สวนครัวแขวน
สุนทร ปุณโณทก
ทุกวันนี้เราควักเราล้วงเอาวิชาธรรมจริยาว่าด้วยการเจียมตน ประหยัด มัธยัสถ์ ฯลฯ เก็บหอมรอมริบมาใช้จนหมดสิ้นก็แล้ว สถานภาพในครอบครัวก็ยังไม่กระเตื้องดีขึ้น ต้องนำวิธีทุนอัฐประหยัดเงินมาใช้ ต้องหาวิธีเพิ่มพูนรายได้ช่วยเหลือจุนเจือมาประพฤติปฏิบัติ ฉบับนี้ขอแนะนำการทำสวนหลังบ้านต้านของแพง สักอย่างหนึ่งคือ การทำสวนครัวแขวน “ปลูกกินเองสิ้นปัญหาสารยาพิษ”
“ทำไม่ต้องปลูกผักแขวนล่ะ?” แม่บ้านวัยกลางคนผู้หนึ่งถามด้วยความสงสัย
“ที่ทางเดี๋ยวนี้คับแคบ อีกทั้งหาเวลาว่างกันยาก ก็จับใส่กระถางหรือกะละมังปลูกแขวน มันเสียเลย ห้อยหรือแขวนก็ได้ ตรงไหนก็ได้ ให้โดนแดดสักครึ่งวัน ต่อไปนี้เรามุ่งประหยัด มากประโยชน์ โทษไม่มี เพราะเราปลูกของเราเอง ควบคุมการใช้ยาฆ่าแมลงได้”
“เอ! ผักอะไรบ้างที่ปลูกแบบแขวนได้ แล้วผลผลิตจะเพียงพอไว้ใช้สอยหรือคะ”
“ได้แทบทั้งนั้นเป็นต้นว่า ต้นหอม ผักชี โหระพา กระเพรา สะระแหน่ แมงลัก พริกต่าง ๆ ผักบุ้ง ผักคะน้า ผักกาด ผักกาดหอม กุยช่าย ฯลฯ”
มะเขือเทศ (Lycopersicon esculentum, Mill.)
มะเขือเทศมีถิ่นกำเนิดในประเทศเปรูและเมกซิโก เข้ามาสู่เมืองไทยเมื่อ 30 กว่าปีมานี้เอง เป็นผักที่มีคุณค่าทางอาหารสูงมาก รองจากมันฝรั่งและมันเทศ
มะเขือเทศอยู่ในวงศ์ SOLANACEAE วงศ์เดียวกันกับมันฝรั่ง มะเขือ และพริกต่าง ๆ
ปัจจุบันได้มีการนำมะเขือเทศมาใช้ปรุงอาหารได้อย่างกว้างขวาง เช่น ซุป สลัด ซอส ทำน้ำมะเขือเทศเช่น น้ำผลไม้อื่น ๆ แม้กระทั่งนำมาเชื่อมเป็นขนมหวาน จนเกิดโรงงานผลิตอาหารกระป๋อง และสิ่งแปรรูปจากมะเขือเทศ
ชาวเหนือเรียก มะเขือส้ม
ผลให้วิตามินเอ. และซี.สูง และธาตุอาหารต่าง ๆ ผลสดมีรสเปรี้ยวและเย็นเล็กน้อยช่วยให้เจริญอาหาร เป็นยาระบาย มีผลลดระดับไขมัน(โคเลสเตอรอล)ในเลือดและตับ ช่วยกระตุ้นและบำรุงกระเพาะอาหาร ไต และลำไส้ ช่วยขับพิษ และสิ่งคั่งค้างต่าง ๆ ในร่างกาย
ราก ลำต้น และใบแก่ ต้มน้ำกินแก้ปวดฟัน ใบมะเขือเทศชงน้ำร้อน ใช้พ่นป้องกันแมลงศัตรูพืชได้
การปลูก
มะเขือเทศปลูกได้ในแปลง เช่น ผักชนิดอื่น แต่ต้องมีหลักราวสำหรับผูกยึดลำต้นและกิ่งก้านด้วยเชือก มิให้ลำต้นทอดเลื้อยไปตามดิน หรือมิฉะนั้นก็ปลูกลงกระถาง 12 นิ้ว ปักหลักผูกด้วยเชือกยึดลำต้นไว้
อีกวิธีหนึ่งซึ่งอาจจะใหม่สำหรับบุคคลทั่วไปนั่นคือปลูกแบบแขวน
ดินที่ใช้ปลูก
ควรเป็นดินที่รวนซุยระบายน้ำได้ดี ดินมีสภาพเป็นกรดเล็กน้อย (P.H.6.0-6.8) และมีอินทรีย์วัตถุประมาณ 1.5%
ดินผสมที่เหมาะในการปลูกมะเขือเทศเป็นไม้แขวน ดิน 1 ส่วน ทราย 1 ส่วน เปลือกถั่วป่นหรือปุ๋ยหมัก 1 ส่วน
ฟ้าอากาศ
มะเขือเทศจะเจริญเติบโตได้ดี เมื่อมีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 15-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิและความเข้มของแสงจะมีผลอย่างยิ่งต่อการติดผลและองค์ประกอบของธาตุอาหาร ในผสมมะเขือเทศกล่าวคือ ถ้าอุณหภูมิสูงเกินไป การติดผลจะต่ำ และถ้าความเข้มของแสงสูง จะมีผลทำให้ผลมีวิตามินซีสูงตามไปด้วย
