ชาวเกษตรฉบับก่อน ๆ เคยประกาศแจกเมล็ดกระถินยักษ์อยู่พักหนึ่ง แต่ในฉบับหลัง ๆ เห็นหายไป สอบถามเจ้าหน้าที่ของสำนักพิมพ์ดูแล้ว ทราบว่ายังมีเมล็ดกระถินยักษ์ไว้แจกอยู่อีกมาก เกษตรกรที่สนใจขอไปได้ทุกเวลา มีที่ว่างที่ไหนลงกระถินยักษ์ไว้จะได้ประโยชน์มากมาย
เหตุที่กระถินยักษ์ได้ชื่อว่า ยักษ์ ก็เพราะกระถินชนิดนี้มีขนาดของลำต้น ใบ ดอก ผล และเมล็ด สูงใหญ่กว่ากระถินธรรมดา จึงเรียกกันว่า กระถินยักษ์ ซึ่งไม่ใช่กระถินที่มีถิ่นเดิมอยู่ในเมืองไทย เป็นกระถินจากต่างประเทศ บ้านเดิมอยู่ที่ประเทศเม็กซิโก ต่อมามีผู้นำข้ามน้ำข้ามทะเลไปปลูกใหม่ที่เกาะแปซิฟิก ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ปาปัวนิวกินี มาเลเซีย และอาฟริกา สำหรับในเมืองไทย ดร.รอย ซีเกสฟัส ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยเคนตักกี้ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมาประจำอยู่ที่ศูนย์เกษตรกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น เป็นผู้นำเข้ามาปลูกเมื่อ พ.ศ. 2509 แล้วค่อย ๆ แพร่หลายออกไป
กระถินยักษ์เป็นไม้ขนาดกลางเขียวชอุ่มอยู่ตลอดปีไม่ผลัดใบ ลำต้น เรียบสีน้ำตาลแดง กระพี้มีสีเหลืองอ่อนเกือบขาว แก่นสีน้ำตาล เปลือกบาง เนื้อไม้เป็นเสี้ยนตรง ขึ้นได้ดีในบริเวณพื้นที่ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่เกิน 500 เมตร ถ้าสูงเกินไปกว่านี้จะกลายเป็นยักษ์แคระไปไม่เจริญเติบโต แต่มีความอดทนต่อสภาพแห้งแล้ง น้ำท่วมเป็นระยะหรือพื้นที่ลาดชันก็ขึ้นได้ดี ไม่ชอบดินเป็นกรดหรือดินเปรี้ยว มีผู้ทดลองปลูกที่อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก ปรากฎว่าแคระแกรนไม่ค่อยโต เพราะดินเปรี้ยว กระถินยักษ์ขึ้นได้ดีเฉพาะดินที่เป็นกลางหรือด่าง มีหินปูนมาก ๆ
วิธีเพาะกระถินยักษ์ให้นำเมล็ดแช่น้ำร้อนทิ้งไว้ 1 คืน ให้เย็น แล้วเพาะในแปลงเพาะหรือหยอดเมล็ดลงในถุงพลาสติก หากไม่มีแปลงเพาะจะใช้กระสอบป่านคลุมแล้วรดน้ำให้ชื้นอยู่เสมอก็ได้ รากงอกภายใน 7 วัน จึงย้ายไปชำในถุงพลาสติก เมื่อโตได้ขนาดพอเหมาะจึงนำไปปลูก ถ้าไม่สะดวกที่จะเพาะหรือจำเป็นต้องปลูกให้เป็นแถวเป็นแนวชิดกันเป็นพืด ให้นำเมล็ดกระถินยักษ์ที่ลวกน้ำร้อนแล้วไปหยอดลงหลุมตื้น ๆ แล้วเกลี่ยวดินกลบก็ได้
โรคแมลงไม่ค่อยจะรบกวนกระถินยักษ์ จะมีก็แต่ด้วงเจาะเมล็ด กิ่งและปลวกบ้างเล็กน้อยเท่านั้น