กล้วย
ชื่อวิทยาศาสตร์ Musa sapientum Linn.
(Sym.M.paradisiaca var. sapientum
(L.)O.Ktze)
ชื่ออื่น ๆ –
ลักษณะของพืช เป็นพืชล้มลุกที่มีลำต้นสูงมาก สูงได้ถึง 5 เมตร มีลำ
ต้นใต้ดินเรียกว่าเหง้าและมีส่วนที่อยู่บนดินเป็นลำอวบดูคล้ายต้น ซึ่งเกิดจากกาบใบหุ้มซ้อมกันแน่นแต่กาบใบนั้นจะมีส่วนต่อเป็นก้านใบซึ่งมีลักษณะค่อนข้างกลมหนา ด้านบนเป็นร่องลึก ก้านใบนี้อาจยาวได้ถึง 1 เมตร ตัวใบมักเป็นรูปขอบขนาน ปลายใบเร็เล็กน้อย แกนกลางใบใหญ่เห็นได้ชัดเจน เส้นใบขนานกันในแนวจากเส้นแก่นใบไปหาริมใบ ตัวใบยาว1-3 เมตร กว้าง 20-40 ซม. ดอกออกเป็นช่อที่ปลายยอดในลักษณะห้อยหัวลงยาว 30-60 ซม.เรียกว่าปลีซึ่งประกอบด้วยดอกย่อยออกเรียงกันเป็นแผง แต่ละแผงมีกลีบประดับขนาดใหญ่สีม่วงแดง เรียกว่ากาบหุ้มรองรับอยู่ แต่ละกลุ่มดังกล่าวมักอยู่เรียงสลับกันโดยรอบ แกนช่อดอก ดอกที่อยู่ส่วนปลายช่อดอกเป็นดอกตัวผู้ ดอกที่อยู่โคนช่อเป็นดอกตัวเมีย ผลจึงเป็นช่อเรียกว่าเครือ แต่ละช่อย่อยเรียกว่า หวี หวีหนึ่ง ๆ มี
ประมาณ10 กว่าผล ผลกลมยาว ขนาด รูปร่าง และรสขึ้นอยู่กับพันธุ์ เนื้อกล้วยสีเหลืองครีมมักไม่มีเมล็ด ส่วนทีใช้เป็นยา เนื้อกล้วยน้ำว้าห่าม หรือกล้วยน้ำว้าดิบทั้งเปลือก
สรรพคุณและวิธีใช้ แก้อาการท้องเดิน ใช้เนื้อกล้วยน้ำว้าห่ามรับประทาน
หรือใช้กล้วยน้ำว้าดิบฝานเป็นแว่น ตากแห้งรับประทาน
การขยายพันธุ์ ใช้หน่อ,เหง้า,ตา,ที่นิยมคือใช้หน่อ
สภาพดินและฤดูที่เหมาะสม ชอบดินที่ร่วนซุย ค่อนไปทางดินเหนียวที่อุ้มน้ำได้ดี
แต่ไม่ชอบน้ำขัง ควรปลูกต้นฤดูฝน
การปลูก เตรียมดินโดยปราบวัชพืชให้หมด ตากดินไว้ 5-7 วัน
จากนั้นขุดหลุมให้กว้างยาวและลึกด้านละ 50 ซม. ใสกว่าระดับดินประมาณ 5 นิ้ว ส่วนตาจะอยู่ลึกในดินประมาณ 1 ฟุต กลบดินให้เต็มหลุมและเหยียบให้แน่น
การบำรุงรักษา หมั่นพรวนดินกำจัดวัชพืชและใส่ปุ๋ย เพื่อช่วยให้ตกผล
เร็ว ลำต้นอวบแข็งแรงผลโต