ไม้ดอกล้มลุกและเมล็ดพันธุ์

สวนไม้ดอก

ไม้ดอกล้มลุกเป็นพืชที่จบวงจรชีวิตในฤดูเดียว คือเมื่อเมล็ดงอกแล้ว ต้นโตขึ้น ให้ดอก ติดเมล็ดแล้วตายไป การเจริญเติบโตของไม้ดอกล้มลุกเป็นไปอย่างรวดเร็ว คือใช้เวลาจากต้นงอกจนต้นตายประมาณ 3-6 เดือนแล้วแต่ชนิด

ข้อดีของไม้ดอกล้มลุก

-ปลูกง่ายด้วยเมล็ด

-เมล็ดมีราคาไม่แพงถ้าคิดว่าราคาหนึ่งเมล็ดคือหนึ่งต้น

-มีชนิดต่าง ๆ มากมายหลายสิบชนิด แต่ละชนิดยังมีหลายสี ทำให้สามารถเลือกสี ขนาด และรูปร่างของดอก ความสูงของต้นได้ตามใจชอบ

-ระยะเวลาจากเพาะเมล็ดจนเริ่มออกดอกเพียงเดือนครึ่งถึงสามเดือนแล้วแต่ชนิดของพืช ให้ความรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นต้นเติบโตและออกดอกมีสีสันหลากตาในเวลาอันสั้น เมื่อเริ่มออกดอกแล้วยังให้ดอกบานไปได้อีกนานเป็นเดือน

-การปลูกและการดูแลรักษาไม่ยากนัก ผู้ที่ยังไม่เคยปลูกไม้ดอกและมีความสนใจควรเริ่มปลูกไม้ล้มลุกก่อน การหัดให้เด็กนักเรียนปลูกจะช่วยปลูกฝังนิสัยรักดอกไม้ และชอบทำสวนในบ้านได้

ข้อควรพิจารณาในการเลือกชนิดของดอกไม้

1. ความสามารถในการเจริญเติบโตได้ดีในท้องถิ่นที่จะปลูก เช่นไม้ดอกเมืองหนาว มีดอกสวยงามเมื่อดูแคตตาล็อก ผู้ปลูกต้องแนใจว่าสถานที่จะนำมาปลูกนั้นมีอากาศเย็นพอ มิฉะนั้นจะได้ดอกมีคุณภาพไม่ดีเท่าที่ควร

2. ปลูกให้ถูกฤดูกาล เช่นลิ้นมังกร พีทูเนียและซัลเวียต้องการอากาศเย็น ต้องปลูกในฤดูหนาวเท่านั้น ส่วนดาวเรือง บานชื่น ดาวกระจายสามารถปลูกได้ตลอดปีเพียงแต่ต้องมีวัสดุบังฝน ถ้า ต้องการปลูกในฤดูฝน

3. สถานที่ปลูกได้รับแดดจัดหรือเป็นที่ร่ม เลือกชนิดต้นไม้ให้เหมาะกับที่ปลูก

4. ระยะเวลาในการออกดอกนับจากเพาะเมล็ดและระยะการบานของดอกข้อนี้เป็นประโยชน์มากในการกะเวลาปลูกให้ออกดอกทันโอกาสพิเศษ

5. เลือกสีของดอกแล้วปลูกดอกไม้เป็นกลุ่มสี ให้มีความกลมกลืนหรือตัดกันตามใจชอบ

6. เลือกความสูงของไม้ดอก เมื่อปลูกพืชหลายชนิดเช่น ปลูกต้นสูงอยู่ข้างหลังเพื่อไม่ให้บังต้นเตี้ย

ชนิดของไม้ดอกจัดตามลักษณะการนำไปปลูกประดับ

1. ปลูกตามขอบแปลง ใช้ปลูกตามขอบแปลงหรือขอบสนาม หรือปลูกระหว่างทางเดินได้แก่ พวกที่มีลำตันเตี้ย เช่น อลิซซั่ม ดาวเรืองเตี้ย กัจเจอเรตุ้ม

