็ดยังมีความสำคัญและจำเป็นสำหรับพืชพวกล้มลุกต่าง ๆ พืชไร่ พืชใบเลี้ยงเดี่ยว ไม้ป่า ไม้ดอก ผักและไม้ผลบางชนิดอยู่ การเพาะเมล็ดเพื่อใช้ปลูกเป็นต้นตอในการทาบกิ่ง ติดตา ต่อกิ่งและการผลิตเมล็ดพันธุ์ลูกผสม  เพื่อให้ได้พันธุ์ใหม่ ๆ

ปัจจุบันไม้ผลหลายชนิด เราไม่นิยมปลูกด้วยเมล็ดเหมือนแต่ก่อน เพราะต้นที่เกิดมาใหม่มักกลายพันธุ์ไม่เหมือนต้นแม่เดิม ลำต้นหรือก็สูงใหญ่ไม่สะดวกต่อการเก็บเกี่ยวและดูแลรักษาเนื่องจากลำต้นสูงนั่นเอง  จึงมีพุ่มยอดปะทะลมได้มาก  จนเป็นเหตุให้ดอกผลร่วง  การปลูกด้วยเมล็ดให้ผลช้าต้องใช้เวลาเลี้ยงดูนานกว่าจะได้ผลและปลูกได้น้อยต้นในเนื้อที่เท่ากัน เมื่อเปรียบเทียบกับการขยายพันธุ์ด้วยวิธีอื่น  ทั้งนี้เพราะพุ่มใหญ่ รากแผ่กว้างใช้ระยะปลูกระหว่างต้นระหว่างแถวห่างออกไป ด้วยเหตุนี้ในปัจจุบันจึงนิยมเพาะเมล็ดเป็นต้นตอ แล้วในวิธีการติดตา ต่อกิ่ง ทาบกิ่งบนต้นตอนั้นเท่านั้น

เทคนิคบางอย่างในการขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับบางชนิด

ไม้ดอกใหญ่ใช้วิธีการขยายพันธุ์โดยการใช้เมล็ด ซึ่งมีเมล็ดตั้งแต่เมล็ดเล็กละเอียดเป็นผงจนถึงเมล็ดโตเท่าปลายนิ้ว  เพราะยากง่ายแตกต่างกันออกไปตามลักษณะของเมล็ด

เมล็ดเล็กละเอียด ดินที่ใช้เพาะต้องร่อนละเอียด ถ้าดินหยาบเมล็ดจะลอดช่องว่างระหว่างก้อนดินลงสู่เบื้องล่างหมด  ทำให้การงอกไม่บังเกิดผล

เมล็ดพืชใบเลี้ยงคู่ มีอาหารสะสมอยู่ในใบเลี้ยง  ส่วนเมล็ดพืชใบเลี้ยงเดี่ยวที่อาหารสะสมอยู่นอกใบเลี้ยง โดยมากเพราะโดยการโรยหว่านหรือหยอดได้เลย เราจะสังเกตว่าเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวหรือพืชใบเลี้ยงคู่ ก็ตอนระยะงอกขึ้นมาเป็นต้นกล้านี่แหละ คือ ต้นกล้าของพืชใบเลี้ยงคู่จะชูใบเลี้ยงลอยขึ้นมาเหนือดิน  ส่วนต้นกล้าของพืชใบเลี้ยงเดี่ยวจะไม่ลอยขึ้นเหนือดิน

เมล็ดพืชใบเลี้ยงเดี่ยวบางชนิดไม่มีอาหารสะสมในเมล็ดอยู่เสมอมีแต่คัพภะ(ต้นอ่อน) เช่นเมล็ดกล้วยไม้ เราจึงต้องเตรียมอาหารวุ้นใส่นอนไว้ในขวดเหลี่ยม แล้วนำเมล็ดกล้วยไม้เข้าไปเพาะในขวด บนผิวหน้าวุ้นนั้น จึงจะงอกเป็นต้น

กรรมวิธีในการงอกของเมล็ด

โดยปกติการที่เมล็ดงอกเป็นต้นใหม่ได้นั้น เปลือกเมล็ดต้องยอมให้น้ำและอากาศ(ออกซิเจน) ผ่านเข้าไปในเมล็ดได้  แต่เมล็ดของพืชบางชนิดมีเปลือกเมล็ดแข็งเหนียวเป็นมัน  น้ำและอากาศซึมผ่านเข้าไปได้ยาก  ต้องรอให้เปลือกเมล็ดผุ มีรอยร้าว หรือพ้นระยะพักตัวเสียก่อน จึงจะยอมให้น้ำและอากาศผ่านเข้าได้เมล็ดจึงจะงอก อุปสรรคเหล่านี้จะถูกนักเพาะชำขจัดไปด้วยการสรรหาวิธีการต่าง ๆ มาช่วยเร่งให้เมล็ดงอกเร็วขึ้นกว่าเดิม

1.  การเพาะเมล็ดที่เพาะยาก

เมล็ดที่ดีควรได้จากผลที่แก่จัดและต้นแม่สมบูรณ์ เมล็ดไม่เก่าไม่ลีบ  ไม่มีโรคแมลงรบกวน การที่เมล็ดจะงอกได้หรือไม่นั้น เมล็ดจะต้องพ้นระยะพักตัว การพักตัวอาจเนื่องมาจากภายในเมล็ดเอง หรือเกิดจากเปลือกเมล็ด

