ผักตบชวา วัชพืชที่นำมาใช้ในการทำความสะอาดน้ำ

ผักตบชวา


ผักตบชวาติดอันดับในการต่อสู้พอลลูชั่น

ผักตบชวานับเป็นพืชน้ำที่แผ่ขยายได้รวดเร็ว  เพิ่งจะเล็ดลอดจากบราซิลเมื่อต้นศตวรรษนี้เอง  แล้วก็ตั้งหน้าแผ่ขยายไปทั่วโลก  กีดขวางการสัญจรทางน้ำทั้งอาฟริกา อาเซียและ เกือบทั้งลาตินอเมริกา  ในน้ำที่อบอุ่นและอุดมสมบูรณ์ เจ้าผักตบชวาจะแผ่ขยายเป็นแพเขียวปื๋ออย่างรวดเร็วจนดูคล้ายสนามหญ้าหนาๆ จากฝั่งถึงผั่ง อุดตันไปทั่วทั้งทะเลสาป แม่น้ำ ลำคลอง ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการเดินเรือและการประมงเป็นอย่างยิ่ง และในประเทศไทยเองก็ปวดหัวกับปัญหานี้จนต้องนำไปทดลองทำปุ๋ยหมัก

แต่ในขณะที่ผักตบชวาถูกตราหน้าว่าเป็นวัชพืชอันดับแปดของโลกนั้น  นักวิจัยทั้งหลายก็เริ่มสนใจกับความแข็งแรงและประสิทธิภาพของมันในแนวทางที่จะต่อสู้กับน้ำเป็นพิษ(water pollution) และในด้านแหล่งผลิตของพลังงาน อย่างน้อยที่ห้องวิจัย  6 แห่งในสหรัฐอเมริกาก็ยังตรวจสอบความโน้มเอียงที่จะใช้ผักตบชวาเข้าต่อสู้กับน้ำเป็นพิษ  โดยง่ายๆ และไม่มีผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมโดยใช้ต้นทุนต่ำ ปัจจุบันนี้เมือง lacedall ในรัฐมิสซิสซิปปี้  ซึ่งมีประชากร 2000คน ได้ใช้ผักตบชวาเข้าช่วยในการทำให้น้ำโสโครกที่ถ่ายจากท่อใต้ดินกลับบริสุทธิ์ขึ้นอีกครั้งภายใต้การทดลองและควบคุมของ National Aeronautics and space Administration  และดิสนีย์เวิลด์ศูนย์กลางแห่งความบันเทิงที่มีชื่อเสียงในรัฐฟลอริดา วางแผนที่จะใช้ผักตบชวาเข้าทำความสะอาดน้ำเสียส่วนใหญ่ ภายในปี 1980 นี้ และอย่างน้อยที่สุดบริษัทธุรกิจแห่งหนึ่งกำลังดำเนินการที่จะขายวิธีการนี้เข้าสู่ตลาดโลก

ผักตบชวานั้นลอยตัวอย่างอิสระบนผิวน้ำ เกี่ยวพันกันเป็นวงกลมด้วยก้านแบบฟองน้ำซึ่งทำหน้าที่ช่วยให้ลอยตัวอยู่ในตัว  มีรากดำๆลอยอยุ่ในน้ำ ไม่ติดหรือผูกพันกับดินใดๆ ทั้งสิ้น ทำมาหากินโดยดูดแร่ธาตุที่ลอยอยู่ในน้ำใกล้ๆกับรากนั่นเอง รากนี้ก็ดูดซึมได้ทั้งไนเตรต ฟอสเฟส เกลือโปรแตส ยาฆ่าแมลง สารเคมีที่ก่อให้เกิดกลิ่น สารพิษต่างๆ เช่น ปรอท เงิน และแอดเมียน รวมตลอดไปถึงอะไรต่ออะไรที่ละลายอยู่ในน้ำเสียทั้งหลายเจ้าผักตบชวาเป็นอันดูดซึมเข้าไปเก็บไว้ในเนื้อเยื่อของมันหมดสิ้นไม่มีเหลือหลอ