2. ปลูกเป็นแปลงใหญ่ ใช้จำนวนต้นมากปลูกในแปลงกว้างให้ได้สีเด่นเช่นซัลเวีย บานชื่น สร้อยไก่ ดาวเรือง โดยเลือกพันธุ์เตี้ยหรือพันธุ์สูงปานกลาง

3. ปลูกไว้ข้างหลังเพื่อใช้เป็นฉากหลังหรือปลูกบังรั้ว บังสิ่งก่อสร้างที่ไม่น่าดูได้แก่พวกที่สูงขนาดเอวหรือท่วมหัวเช่น ฮอลลี่ฮ็อค พุทธรักษาชนิดสูง ลิ้นมังกรชนิดสูง เงาะถอดรูป

4. ปลูกในสวนหิน ได้แก่พวกที่เตี้ยมากๆ ซึ่งเลื้อยคลุมดินเหมือนพรม รวมทั้งพวกที่ขึ้นได้ตามชอกหินและสามารถแตกกอเล็กๆ เช่น อลิซซั่ม

5. ไม้ดอกเถา เป็นพวกที่ลำต้นต้องการค้างให้ยึดเกาะหรือเลื้อยไปเช่นมอร์นิ่งกลอรี่ สวีทพี

6. ไม้ดอกกระถาง เป็นพวกที่เป็นกอหรือพุ่มเตี้ยได้สัดส่วนกับกระถาง ออกดอกพราวเต็มต้น เช่น พีทูเนีย

7. ไม้ดอกกระถางแขวน เป็นพวกที่ปลูกใส่ภาชนะสำหรับห้อยหรือแขวน เช่น พีทูเนีย แพรเซี่ยงไฮ้ เทียนญี่ปุ่น

8. ดอกไม้ที่ทำแห้งได้ เป็นพวกที่ดอกแห้งแล้วกลีบไม่ร่วงและยังคงสีเกือบเหมือนเดิม ใช้ ปักแจกันหรือทำช่อดอกไม้แห้ง เช่น ดอกกระดาษ สแตทิส บานไม่รู้โรย

ลักษณะแปลงดอกไม้ที่สวยงาม

1. ออกแบบแปลงได้สวย ไม่ว่าจะเป็นแบบมีรูปทรงเป็นเรขาคณิตหรือรูปทรงตามใจชอบ

2. เลือกปลูกต้นไม้ที่ให้ดอกมีสีต่าง ๆ เป็นกลุ่มก้อนและมีสีตัดกันได้สวยงาม

3. เมื่อปลูกพืชชนิดเดียวกันเป็นจำนวนมากต้น พืชกลุ่มนั้นมีความสูงสม่ำเสมอกัน และออกดอกพร้อมกันได้ด้วยการใช้เมล็ดพันธุ์ที่ดี

4. ถ้ามีไม้ดอกหลายชนิดในแปลง ผู้ปลูกกะวันปลูกของแต่ละชนิดได้ถูกต้อง ทำให้ดอกไม้บานสะพรั่งพร้อมกันได้

5. บริเวณแปลงดอกไม้และสนามสะอาดตา ไม่มีเศษกระดาษ ใบไม้แห้งและอื่นๆ

6. ในแปลงดอกไม้ ไม่มีดอกโรยปนอยู่เพราะมีการตัดทิ้งอยู่เป็นประจำทำให้เห็นแต่ดอกไม้ที่บานใหม่ทุกวัน

7. สนามหญ้ามีส่วนสำคัญที่ช่วยให้แปลงดอกไม้สวยขึ้น สนามหญ้าต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างดีให้มีสีเขียวสดอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นฤดูร้อน ฤดูฝน หรือฤดูหนาว

การเลือกที่ทำแปลงดอกไม้

1. เลือกที่มีดินดี ถ้าดินไม่ดีให้ปรับปรุงดินเสียก่อน

2. เลือกที่มีแดดตลอดวันหรืออย่างน้อยต้องได้รับแดดตลอดช่วงเช้ากับแดดบ่ายบ้างรวมเป็น 5-6 ชั่วโมงต่อวันเป็นอย่างน้อย