เมื่อมีปัญหาจากการพักตัวของเปลือกเมล็ด นักเพาะชำได้พยายามเสาะหาวิธีทำลายเปลือกเมล็ด หรือใช้วิธีเร่งให้เมล็ดงอกเร็วได้ดังนี้

การถูหรือฝนเมล็ด วิธีนี้เหมาะที่จะกระทำกับเมล็ดที่มีขนาดใหญ่ หยิบจับได้ง่าย จับเมล็ดถูหรือฝนกับกระดาษทราย หรือหินลับมีดให้เปลือกสึกเข้าไปถึงเนื้อเมล็ด ฝนตรงไหนก็ได้ แต่ต้องไม่ตรงกับส่วนที่เป็นต้นอ่อน(คัพภะ) แช่น้ำไว้สักครู่จึงค่อยนำไปเพาะ หรือจะนำไปเพาะเลยก็ได้ เมล็ดได้ดอกที่นิยมใช้วิธีนี้ได้แก่ เมล็ดหางนกยูงฝรั่ง เมล็ดไม้ป่า เช่น เมล็ดมะค่า

การเจาะรูหรือตัดปลายเมล็ด เมล็ดพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นเมล็ดที่มีขนาดใหญ่ในอินเดียการเพาะเมล็ดมะม่วง  เขาใช้วิธีเจาะรูเปลือกเมล็ดในบ้านเราที่พอจะทำได้ เห็นจะเป็นเมล็ดมะค่า แก่นสะบ้า

การทุบหรือกระเทาะเปลือกเมล็ด เมล็ดพืชบางชนิด เปลือกเหนียวแข็งน้ำและอากาศผ่านได้ยาก ต้องทุบหรือกระเทาะเปลือกเมล็ดเสียก่อน จึงจะงอกได้ดี  ตัวอย่างได้แก่ บัวหลวง

การผ่าเปลือกเมล็ด เปลือกเมล็ดชั้นกลางของเมล็ดหูกวางหนาเหนียว มีเส้นใยสูง ต้องใช้วิธีฝ่าเปลือกเมล็ด  แคะเอาเมล็ดที่อยู่ข้างในเอาออกมาเพาะ

การแช่เมล็ดในน้ำ เมล็ดไม้ดอกบางชนิด มีเปลือกเมล็ดไม่หนามากเกินไปนัก หากนำมาแช่น้ำชั่วพักชั่วครู่นำไปเพาะ จะงอกได้ง่าย เช่น เมล็ดพืชตระกูลถั่ว

การลวกน้ำร้อน การลวกเมล็ดในน้ำร้อนเป็นการเพิ่มอุณหภูมิให้แก่น้ำ การลวกเมล็ดด้วยน้ำร้อน  เมล็ดจะมีแรงดูดซึมน้ำได้ดีกว่าน้ำเย็น  ใช้เวลาลวก 3-5 นาที รินน้ำร้อนทิ้ง แช่น้ำเย็นต่อ เมล็ดที่ใช้วิธีนี้ ส่วนมากจะมีเปลือกเมล็ดเหนียวเป็นมัน น้ำและอากาศผ่านเข้ายาก เป็นเมล็ดที่มีลักษณะคล้ายเมล็ดกระถิน

เก็บเมล็ดเป็นชั้น ๆ ในที่ชื้น  เมล็ดพืชดังกล่าวนี้มีการพักตัวชั่วระยะเวลาหนึ่ง  โดยมากพบในเมล็ดปาล์มต่าง ๆ เช่น หมากแดง หมากเหลือง หมากเยอรมัน หมากนวล ฯลฯ ต้องรอให้จาว(ใบเลี้ยง)เจริญขึ้นมาก่อน จึงจะงอกได้(ประมาณ 1 เดือน) การนำเมล็ดที่สุกแก่มาเพาะเลยทันที  จะไม่ได้ผลเท่าที่ควร นักขยายพันธุ์ไม้จึงนิยมทำลายระยะพักตัว ด้วยการนำไปเก็บกองสลับกับทรายชื้นเป็นชั้น ๆ ไว้ระยะหนึ่งก่อน จึงค่อยนำไปเพาะแบบธรรมดาต่อไป

บางคนใช้สแฟกนั่มมอสชุบน้ำหรือกาบมะพร้าวที่ชุบน้ำจนอิ่มตัวทุบจนแบนเหมือนกับที่จะนำไปใช้หุ้มกิ่งตอน  รองบนถุงพลาสติกขนาดใหญ่ วางตามแนวราบ วางเมล็ดปาล์มที่แกะเปลือกล้างเปลือกแล้วบนมอสหรือกาบมะพร้าวนั้น ในราว 2-3 อาทิตย์ ต้นอ่อนในเมล็ด(คัพภะ) จะแพลมโผล่ออกมานอกเมล็ด จึงค่อยนำไปเพาะลงดินต่อไป

การแช่เมล็ดในสารเคมี เปลือกเมล็ดของพืชบางอย่าง มีลักษณะแข็งเหนียว เมล็ดเล็กกลม หยิบจับไม่ติด ใช้วิธีฝนถูตัดปลายเมล็กก็ทำได้ยาด  เช่นเมล็ดพุทธรักษา เราอาจใช้กรดหรือด่าง แช่เมล็ดไว้นาน 3-5 นาที แล้วล้างด้วยน้ำไหล เช่นน้ำประปา แช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน จังนำไปเพาะ

จงฉีดยาฆ่าแมลง เมื่อจำเป็น