ในการจะให้เจ้าพืชนี้ทำงานของมันนั้น วิศวกรก็จะสูบน้ำเสียเข้าไปในสระตื้นๆ ซึ่งปลูกผักตบชวาไว้แล้วหลังจากผักตบชวาเติบโตขยายพันธุ์และดูดซึมวัตถุมีพาทั้งหลายในน้ำเสียสักระยะหนึ่ง เขาก็จะเก็บเกี่ยวมันขึ้นมาทำลาย เหลือบางส่วนไว้ขยายพันธุ์ต่อไป ขบวนการนี้จะถูกทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนน้ำเสียกลับเป็นน้ำบริสุทธิ์อีกครั้ง น้ำขุ่นๆ ข้นๆ เป็นพิษซึ่งถูกสูบเข้าไปในสระที่มีผักตบชวาปลูกอยู่นั้น จะกลับกลายเป็นน้ำใส ไม่มีกลิ่น และ ไม่มีพิษอีกต่อไป ซึ่งจะถูกต้องตามข้อกำหนดอันเข้มงวดของน้ำบริสุทธิ์มาตรฐาน ปี 1980 ซึ่งกำหนดโดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกา

ขบวนการทั้งหมดนี้ต้องการการดูแลเอาใจใส่น้อยมาก พลังงานที่ใช้ส่วนใหญ่ในการดำเนินการนั้นมาจากแสงแดดและความดึงดูดของโลก อัตราการดูดซึมสิ่งพิษของผักตบชวา(The Uptake rate) นั้นสูงมาก และผักตบชวาที่ปกคลุมเนื้อที่  1 เฮกตา นั้น สามารถจัดการกับการกำจัดน้ำเสียจากเมืองที่มีประชากร 2000 คน ได้อย่างสบายๆ

สำหรับประเทศกำลังพัฒนานั้น วิธีการนี้อาจสำคัญอย่างยิ่งยวดขึ้นมาได้ง่ายๆ เพราะผักตบชวาในเนื้อที่  1 เฮกตานั้น  สามารถนำมาสกัดออกมาเป็นไนโตรเจนได้  4 ตัน และ ฟอสฟอรัส อีก 1 ตัน ต่อปีและเจ้าไนโตรเจนและฟอสฟอรัสนี่ก็เป็นส่วนผสมที่สำคัญในปุ๋ยเคมีที่เป็นตัวการใหญ่ที่ทำให้มูลค่าสั่งเข้าของประเทศกำลังพัฒนาเพิ่มสูงขึ้นอยู่ทุกวันนี้ นอกจากนั้นผักตบชวาที่ปลูกในทะเลสาปยังสามารถนำมาหมักทำปุ๋ยหมักซึ่งเป็นปุ๋ยราคาถูก และช่วยปรับปรุงคุณสมบัติทางกายภาพของดินอีกด้วย  เรื่องที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่านี้ก็คือการเป็นแหล่งผลิตพลังงาน คือ ถ้าเราเอาเจ้าผักตบชวาใส่ลงไปในถังปิดสนิท เจ้าพืชนี้จะเน่าเปื่อยและเกิดชีวเคมีแก๊ส(biogas)อันเหมาะสมมากในการหุงต้มให้ความร้อนและอื่นๆ ข้อยกเว้นมีอยู่อย่างเดียวเท่านั้นคือ ถ้าเราใช้ผักตบชวาเข้ากำจัดสารพิษในน้ำ เช่น ปรอทแล้วอย่าเอาผักตบชวานั้นมาทำปุ๋ยหมักอีกเป็นอันขาด เพราะสารปรอทจะยังคงอยู่และอาจหมุนเวียนกลับมาสู่เราได้ถ้าเรากินพืชผักที่ใส่ปุ๋ยนั้นเข้าไป

ข้อมูลโดย : คุณ โอภาวดี เข็มทอง