3. อย่าเลือกที่ที่อยู่ใกล้น้ำ เพราะการลากสายยางที่หนัก หรือต้องยกบัวรดนํ้ามาไกลๆ อาจทำให้ขี้เกียจรดน้ำต้นไม้ ต้นไม้จะเหี่ยวหรือถึงตายได้ถ้าได้รับน้ำไม่พอ

4. ดินควรมีการระบายนํ้าดี อย่าเลือกที่ที่มีนํ้าฃัง

เมื่อเลือกที่ได้แล้วก็เตรียมการปลูกไม้ดอกล้มลุกขยายพันธุ์ โดยใช้เมล็ด ผู้ปลูกที่ใช้เมล็ดพันธุ์ดีจะมีโอกาสปลูกไม้ดอกได้คุณภาพดีกว่า คือ ได้ดอกสวยกว่า มีลำต้นกะทัดรัดให้ดอกดกมีสีสวยและได้ต้นที่แข็งแรงกว่าด้วย

การซื้อเมล็ดดอกไม้

ในประเทศไทยยังไม่มีการผลิตเมล็ดไม้ดอกเป็นการค้า และยังไม่มีนักผสมพันธุ์ดอกไม้ (Flower breeder) เป็นอาชีพเลย ส่วนมากผู้ปลูกจะซื้อเมล็ดจากต่างประเทศไม่ว่าจะสั่งหรือซื้อมาจากต่างประเทศโดยตรง หรือซื้อจากตัวแทนของบริษัทนั้นๆ ในเมืองไทย เมื่อปลูกแล้วได้ต้นสวยถูกใจ ก็มักเก็บเมล็ดไว้ปลูกอีก บางครั้งพบปัญหาเพาะแล้วไม่งอกหรืองอกน้อย หรือต้นใหม่ที่ได้กลายพันธุ์คือ ไม่สวยเหมือนต้นแม่แล้วไม่เข้าใจว่ามีสาเหตุมาจากอะไร

การผลิตเมล็ดพันธุ์ดอกไม้นั้นต้องเริ่มจากการคัดเลือกพันธุ์หรือมีนักผสมพันธุ์พืชเป็นเจ้าของพันธุ์พ่อและพันธุ์แม่ คือ ทราบว่าพ่อแม่คู่ใดผสมกันแล้วจะได้ลูกที่มีลักษณะตามต้องการ สถานที่ผลิตต้องเลือกแล้วว่าเหมาะสม มีแสงแดดจัด อุณหภูมิและความชื้นในอากาศพอเหมาะ ไม่มีฝนตก ระหว่างเก็บเกี่ยวเมล็ด เมื่อเก็บเกี่ยวแล้วนำมาทำความสะอาดเมล็ดพันธุ์ก่อน แล้วลดความชื้นในเมล็ด ลงเหลือประมาณ 5-10% ก่อนนำไปบรรจุในซองหรือกระป๋องชนิดที่กันความชื้นในอากาศเข้าได้ ทุกขั้นตอนทำอย่างรวดเร็วด้วยเครื่องมือเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพ เพื่อจะยืดอายุของเมล็ดไว้ให้นานที่สุด ในประเทศไทยส่วนมากใช้วิธีตากแดดหรือผึ่งลม ทำความสะอาดแล้วบรรจุในซองพลาสติกหรือถุงกระดาษธรรมดา

ถ้าต้องการเมล็ดที่มีคุณภาพควรลงทุนโดยการซื้อเมล็ดที่ผลิตอย่างถูกวิธี ซึ่งมีคุณภาพดีทั้งทางพันธุกรรมและทางกายภาพ คือ ให้ดอกเร็ว ดอกสวย ดอกดก ดอกใหญ่ มีสีดี และให้ขนาดต้นสม่ำเสมอ และเมล็ดนั้นจะงอกได้มาก ให้ต้นกล้าที่แข็งแรง ไม่มีโรคติดมากับเมล็ดและสามารถต้านทานสภาพอากาศได้ดีด้วย

บริษัทที่ผลิตเมล็ดพันธุ์มีอยู่ทั่วโลกทั้งในอเมริกาและประเทศต่าง ๆ ในยุโรป ในเอเชียก็มีญี่ปุ่น ดังมีรายชื่อบริษัทและที่อยู่ดังต่อไปนี้

สหรัฐอเมริกา

1.Ball Seed Co.