โดยทั่วไปมะเขือเทศต้องการอุณหภูมิต่ำและความเข้มของแสงค่อนข้างสูง ซึ่งเวลาดังกล่าวเช่นนี้จะตรงกับช่วงฤดูหนาวของเมืองไทย(ตุลาคม-มกราคม) มะเขือเทศจะเจริญเติบโตและให้ผลผลิตดี
พันธุ์มะเขือเทศ
เราอาจแบ่งมะเขือเทศออกเป็น 2 ประเภท ตามการใช้ประโยชน์ คือ
– มะเขือเทศกินผลสด (มะเขือเทศกินเนื้อ)
– มะเขือเทศที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมอาหารประเภทต่าง ๆ
ในฤดูหนาวเหมาะที่จะปลูกมะเขือเทศพันธุ์กินผลสด
ส่วนฤดูอื่น ๆ ควรปลูกมะเขือเทศชนิดส่งโรงงาน เช่น พันธุ์สีดา และพันธุ์ป่า(มะเขือส้ม) ซึ่งมีผลเล็ก เนื้อน้อย
มะเขือเทศส้ม พันธุ์นี้ได้มาจากเชียงใหม่เหมาะที่จะปลูกแบบแขวนได้ตลอดปี ดูแลรักษาง่าย โรคแมลงรบกวนน้อย ให้ผลเล็กแต่ทว่าดก
ปลูกใส่กระถางแขวนสัก 1-2 กระถาง ไว้ระเบียงบ้าน ผลที่สุกแดงจะสร้างบรรยากาศให้สวยสะดุดตา เป็นทั้งไม้ประดับและอาหารได้ไม่เลว
“ไม่รวยก็สวยได้…ว่างั้นเถอะ”
เลือกเอาผลสุกมาผ่า แคะเอาเมล็ด ล้างน้ำให้เหมือนที่หุ้มเมล็ดออกให้หมด แล้วเกลี่ยวางบนกระดาษโรเนียว หรือกระดาษหนังสือพิมพ์ พอน้ำแห้งเมล็ดจะเกาะติดกระดาไว้แน่น ผึ่งลมจนเมล็ดแห้ง ก็นำไปเพาะในถ่านแกลบผสมทราย หรือดินร่วน
กลบเมล็ดด้วยดินร่วน หนาไม่เกินครึ่งเซนติเมตร ประมาณ 4-7 วันเมล็ดจะเริ่มงอก
เมื่อต้นกล้าอายุ 14 วัน (มีใบจริง 2 ใบ) ก็ย้ายปลูกได้
วิธีหนึ่งที่ร่นเวลาเพาะเมล็ด นั่นคือตัดยอดยาวประมาณคืบหนึ่ง จะตัดชำในถ่านแกลบทราย หรือน้ำก็ได้ ชั่วเวลา 7 วันเท่านั้น รากจะออกมามากมาย แยกไปปลูก ได้ทันที
การให้ปุ๋ย
ใส่ปุ๋ยคอกตอนเตรียมดิน ส่วนปุ๋ยวิทยาศาสตร์ ให้ภายหลังตามระยะที่มะเขือเทศต้องการ
ปุ๋ยเสริม
ถ้าเป็นดินเหนียว ควรให้ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนและพอตัสเซี่ยมเท่า ๆ กัน แต่ให้ฟอสฟอรัสสูงกว่า เช่น 15-30-15, 12-24-12 เป็นต้น
ถ้าเป็นดินทราย ควรให้ปุ๋ยสูตรที่มีพอตัสเซี่ยมสูง แต่ไม่มากกว่าฟอสฟอรัส เช่น 10-12-15 เป็นต้น
ถ้าเป็นดินทราย ซึ่งเป็นดินที่ไม่ค่อยมีพอตัสเซี่ยม จึงควรให้พอตัสเซี่ยมสูงกว่าตัวอื่น ๆ เช่น 12-12-17 หรือ 15-20-20 เป็นต้น
โดยปฏิบัติเพียง 4-5 กระถาง รดด้วยน้ำซาวข้าว น้ำคาวปลา น้ำล้างเนื้อ ก็เป็นการเพียงพอ
การให้น้ำ
มะเขือเทศต้องการดินชุ่มชื้น แต่ไม่ชอบดินแฉะ ควรให้ทีละน้อยแต่บ่อย ๆ จะได้ผลดี
ประโยชน์ใช้สอย
ก. รับประทานผลสุกจิ้มเกลือ
ข. ใช้ผลสุก 5-6 ผล ผัดข้าว
ค. นำผลสุกมาต้ม แล้วนำมาคลุกกับน้ำพริกกะปิใส่ระกำ ผสมกับปูม้าหรือปูทะเลต้มแกะเนื้อ
ง. ใส่ในต้มซุปเนื้อ
จ. ผ่าซีก 5-6 ผล ต่อยใส่ไข่ 2 ฟอง คนให้เข้ากันแล้วเจียว
ฉ. ตำน้ำพริกอ่อง
ช. รวบรวมผลสุกต้ม ใช้ตะแกรงตากแดดให้เหี่ยว เชื่อมน้ำตาล เป็นขนมหวาน
ซ. คั้นน้ำแยกเมล็ดและเปลือกออก กรองเอาแต่เนื้อและน้ำเหยาะเกลือเล็กน้อย บรรจุขวดแช่เย็นดื่ม
หามะเขือเทศพันธุ์ป่า(มะเขือส้ม) ไม่ได้ มะเขือเทศสีดาที่วางขายตามตลาดก็ใช้ได้ ผลใหญ่ได้เนื้อได้หนังดี มากกว่าเสียอีก