P.O. Box 335

West Chicago, IL. 60185

2. Bodger Seeds Ltd.

P.O. Box 5090

El Monte, CA 91734-1090

3. W. Atlee Burpee Co.

300 Park Ave.

Warminster, PA 18794

4. Denholm Seeds

P.O. Box 1150

Lompoc, CA 93436

5. Ferry Morse Seed Co.

P.O. Box 4938

Modesto, CA 95352-4938

6. Harris Moran Seed Co.

26239 Executive Place

Hayward, CA 94545

7. H.G. Hastings Co.

434 Marietta St. N.w.

P.O. Box 4274

Atlanta, GA 30302

8. Herbst Brothers Seedsmen Inc.

1000 N. Main St.

Brewster, NY 10509

9. Goldsmith Seeds Inc.

Box 1349

Gilroy, CA 95021

10. H.G. German Seeds

201 West Main St.

Box 398, Smethport

PA 16749

11. Pan Am Seed Co.

P.O. Box 438

W. Chicago, IL 60185

12. G.w. Park Seed Co. Inc.

Greenwood, sc 29647 หรือ

Park Seed Wholesale

Highway 254 N.

Cokesbury Rd.

Greenwood, sc 29644-0001

13. American Takii Inc.

301 Natividad Rd.

Salinas, CA 93906

14. Sakata Seed America Inc.

P.O. Box 877

Morgan Hill, CA 95037

อังกฤษ

1. Asmer Seeds

Asmer House, Ash Street

Leicester, LE 5 0 DD

2. Clause (UK) Ltd

Chervil Farm

Chervil, Reading

Berks, RG 109 RU

3. Elite Seeds

Norwich Road

Foxley Dereham-Norfolk

NR 20452

4. Mr. Fothergill’s Seeds Ltd

Gazeley Road, Kentford Newmarket

Suffolk CB872B

5. Thompson and Morgan

London Road, Ipswich

Suffolk 1P20BA

อิตาลี

Farmen

Box 467-80100

Naples, Italy

เยอรมนี

Ernst Benary

P.O.Box 1127

D 3510 Hann. Muenden

F.R. Germany

เดนมาร์ก

J.E. Ohlsen Enke A/S

Faborgvej 248

P.O. Box 185 DK 5100 Odense c

Denmark

เนเธอร์แลนด์

1. Royal Sluis

Postbox 22-1600 AA

Enhuisen, Holland

2. Sluis en Groot B.v.

Westeinde 62

P.O. Box 13-1600 AA

Enhuisen, Holland

ญี่ปุ่น

1. Takii & Co. Ltd.

180 Umekoji Inokuma

Shimokyo-Ku

Kyoto, Japan

2. Sakata Seed Corporation

P.O. Box Yokohama Minami No.20

1-7 Nagata Higashi 3-chome Minami-ku

Yogohama, Japan

ในเชียงใหม่ มีแหล่งจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ 2 แห่งคือ

1. ร้านจิบอันตึ้ง

48-52 ถนนช้างม่อย

อ.เมือง เชียงใหม่ 50000

โทร. 236186

2. บริษัท เอเชียนฟาร์มเมเนจเมนท์ จำกัด (AFM)

215 ทิพพิมานทาวน์เฮาส์ ถ. ศรีภูมิ

อ. เมือง เชียงใหม่ 50000

โทร. 216793

ท่านจะติดต่อขอรายชื่อเมล็ดพันธุ์เเละราคาจำหน่ายได้จากทั้ง 2 แห่ง ช่วงเวลาที่ควรเพาะเมล็ดไม้ดอกล้มลุกในเมืองไทยคือช่วงปลายฤดูฝน โดยเพาะเมล็ดในโรงเรือนแล้วกะว่าต้นกล้าจะโตเอาออกแปลงได้เมื่อฝนหยุดหรือต้นฤดูหนาว และให้ดอกในช่วงที่มีอากาศเย็นจะทำให้ได้ดอกไม้ที่มีสีเข้ม ดอกใหญ่ และบานได้นาน การที่ต้องสั่งเมล็ดมาจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะสั่งเองหรือซื้อจากตัวแทนของบริษัทเหล่านั้นต้องใช้เวลา จึงควรเตรียมสงเมล็ดไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะเวลาที่ใช้ในการติดต่อและส่งของนั้นนานเป็นเดือน ประมาณต้นเดือนกันยายน ผู้ปลูกควรมีเมล็ดที่ต้องการอยู่พร้อมแล้ว และเริ่มเพาะได้เลยสำหรับเมล็ดที่ต้องการเวลาประมาณ 3-4 เดือนจึงจะออกดอกสำหรับเมล็ดที่ให้ดอกเร็ว เช่น 2-3 เดือนให้เริ่มเพาะราวอาทิตย์ที่ 1-2 ของเดือนตุลาคม เพื่อทั้งหมดจะออกดอกให้ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นไป

ปกติในแคตตาล็อกจะมีรายชื่อพันธุ์ต่างๆ พร้อมกับบอกสีแยกชัดเจนและมีชนิดคละสี(mixed colours) ด้วย ผู้ปลูกเลือกได้ว่าต้องการปลูกแปลงละสี หรือจะปลูกสีคละกัน ซึ่งสวยไปคนละแบบ

เมล็ดที่มีขายในแคตตาล็อกมีมากมาย ถ้าเป็นได้ควรเปรียบเทียบดูราคาจากหลายๆ บริษัท เมล็ดบางชนิดมีผู้นิยมมากจะหาซื้อได้จากทุกบริษัทในราคาต่างกันเล็กน้อย บางพันธุ์มีป้าย All America Award และ/หรือ Fleuroselect อยู่หน้าชื่อพันธุ์ด้วย

All America Award หรือ All American Selection คือ รางวัลที่ให้กับพันธุ์ดอกไม้ ที่ผ่านการทดลองปลูกในแปลงทดลองต่างๆ ในอเมริกาทั้งหมด 30 แห่งกระจายกัน ตั้งแต่เหนือจดใต้ ตะวันตกจดตะวันออกรวมทั้งแคนาดาและเม็กซิโกด้วยว่า สามารถปลูกได้ดีหรือพูดได้อีกนัยหนึ่งว่าพันธุ์นั้นสามารถปลูกได้ในสภาพแวดล้อมที่กว้างมาก และผ่านการปลูกเปรียบเทียบพันธุ์ที่มีอยู่เดิมว่า “ดีกว่า” กรรมการที่ตัดสินคือ เจ้าของหรือหัวหน้าแผนกวิจัยของบริษัทผลิตเมล็ดพันธุ์ ผู้อำนวยการสวนพฤกษชาติและศาสตราจารย์ทางไม้ดอกของมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียง โครงการลัดเลือกพันธุ์ดอกไม้นี้ เรียกว่า All America Selection มีชื่อย่อว่า AAS เริ่มมีมาตั้งแต่ปี 1932 โดยความคิดริเริ่มของ Ray Hastings เจ้าของบริษัท Hasting Seeds ซึ่งปัจจุบนเสียชีวิตไปแล้ว พันธุ์ใดที่ได้รางวัลจะได้รบการโฆษณาผ่านหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ ทำให้ผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ขายเมล็ดได้มากโดยไม่ต้องลงทุนโฆษณา

ต่อมาประเทศต่างๆ ในยุโรปได้เอาหลักการเดียวกันมาใช้ในยุโรปบ้าง โดยเริ่มในปี 1970 และเรียกรางวัลนั้นว่า Fleuroselect แปลงทดลองมีตั้งแต่ฟินแลนด์จนถึงอิตาลีทั้งหมด 20 แห่ง เฉพาะในอังกฤษมี 4 แห่ง แสดงว่าพันธุ์ที่ได้รางวัลต้องทนสภาพอากาศที่กว้างมาก บางปีได้เพียง 1 รางวัล เช่นในปี 1986-1987 และที่มากที่สุดคือ ปี 1982 ได้ 8 รางวัล

ถ้าท่านเปิดแคตตาล็อกและเห็นพันธุ์ที่มีเครื่องหมาย All America Award ก็พอจะคาดได้ว่าพันธุนั้นน่าจะปลูกได้ดีในเมืองไทยด้วยเพราะแปลงทดลองแห่งหนึ่งใน 30 แห่งของ All AmericaSelecion อยู่ในรัฐฟลอริดา ซึ่งสภาพภูมิอากาศไม่ต่างจากเมืองไทยมากนัก แต่ถ้าพันธุ์ใดได้ Fleuroselect เข้าใจว่าพันธุ์นั้นต้องการอากาศเย็นและช่วงวันที่ยาวกว่าเพราะพันธุ์เหล่านั้นปลูกทดลองในสภาพของฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนในประเทศต่างๆ ในยุโรป มีไม้ดอกหลายพันธุ์ที่ได้ทั้ง All America Award และ Fleuroselect พันธุ์ไม้ดอกที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่นหลายชนิดและหลายพันธุ์ได้ทั้งสองรางวัลดังกล่าว การได้รางวัลจึงเพียงแต่ให้แนวทางในการเลือกเท่านั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าถ้าไม่ได้รางวัลแล้วจะไม่ใช่พันธุ์ดี เพราะส่วนมากพันธุ์ที่ปลูกได้ดีมากในเมืองไทยไม่เคยได้รางวัลเหล่านั้นเลย

ถ้าท่านไม่อยากเพาะเมล็ดเอง มีเนิสเซอรี่บางแห่งผลิตต้นกล้าออกขาย ควรถามให้แนใจว่า เขาได้เมล็ดมาจากที่ใด ถ้าเขาเก็บเมล็ดเองก็ขอให้คาดได้ว่าเมล็ดเหล่านั้นมีโอกาสกลายพันธุ์ เพราะเมล็ดดอกไม้ส่วนมากเป็นลูกผสม เมื่อเก็บเมล็ดมาเพาะ ดอกที่เคยซ้อนหลายชั้นจะมีกลีบน้อยลง ทำให้ดูดอกบาง บางทีเหลือชั้นเดียว ดอกที่ใหญ่ขนาด 5 นิ้ว อาจจะเหลือเพียง 3 นิ้ว สีผิดไปจากเดิม กว่าจะรู้ว่าต้นกล้าให้ดอกกลายก็เกือบสิ้นฤดูปลูก เมื่อได้บทเรียนแล้วอยากจะแก้ตัวใหม่ก็ต้องรอฤดูหนาวของปีต่อไป ทำให้เสียเวลา เสียแรงงานไปอย่างน่าเสียดายเพราะฤดูกาลในการปลูกไม้ดอกให้ได้สวยงาม ในปีหนึ่งนั้นมีครั้งเดียว

อย่างไรก็ตาม เมล็ดต่อไปนี้ ถ้าไม่มีคำว่า F₁ hybrid ซึ่งแปลว่าลูกผสมนำหน้าหรือตามหลังชื่อ สามารถเก็บเมล็ดไว้ใช้ได้โดยไม่กลาย เนื่องจากเมล็ดเหล่านี้ได้มาจากการผสมตัวเองจนยีนส์คงที่ที่เรียกว่าพวก Inbred

Ageratum, Alyssum, Aster, Balsam, Calendula, Celosia, Cosmos, Dianthus, Impatiens, Marigold, Nasturtium, Pansy, Petunia, Phlox, Salvia, Snapdragon, Verbena, Vinca, Zinnia

แต่ถ้าเป็นเมล็ดต่อไปนี้ และเป็นชนิดที่เรียกว่า F₁ hybrid ไม่ควรเก็บเมล็ดไปปลูกอย่างยิ่ง เพราะจะกลายหมดเนื่องจากต้นพ่อและแม่มีลักษณะที่ไม่เหมือนกัน ในรุ่นหลานคือ F2 ยีนส์จะกระจายตัวและจับคู่กับใหม่ทำให้ได้ลักษณะที่ต่างไปจาก F₁ มาก

Ageratum, Dianthus, Impatiens, Marigold, Pansy, Petunia,Salvia, Snapdragon, Zinnia

จะเห็นได้ว่า มีดอกไม้หลายชนิดที่มีทั้งพวก Inbred และพวก F₁ hybrid ขอให้ระวังในเรื่องเก็บเมล็ดไปปลูกคือ พวก Inbred เก็บเมล็ดไว้ใช้ได้ แต่พวก F₁ hybrid ใช้ได้รุ่นเดียว เมื่อจะปลูกอีกให้สั่งเมล็ดใหม่ ราคาของเมล็ด F₁ hybrid แพงกว่าพวก Inbred ตั้งแต่ 2-10 เท่า แต่ขอรับรองว่าความสวยงามของดอกนั้นคุ้มกับราคา

วิธีเก็บเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ไว้ใช้เอง

1. ถ้าปลูกเป็นจำนวนมาก คัดต้นที่มีลักษณะไม่ต้องการทิ้งก่อนดอกบาน เพื่อกันการผสมข้ามระหว่างต้นที่มีลักษณะดีกับไม่ดี

2. เก็บเมล็ดเมื่อแก่(โดยแกะดูสีของเมล็ดที่เปลี่ยนไป) แต่อย่ารอจนเมล็ดร่วง เก็บใส่ภาชนะที่มีพื้นเรียบและแบนแล้วตากแดดเข้าสัก 2-3 แดด แล้วจึงนำมาผึ่งต่อในร่มจนเมล็ดแห้ง

3. แยกสิ่งเจือปนจากเมล็ด โดยการฝัดหรือเป่าออกด้วยลมจนเหลือแต่เมล็ดที่ต้องการ แล้วบรรจุในถุงพลาสติกหนา ๆ มัดหรือผนึกปากถุงให้แน่นเพื่อกันความชื้นเข้า ถ้าใส่ซ้อนในถุงพลาสติกอีกชั้นยิ่งดี แล้วเก็บในที่เย็นและแห้ง

4. ภาชนะบรรจุเมล็ดที่เหมาะมาก คือขวดแก้ว กระป๋องเล็กๆ ที่ปิดฝาได้แน่นหรือถุงที่ฉาบด้วยกระดาษฟอยล์

สำหรับเมล็ดที่ซื้อมา

1. ฉีกซองบรรจุเมล็ดพันธุ์เมื่อจะใช้

2. ถ้าใช้ไม่หมด ปิดผนึกชองเมล็ดให้แน่นอีกครั้ง แล้วเก็บไว้ในที่เย็นและแห้ง ถ้ามีตู้เย็นให้เก็บไว้ในที่ที่ไม่ใช่ช่องแช่แข็ง เมล็ดทั่วๆ ไปควรเก็บได้นาน 3-5 ปีนับจากเก็บเกี่ยว(ไม่ใช่จากวันที่ซื้อ)

3. ถ้าเก็บเมล็ดไว้ค้างปี ลองเช็คความงอก โดยใช้จานเล็กๆ ใส่กระดาษซับหรือกระดาษทิชชู หรือทรายแล้วทำให้ชื้น นับจำนวนต้นกล้าจาก 20 เมล็ดว่างอกเท่าใดแล้วคิดเทียบว่าถ้าเป็นร้อยเมล็ดจะงอกเท่าใด ตัวเลขที่ได้คือเปอร์เซ็นต์ความงอกโดยประมาณ

การเพาะแล้วเมล็ดไม่งอกหรืองอกน้อยจะทำให้แผนการผลิตในปีนั้นพลาดหรือเสียไป